“นี่คือสถานการณ์การดำเนินงานของฟางซื่อกรุ๊ปในหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนลองดูสิครับ”
หลังจากส่งเสร็จ ฟางยู่เชินก็กลับมายืนอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง แล้วก็มองทุกคนอย่างสงบ
เมื่อทุกคนได้รับเอกสาร ก็เปิดออกดู
คุณท่านฟางวางลงหลังจากเหลือบมองเล็กน้อย “อะเชิน แกเตรียมพวกนี้มาทำไมกัน? ”
ฟางยู่เชินยิ้ม “ผมแค่อยากให้ทุกท่านเข้าใจฟางซื่อกรุ๊ปดีขึ้นไปอีก ให้ทุกท่านได้เข้าใจว่าความจริงแล้วสถานการณ์ของฟางซื่อกรุ๊ปไม่ได้ดีเหมือนดั่งที่คิดกัน”
พอพูดประโยคนี้ออกไป ก็มีคนแสดงความไม่พอใจทันที “แกหมายความว่าท่านประธานไม่ได้จัดการได้ดีใช่ไหม กล้ามากเกินไปแล้วนะ ถ้าเกิดว่าฟางซื่อกรุ๊ปไม่มีท่านประธาน จะมีขอบข่ายได้เท่าทุกวันนี้เหรอ? ”
คนที่พูดก็คือฟางเฉิง หลังจากที่เขาด่าฟางยู่เชินเสร็จแล้ว ก็หันไปหาคุณท่านฟางแล้วพูดว่า “พ่อ อะเชินอายุยังน้อย เลยทำอะไรซี้ซั้ว อย่าโกรธเลยนะครับ”
คุณท่านฟางชำเลืองมองเขา แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “อะเชินพูดไม่ผิด สองปีมานี้ฟางซื่อกรุ๊ปเริ่มถอยหลังเข้าคลองแล้วจริงๆ ”
นี่คือเหตุผลที่เขารีบร้อนอยากจะหาผู้สืบทอดคนใหม่
ฟางเฉิงไม่ได้คาดคิดว่าคุณท่านจะพูดแบบนี้ เดิมทีนึกว่าจะหาพวกตรงข้ามฟางยู่เชินได้ ใครจะไปคิดว่ากลับเป็นตัวเองซะเองที่ขายหน้าต่อหน้าทุกคน
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ดูแย่ลงเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังฝืนยิ้มออกมา “ถ้ายังงั้นก็แสดงว่าผมเข้าใจน้อยไปหน่อยแล้ว”
“โง่” ฟางรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ทำเสียงดูถูกเหยียดหยาม
ฟางเฉิงได้ยิน ก็อยากจะระเบิดอารมณ์ แต่ว่าฟางอี้หมิงรีบห้ามเขาไว้ “พ่อ ยังอยากขายหน้าอีกเหรอ? ”
ฟางเฉิงจำใจต้องยอมแพ้ แล้วก็จ้องหน้าฟางรุ่ยอย่างดุร้าย
รอให้เรื่องจบเมื่อไหร่ ค่อยคิดบัญชีทีเดียวก็ได้
“อะเชิน ในเมื่อแกพบปัญหาของบริษัทแล้ว ถ้าเกิดว่าแลกกันเป็นแก แกจะทำยังไง? ” คุณท่านฟางถาม
ฟางยู่เชินยิ้มอย่างมั่นใจ แล้วก็พูดแต่ละคำออกมาอย่างชัดเจน “ถ้าเกิดว่าเป็นผม ในขณะที่แก้ปัญหา ผมจะมองหาความร่วมมือใหม่ด้วย”
“ความร่วมมือใหม่ยังงั้นเหรอ? ” คุณท่านฟางเลิกคิ้วอย่างสนใจ “ความร่วมมือใหม่อะไรกัน? ”
“คุณปู่ ลองดูอันนี้สิครับ”
ฟางยู่เชินหยิบแฟ้มในมือแล้วเดินไป เปิดออกแล้ววางต่อหน้าคุณท่าน
คุณท่านก้มหน้าลงมอง แล้วก็เบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ “จิ้นกรุ๊ปเหรอ?”
พอได้ยินคำว่า “จิ้นกรุ๊ป” ทั้งห้องประชุมก็คึกคักขึ้นมาทันที
“จิ้นกรุ๊ปแห่งเมืองจิ่นนั่นเหรอ นี่พวกเรากำลังจะได้ร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปเหรอ? ”
“พวกคุณลืมไปแล้วเหรอว่าหลานสาวของคุณท่านเป็นภรรยาคนท่านประธานคนปัจจุบันของจิ้นกรุ๊ป การร่วมมือนี้มันมีอะไรให้แปลกใจตรงไหนกัน? ”
“คุณไม่เข้าใจ ดูจากนิสัยของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ต่อให้เป็นพ่อของเขา เขาก็ไม่พยักหน้ายอมร่วมมือด้วยง่ายๆ หรอกนะ”
……
กรรมการคนอื่นๆ ตั้งตารอที่จะร่วมมือครั้งนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับบางคน
เช่นฟางเฉิงกับฟางอี้หมิง
“เขาไปร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปได้ยังไงกัน? ” สายตาของฟางเฉิงมองไปที่ฟางยู่เชินที่อยู่ข้างๆ คุณท่านฟางอย่างมืดมน
ฟางอี้หมิงหรี่ตาลง “เมื่อวานเขาไปเมืองจิ่นมา”
พอได้ยินดังนั้น ฟางเฉิงก็หัวเราะอย่างเย็นชา “นึกไม่ถึงเลยว่าสองคนพ่อลูกจะมีอุบายแบบนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็จ้องจะเขมือบฟางซื่อกรุ๊ปอยู่เหมือนกัน”
“พ่อ พูดเรื่องตลกอยู่รึไงกัน? ” ฟางอี้หมิงเสียดสี “ทั้งตระกูลฟางนี้มีใครไม่จ้องจะเขมือบฟางซื่อกรุ๊ปบ้างล่ะ แม้แต่ไอ้ลูกล้างผลาญอย่างฟางเย้นชิงเองก็ยังคิดเลย”
“ถ้ายังงั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี? ตอนนี้ฟางยู่เชินมีจิ้นกรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุน คนที่จะสนับสนุนก็มีเยอะขึ้นแล้ว”
พอพูดแบบนี้ ฟางเฉิงก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพ่อถึงได้ชอบฟางเถิงนั่นมากขนาดนั้น”
“พ่อ ไม่ต้องรีบร้อนไป ยังไงก็ต้องมีวิธี”
ฟางอี้หมิงมองดูฟางยู่เชินที่กำลังยิ้มอย่างประสบความสำเร็จ แววตาก็ดูชั่วร้าย
และในขณะเดียวกัน ฟางรุ่ยกับฟางเย้นซินก็กำลังกระซิบกระซาบคุยกันอยู่
“แกดูไอ้คนเจ้าเล่ห์อย่างฟางยู่เชินนั่นสิ ลากจิ้นกรุ๊ปเข้ามาด้วย หน้าไม่อายจริงๆ ” ฟางรุ่ยด่าด้วยความโมโห
ฟางเย้นซินสีหน้ามืดมน “ผมประเมินมันต่ำไปจริงๆ ”
เขาเห็นฟางอี้หมิงเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดมาโดยตลอด แต่กลับไม่คิดเลยว่าฟางยู่เชินจะจริงจังขนาดนี้
“พ่อว่าพวกเรายอมแพ้กันเถอะ แค่ฟางอี้หมิงคนเดียวก็จัดการยากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีฟางยู่เชินเพิ่มขึ้นมาอีก ลูกจะยังมีโอกาสอยู่ไหมเนี่ย? ”
คำพูดนี้ฟางเย้นซินไม่ชอบฟังเลย “ทำไมจะไม่มีโอกาสแล้วล่ะ? การเลือกผู้สืบทอดในครั้งนี้ เป็นการอาศัยความสามารถส่วนบุคคล ใครจะหัวเราะได้จนจบยังไม่รู้เลย”
“ใช่ พ่อ อย่าเพิ่มความนิยมของมันและทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง” แม้แต่ฟางเย้นชิงก็ยังทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว
“แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ” ฟางรุ่ยตบหัวฟางเย้นชิง “แกคิดว่าถ้าแกเอาการเอางานมากกว่านี้ ช่วยพี่ชายแกได้สักหน่อย พวกเราจะถูกกดดันจนน่าสมเพชขนาดนี้ไหม? ”
“พ่อ ทำอะไรเนี่ย? ” ฟางเย้นชิงอดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมา ดึงดูดสายตาของคนอื่น
คุณท่านฟางขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
ฟางรุ่ยรีบดึงให้ฟางเย้นชิงลุกขึ้น แล้วอธิบายว่า “พ่อ ผมก็แค่สั่งสอนเย้นชิงหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรครับๆ ”
“นี่เรากำลังประชุมกันอยู่!ถ้าเกิดว่าพวกแกไม่อยากฟังก็ออกไป” คุณท่านตำหนิอย่างจริงจัง
“เปล่าครับๆ พวกเราฟังครับๆ ” ใบหน้าของฟางรุ่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ
คุณท่านฟางถลึงตาใส่พวกเขาอย่างเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็พูดว่า “ท่านคณะกรรมการหลายท่านก็อยู่กับผมมาตั้งหลายปี พวกหลานชายของผมพวกคุณก็เห็นพวกเขาเติบโตขึ้น ใครมีความสามารถที่จะแบกรับภาระของผมต่อได้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
เด็กพวกนี้ทั้งฉลาด และก็ยอดเยี่ยม ทุกคนมีข้อดีของตัวเอง ทุกท่านพิจารณาเอาดูนะครับ”
พวกคณะกรรมการมองหน้ากันไปมา แล้วหนึ่งในนั้นก็มีคนหนึ่งพูดออกมา “ท่านประธานครับ ท่านคิดว่าใครเหมาะสมครับ? ”
คุณท่านฟางยิ้ม “ผมน่ะ แน่นอนว่ารู้สึกว่าทุกคนคู่ควร แต่ว่าเพื่อการพัฒนาของฟางซื่อกรุ๊ป ผมจะเลิกยู่เซิน”
“เพราะว่าจิ้นกรุ๊ปเหรอครับ?”
“ใช่” คุณท่านฟางเองก็ไม่คลุมเครือ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “การร่วมมือระหว่างฟางซื่อกรุ๊ปกับจิ้นกรุ๊ป ถือว่าเป็นความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ผมเชื่อว่าในอนาคตทั้งสองบริษัทจะไปถึงระดับที่สูงขึ้น”
เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าพวกคณะกรรมการจะเข้าใจความหมายของเขา
“ถ้ายังงั้นพวกเราก็รู้แล้วว่าควรจะเลือกอะไร” พวกคณะกรรมการแสดงความคิดเห็น
ถึงแม้ว่าฟางยู่เชินจะมีแผนการอยู่ในใจ และก็มั่นใจอยู่แล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของคุณท่านแบบนี้ ก็รู้สึกโล่งใจมาก
ถ้าเป็นแบบนี้ไป แล้วไม่เกิดเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายนั้น เขาก็จะได้กลายเป็นคนรับช่วงต่อของฟางซื่อกรุ๊ป
“ทุกคนยังไม่ต้องเร่งรีบลงคะแนน พวกเราจะมาตัดสินใจครั้งสุดท้ายกันในการประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้”
คุณท่านฟางลุกขึ้น “ถ้ายังงั้นการประชุมวันนี้แค่นี้ก่อนแล้วกัน”
ฟางเถิงรีบเดินตามไป ประคองคุณท่านออกไป คณะกรรมการคนอื่นๆ ก็ทยอยออกไปเหมือนกัน
เหลือเพียงแค่พ่อลูกฟางเฉิง พ่อลูกฟางรุ่ย แล้วก็ฟางยู่เชิน
“ยู่เชิน ใช้ได้เหมือนกันนิ สามารถตกลงร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปได้ด้วย” ฟางเฉิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฟางยู่เชิน แล้วก็พูดอย่างแปลกประหลาด
ฟางยู่เชินยิ้ม “ขอบคุณที่ลุงใหญ่ชมครับ”
ฟางเฉิงสะอึก
“น้องสาวช่วยนายได้เยอะเลยสินะ”ฟางอี้หมิงพูด
ถ้าเกิดว่าตอนนั้นที่เจียงสื้อสื้อกลับมา เขาไม่ได้ไปถากถางเธอ ดูถูกเธอ ถ้ายังงั้นตอนนี้คนที่จะได้ความร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปมาในตอนนี้ก็คงจะเป็นเขา
ฟางอี้หมิงรู้สึกเสียใจ