ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่936 ไม่มองโลกในแง่ดี

บทที่936 ไม่มองโลกในแง่ดี

พอเจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น อารมณ์ก็ดีขึ้นมาในทันที

“จริงเหรอ? ถ้ายังงั้นฉันก็สบายใจแล้ว”

ในที่สุด หัวใจที่เป็นกังวลอยู่นั้นก็กลับมาที่เดิม

จิ้นเฟิงเฉินหันหน้ามาเหลือบมองเธอ มุมปากมีรอยยิ้มที่เอาใจ “อารมณ์ดีแล้วเหรอ? ”

“อืม ดีขึ้นเยอะเลย” เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปยิ้มหวาน “ในที่สุดคุณตาก็เกษียณอย่างสบายใจ ฉันเชื่อว่าความสามารถของพี่จะสามารถดูแลจัดการฟางซื่อกรุ๊ปได้ดี”

“ฉันก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”

จิ้นเฟิงเฉินละสายตากลับมา มองไปด้านหน้า รถก็ค่อยๆ มุ่งเข้าสู่กระแสจราจร “พอเรื่องของตระกูลฟางจบลงเมื่อไหร่ พวกเราก็ไปหาคุณตากัน”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “โอเค ตอนนั้นก็เอาเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนไปด้วย”

“อืม”จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองเธอ “อยากกินอะไร? ”

เจียงสื้อสื้ออึ้งไป “ไม่กลับไปกินเหรอ? ”

“เมื่อคืนพวกเขายึดครองเธอไปแล้วทั้งคืน ดังนั้น คืนนี้เธอต้องเป็นของฉันเท่านั้น”

“พูดอะไรกัน” คำพูดนี้มันค่อนข้างน่าอาย เจียงสื้อสื้อหน้าร้อน แล้วก็พูดอย่างโกรธเคือง “นายเป็นแด๊ดดี้ของพวกเขานะ ทำไมถึงได้หึงพวกเขาล่ะ? ”

“เพราะว่าเธอคือภรรยาของฉัน”

จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือไปกุมมือเธอไว้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการประกาศอธิปไตย

เหมือนเด็กน้อยจริงๆ

เจียงสื้อสื้อเม้มปากและคลี่ยิ้มออกมา “ก็ได้ ฟังนายแล้วกัน”

เย็นนี้จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อไปกินข้าวด้านนอก ดื่มด่ำกับโลกของคนสองคน จนถึงกลางดึกค่อยกลับบ้าน

เพราะว่าเหนื่อย คืนนี้เจียงสื้อสื้อเลยหลับสนิทมาก ไม่ฝันเลยทั้งคืน

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า หนังตาขวาเธอก็กระตุกไม่หยุดเลย

รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่สบายใจตรงไหนเหรอ? ” จิ้นเฟิงเฉินสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ปกติ ก็นึกว่าเธอรู้สึกไม่สบาย เลยถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอก”เจียงสื้อสื้อเม้มปาก และพูดต่อว่า “หนังตาฉันเอาแต่กระตุกไม่หยุดเลย รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เหมือนกับว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นยังงั้นแหละ ทางฝั่งตระกูลฟาง……คงจะไม่มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม? ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ถ้าเกิดว่าไม่สบายใจจริงๆ กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็โทรไปถามฟางยู่เชินสิ”

“โอเค”

พอกินอาหารเช้าเสร็จ ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นยังคงอยู่ เจียงสื้อสื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเชื่อจิ้นเฟิงเฉิน โทรไปหาฟางยู่เชิน

ฟางยู่เชินบอกว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น รอให้การประชุมคณะกรรมการบริหารจบลงแล้วสถานการณ์คลี่คลาย เขาจะโทรมาบอกเธอ

เจียงสื้อสื้อรู้สึกสบายใจขึ้น แต่ว่าหนังตาของเธอก็ยังกระตุกไม่หยุดเลย

ประมาณสิบโมงเช้า จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

ฟางยู่เชินโทรมา

เจียงสื้อสื้อนึกว่าเขาจะโทรมาบอกเรื่องที่น่ายินดี ก็รีบรับสายทันที “พี่ ใช่……”

เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงของฟางยู่เชินพูดอย่างรีบด่วน “สื้อสื้อ คุณตาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล!”

เหมือนฟ้าผ่าเข้ามาท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใส เจียงสื้อสื้ออึ้งไป นึกว่าตัวเองได้ยินผิด “พี่ พี่……พูดว่าอะไรนะ? ”

“ตอนนี้ไม่รู้ว่าอาการของคุณตาจะเป็นยังไงบ้าง เธอ……”

“ฉันจะไปเมืองหลวงเดี๋ยวนี้!”

เจียงสื้อสื้อพุ่งออกมาจากห้อง แล้ววิ่งลงไปด้านล่าง

“สื้อสื้อ หนูเป็นอะไรไป? ” แม่จิ้นเห็นว่าเธอตื่นตระหนก ก็รีบห้ามเธอไว้ แล้วถามอย่างเป็นห่วง

“แม่คะ คุณตาของหนูเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หนูต้องไปเมืองหลวงตอนนี้”

พอพูดนั้น เจียงสื้อสื้อก็จะวิ่งออกไปด้านนอกทันที

“สื้อสื้อเดี๋ยวก่อน!”แม่จิ้นดึงเธอไว้ “จากเมืองจิ่นไปเมืองหลวงนั้นไม่ใกล้เลยนะ หนูไปคนเดียวแม่ไม่สบายใจ”

“แม่คะ……”เจียงสื้อสื้อตาแดงแล้ว

“สื้อสื้อ หนูใจเย็นก่อน เดี๋ยวแม่จะโทรหาเฟิงเฉิน ให้เขาไปเป็นเพื่อนหนู”

แม่จิ้นดึงเธอมานั่งลงที่โซฟา หลังจากนั้นก็โทรหาจิ้นเฟิงเฉิน เล่าสถานการณ์ให้เขาฟัง

“ผมจะกลับไปตอนนี้”

หลังจากวางสาย แม่จิ้นก็หันไปมองเจียงสื้อสื้อที่น้ำตาไหลอยู่เงียบๆ เธอรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก “อย่าร้องไห้ สื้อสื้อ คุณตาจะของหนูจะไม่เป็นอะไร”

“แม่คะ”

เจียงสื้อสื้อพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอแล้วสะอึกสะอื้น

แม่จิ้นไม่รู้ว่าควรจะปลอบเธอยังไง ก็ได้แต่กอดเธออยู่เงียบๆ ปลอบเธอแบบไม่มีเสียง

จิ้นเฟิงเฉินรีบกลับมาที่บ้าน เห็นว่าเจียงสื้อสื้อร้องไห้จนตาแดง หัวใจเหมือนถูกใครตีอย่างแรง มันอึดอัดมาก

“ฉันให้กู้เนี่ยนจองตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราออกเดินทางได้เลย”

จิ้นเฟิงเฉินจับมือเธออย่างระมัดระวัง

เจียงสื้อสื้อเช็กคราบน้ำตาของตัวเอง “ถ้ายังงั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ”

“แม่ พวกเราคงไม่ได้กลับมาเร็วขนาดนั้น สองสามวันนี้รบกวนดูแลเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนให้ด้วยนะครับ”

พอได้ยินคำพูดของลูกชาย แม่จิ้นก็ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “นั่นคือหลานชายหลานสาวของแม่นะ แม่ก็ต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว ลูกนั่นแหละ ดูแลสื้อสื้อให้ดี มีเรื่องอะไรก็บอกพวกเราได้ตลอด”

“ครับ”

……

ตอนที่รีบมาถึงเมืองหลวงนั้นก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว ฟางยู่เชินรออยู่ด้านนอกสนามบินนานแล้ว

พอเห็นว่าพวกเขาออกมา ฟางยู่เชินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “รีบขึ้นรถเร็ว”

พอขึ้นรถ เจียงสื้อสื้อก็ถามอย่างรีบร้อน “คุณตาเป็นยังไงบ้าง? ”

“ยังพยายามช่วยชีวิตอยู่”สีหน้าของฟางยู่เชินผิดปกติ

ก่อนที่จะมาที่นี่ เจียงสื้อสื้อได้เตรียมใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว แต่พอได้ยินฟางยู่เชิน ร่างกายของเธอก็สั่นเทา

จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือไปกอดเธอไว้ ก้มหน้าลงไปมองก็เห็นว่าเธอก้มหน้าลงและหลับตา คิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าซีดเซียว ก็อดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ “โอเคไหม? ”

“อืม……”

เสียงพูดของเธอปนเสียงร้องไห้

เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงแล้วที่เธอได้รับโทรศัพท์ แต่คุณตายังคงอยู่ในขั้นตอนการช่วยชีวิต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาการบาดเจ็บรุนแรงเพียงใด

จิ้นเฟิงเฉินกอดเธอแน่น และปลอบด้วยเสียงที่อ่อนโยน “คุณตาจะไม่เป็นอะไร”

ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้นมองกระจกหลัง ก็เห็นว่าเจียงสื้อสื้อทุกข์ใจขนาดนี้ ชายร่างใหญ่ก็อดแสบจมูกตามไปไม่ได้

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามดึงน้ำตาของตัวเองกลับไป แล้วก็ปลอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “สื้อสื้อ ไม่ต้องทุกข์ใจไปหรอก ฉันเชื่อว่าคุณปู่นั้นโชคดี ต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”

ประโยคนี้ก็เป็นการปลอบตัวเขาเองเหมือนกัน

ชายสูงอายุที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉินเป็นเวลานาน สถานการณ์อาจไม่เป็นไปในเชิงบวก

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” เจียงสื้อสื้อถามอย่างช้าๆ

“วันนี้คุณปู่ตัดสินใจจะประกาศคนที่จะได้สืบทอดกิจการต่อ แต่ว่าท่านออกจากบ้านได้ไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุ”

พอพูดถึงแบบนี้ มือของฟางยู่เชินที่จับพวงมาลัยอยู่ก็บีบแน่นขึ้น ดวงตาหรี่ลง “เรื่องนี้มันบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว”

ความเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉิน “หรือว่า บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญ”

พอได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “เฟิงเฉิน นายหมายความว่ายังไง? ”

“มีคนรีบ”

จิ้นเฟิงเฉินกับฟางยู่เชินสบตากันผ่านทางกระจกมองหลัง ตอนนี้ในใจของทั้งสองคนนั้นชัดเจนมาก ว่าอุบัติเหตุของคุณท่านในครั้งนี้มันไม่ได้เป็นแค่เพียงอุบัติเหตุหรอก

เหมือนกับที่จิ้นเฟิงเฉินพูด ว่ามีคนรีบ

เมื่อสุนัขจนตรอกแล้วอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น แล้วคนละ? เมื่อจนตรอกแล้ว เรื่องอะไรก็สามารถทำได้เหมือนกัน

พอคิดได้แบบนี้ ฟางยู่เชินก็กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เมื่อเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ ความรักในครอบครัวก็กลายเป็นเรื่องเปราะบางไปเลย

เจียงสื้อสื้อเข้าใจแล้ว เธอถามอย่างลองเชิง “พวกพี่กำลังคิดว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้มีคนแอบควบคุมอยู่งั้นเหรอ? ”

พอเธอถามเสร็จ ในรถก็เกิดความเงียบสงัด

ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาตอบ เจียงสื้อสื้อก็รู้คำตอบดีแล้ว

ความหนาวเย็นมาจากฝ่าเท้าและค่อยๆ ลามไปทั่วร่างกาย

เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

เพื่ออำนาจแล้ว คนบางคนก็ไม่ต้องการแม้แต่ครอบครัวด้วยซ้ำ

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท