ฟางยู่เชินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง นึกถึงคำพูดของพวกคณะกรรมการ เขาก็ดึงเนกไทไปมาอย่างอยู่ไม่สุข
ให้ตายสิวะ!
ใครมันขัดขาในการทำสัญญาครั้งนี้กันแน่
” ท่านประธานครับ ผมกับอีกฝั่งได้คุยกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเซ็นสัญญาครับ ” ผู้ช่วยเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขา เพื่อรายงานสถานการณ์ล่าสุด
ฟางยู่เชินหันกลับไปถาม ” ได้บอกเหตุผลไหม ”
” ไม่มีครับ ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว ” จะไม่มีเหตุผลได้ยังไง ผมคุยกับพวกเขาด้วยตัวเอง ข้อตกลงทุกอย่างต่างฝ่ายต่างพอใจแล้ว จู่ ๆ จะไม่เซ็นสัญญาก็ต้องมีเหตุผลหรือเปล่า ”
ผู้ช่วยก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกลับคำ เพราะฟางซื่อกรุ๊ปให้ราคาและข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้ว ทำไมอีกฝ่ายถึงทำอะไรแปลก ๆ แบบนี้ได้
ฟางยู่เชินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นสุขุม ” เรื่องนี้ต้องมีคนมาก่อกวนแน่ ๆ ”
แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าเป็นใคร
” แล้วพวกเราจะเอายังไงดีครับ “ผู้ช่วยถาม
” ไปคุยกับบริษัทอื่นแทน ”
ถ้าบริษัทนั้นไม่รักษาข้อตกลง จากนี้ก็ลากเข้าแบล็กลิสต์ไปเลย ชาตินี้คงไม่ได้ทำงานร่วมกับฟางซื่อกรุ๊ปอีก
” ครับ ผมจะไปติดต่อตอนนี้เลย ”
ผู้ช่วยรีบออกไป
ฟางยู่เชินหลับตาลง ค่อย ๆ หายใจ พยายามกดความโกรธในใจเอาไว้
เขาห้ามโกรธ ห้ามร้อนรน ไม่อย่างนั้นจะสมดั่งใจคนพวกนั้น
อีกข้างหนึ่งในขณะเดียวกัน ฟางเฉิงมาที่ห้องทำงานของลูกชายของเขา ฟางอี้หมิง
” อี้หมิง วันนี้เป็นวันที่พ่อมีความสุขจริง ๆ “ฟางเฉิงพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
เขาเดินไปตรงหน้าลูกชาย มือทั้งสองข้างเท้าสะเอว แล้วพูดอย่างตื่นเต้น ” แกไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้ฟางยู่เชินน่ะ สีหน้าของไอ้เด็กนั่นมันทุเรศทุรังแค่ไหน อุตส่าห์เก็บไว้ในใจตั้งนาน วันนี้มีเรื่องดี ๆ กลับมาสักที ”
ฟางอี้หมิงเห็นประตูด้านหลังของเขาไม่ได้ปิด เลยขมวดคิ้ว ” พ่อ เดินไปปิดประตูที อีกอย่าง ช่วยเสียเบา ๆ ด้วย ถ้าใครมาได้ยินเข้า แล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกฟางยู่เชินเราจะซวยกันหมด ”
เขาพูดแบบนั้น ฟางเฉิงถึงพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองดีใจเกินเหตุ เลยค่อย ๆ เดินไปปิดประตูอย่างสมอารมณ์
” พ่อ เรื่องนี้มันแค่การเริ่มต้น อย่าทำตัวเป็นกระดี่ได้น้ำเลย ถ้าโดนจับได้จะรู้สึก ”
ถ้าเทียบกับฟางเฉิงที่ดีใจออกนอกหน้าแล้ว ฟางอี้หมิงกลับมีท่าทีสุขุมกว่ามาก
” พ่อรู้ พ่อรู้ ” ฟางเฉิงพยักหน้าขอไปที
ฟางอี้หมิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยกำชับไป ” พ่อ ทำเรื่องให้มันหมดจดกว่านี้ อย่าทิ้งร่องรอยให้มาเดือดร้อนทีหลังล่ะ ”
” พ่อของแกทำเรื่องอะไรแกก็ยังไม่วางใจอีกเหรอ แผนน่ะวางเสร็จเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว ” ฟางเฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย
ถึงยังไงเรื่องวันนี้ ฟางยู่เชินก็หาตัวพวกเขาไม่ได้แน่นอน
……
จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อมาถึงเมืองหลวงแล้ว ก็ตรงมาที่โรงพยาบาลที่แรก
เดินมาถึงหน้าประตูของห้องคุณท่านฟาง ก็ได้ยินเสียงอ่านหนังสือดังออกมา
พวกเขาเลยสบตากัน ก่อนจะผลักประตูห้องเข้าไป
ฟางเสว่มั่นที่นั่งอยู่ข้างเตียง ในมือมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม ก่อนจะอ่านหนังสือทีละตัว ๆ อย่างตั้งใจ
คุณท่านชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นเธอเลยวานให้ซ่างหยิงเอาหนังสือมาจากห้องหนังสือใหญ่ที่บ้านมาหลาย ๆ เล่ม เวลาว่างก็จะอ่านหนังสือให้คุณท่านฟัง
เผื่อวันไหนคุณท่านจะตื่นขึ้นมา
เธออ่านหนังสืออย่างตั้งใจ แม้แต่เสียงประตูก็ไม่ได้ยิน
เจียงสื้อสื้อยืนจังก้า สายตาที่อบอุ่นนั้นมองไปที่แม่ของเธอ มุมปากทั้งสองข้างก็ยกขึ้น
เหมือนว่าการที่เธอรับแม่มาไว้ที่นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
เธอรู้สึกได้ถึงสายตาใครบางคน ฟางเสว่มั่นเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเขา ก็ปรากฏใบหน้ายิ้มแย้มออกมา ” สื้อสื้อ เฟิงเฉิน มากันแล้วเหรอ ”
” อื้ม ” เจียงสื้อสื้อเดินเข้ามา มองไปที่คุณท่าน ” คุณตาเป็นยังไงบ้างคะ ”
“เมื่อพูดถึงคุณท่าน ฟางเสว่มั่นก็หุบยิ้มลงทันตา สายตาบ่งบอกถึงความเศร้าโศกดั่งเช่นเคย ” ก็เป็นเหมือนเดิมหมอบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเจ้าชายนิทรา
” เจ้าชายนิทราเหรอคะ ” เจียงสื้อสื้อตกใจมาก ไม่ใช่ว่าจะฟื้นขึ้นมาได้เหรอคะ ทำไมถึงเป็นเจ้าชายนิทราไปได้ล่ะ ”
” แค่เปอร์เซ็นต์น่ะ อาจจะเป็นเป็นไปตามนั้นก็ได้ ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น ก็คิดอะไรบางอย่าง แล้วหันไปถามจิ้นเฟิงเฉิน ” ถ้าอย่างนั้นเราย้ายคุณตาไปรักษาในโรงพยาบาลที่หมอมีความสามารถกว่านี้ดีไหมคะ ”
จิ้นเฟิงเฉินเห็นด้วย ” ผมจะบอกให้กู้เนี่ยนจัดการเอง ”
” ค่ะ ขอบคุณนะคะ ”
แม่พึ่งกลับมาตระกูลฟาง เธอไม่อยากให้คุณตาจากไปพร้อมความเสียดายเหมือนคุณยายเช่นนี้
ฟางเสว่มั่นคิดถึงเถียนเถียน ก็รีบเอ่ยปากถาม ” เถียนเถียนเป็นยังไงบ้าง ”
” ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ”
ฟางเสว่มั่นพยักหน้ารับอย่างโล่งอก ” งั้นก็ดีแล้ว บอกแม่ยายของเธอด้วยว่าปกติต้องระวัง อย่าให้เป็นหวัดล่ะ ”
” วางใจเถอะ แม่เขาดูแลเถียนเถียนอย่างดีอยู่แล้ว ”
เจียงสื้อสื้อเดินไปด้านหลังเธอ แล้วนวดไหล่เธอเบา ๆ ” สองวันมานี้ร่างกายของแม่เป็นยังไงบ้างคะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ”
” ให้พูดก็แปลกอยู่หรอก ตั้งแต่แม่มาที่นี่ ก็รู้สึกอารมณ์และจิตใจดีขึ้นแปลก ๆ ”
” จริงเหรอคะ ”
” จริง ๆ นะ แม่จะหลอกแกทำไมล่ะ ”
” ใครจะไปรู้ว่าแม่หลอกหรือไม่หลอก ” เจียงสื้อสื้อขำออกมา เธอมองไปยังคุณท่านที่นอนอยู่บนเตียง ความคิดก็ไหลไปไหลชั่วขณะหนึ่ง ” บางทีหลังจากมาอยู่ข้าง ๆ คุณตา แม่อาจจะรู้สึกผ่านคลายจนทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นด้วยก็ได้ ”
ฟางเสว่มั่นพยักหน้า ” ควรจะเป็นเช่นนั้น ที่จริงก้อนหินก้อนใหญ่ที่ทับใจมาตั้งแต่แม่ออกจากบ้านไปเมื่อกี้สิบปีก่อนตอนนี้ได้วางมันลงไปแล้ว คนก็ต้องรู้สึกโล่งเป็นธรรมดา ”
” ถ้างั้นเรารับแม่มาไว้ที่นี่ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วใช่ไหม ”
” ใช่น่ะสิ แม่ต้องขอบใจลูกจริง ๆ นะ ” ฟางเสว่มั่นกุมมือเธอเอาไว้ พูดออกมาอย่างทีเล่นทีจริง
เจียงสื้อสื้อยิ้มกริ่ม ” ไม่ต้องขอบคุณเลย ตั้งใจรักษาตัวเพื่อหนูดีกว่า ”
” รู้แล้ว ”
แม่ลูกยิ้มแย้มกันอยู่สองคน
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นส่วนเกิน เลยเดินไปนั่งบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ มองดูพวกเธอคุยกันไปมา
เจียงสื้อสื้อนั่งเป็นเพื่อนแม่จนหมดครึ่งวันบ่าย ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เธอเลยกลับมาที่บ้านใหญ่ตระกูลฟางกับจิ้นเฟิงเฉิน
ตอนนี้คุณท่านอยู่ในโรงพยาบาล บ้านใหญ่เลยมีแค่ครอบครัวน้าชายเล็กฟางเถิงอาศัยอยู่
เมื่อเห็นว่าพวกเขามา ซ่างหยิงก็ตกใจ ” สื้อสื้อ มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”
” เกือบ ๆ ช่วงเช้าค่ะ ”
” อ้าว ทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อนล่ะ ” ซ่างหยิงมองด้วยสายตาตำหนิเธอเบา ๆ
สื้อสื้อยิ้มแหย ๆ ” นั่งคุยเป็นเพื่อนแม่จนลืมไปเลยค่ะ ”
ซ่างหยิงยิ้มไม่หุบ ” เจ้าเด็กคนนี้ วันหลังมาต้องโทรบอกกันก่อนนะ รู้ไหม ”
” รู้แล้วค่า ” เจียงสื้อสื้อ พยักหน้าอย่างว่าง่าย
ซ่างหยิงมองตาจิ้นเฟิงเฉิน ” พวกเธอคงจะหิวแล้วสิ เราจะไปกินข้าวกันพอดี ไปกินด้วยกันสักมื้อนะ ”
” ขอบคุณค่ะน้าสะใภ้เล็ก ”
ซ่างหยิงยิ้มแล้วมองไปที่เธอ ” ครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจไปทำไมล่ะ ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มเคอะเขิน แล้วเกินตามหลังเธอไปยังห้องอาหาร
” ดูสิว่าใครมา ” ซ่างหยิงพูดอย่างดีใจ
ฟางเถิงกับฟางยู่เชินหันหน้ามามอง เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อ พวกเขาก็ยืนขึ้นมาพร้อมกัน