จิ้นเฟิงเฉินขับรถมาถึงสถานที่ที่ฟางยู่เชินส่งมาให้ นั่นคือโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
เมื่อมาถึงโรงแรมก็มองเห็นฟางยู่เชินที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“น้องเขย”
ฟางยู่เชินมองเห็นจิ้นเฟิงเฉินลงจากรถมาก็เดินเข้าไปรับ
“มาแล้วเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“อืม คุณซ่างกวนรอนายอยู่ด้านบนแล้ว”
ฟางยู่เชินพาจิ้นเฟิงเฉินเดินขึ้นไปด้านบน มาถึงห้องวีไอพีที่จองเอาไว้
เมื่อผลักประตูเข้าไป ซ่างกวนเชียนเดิมนั่งอยู่ก็รีบลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาต้อนรับท่าทางเป็นมิตร ยื่นมือออกไปทักทาย “ประธานจิ้น ต้องขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้เจอหน้านะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินจับมือเขา ไม่ได้พูดอะไร
ซ่างกวนเชียนไม่ได้ถือสา เพราะเรารู้จักเขาเป็นอย่างดี
“มา ประธานจิ้น เชิญนั่งตรงนี้ครับ”
ซ่างกวนเชียนเชิญเขานั่งก่อน
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าอย่างมีมารยาท นั่งลงไป
“ผมสั่งอาหารขึ้นชื่อของที่นี่เอาไว้ ถ้าคุณไม่ชอบ สามารถสั่งอย่างอื่นได้นะครับ” ซ่างกวนเชียนยื่นเมนูอาหารให้เขา
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณเลือกเลยดีกว่า”
สิ่งสำคัญคือพวกเขามาคุยความร่วมมือ อาหารไม่สำคัญ
“งั้นก็ได้ครับ” ซ่างกวนเชียนวางเมนูอาหารลง เขามองผู้ชายตรงหน้า จากนั้นหันไปมองฟางยู่เชิน บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย
ฟางยู่เชินหันไปเหลือบมองจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นเอ่ย “คุณซ่างกวน ความร่วมมือที่คุณเสนอมาก่อนหน้านี้ ผมได้แจ้งประธานจิ้นไปแล้ว วันนี้ที่มา อยากฟังความคิดเห็นของคุณต่อสัญญาครับ”
“ความคิดเห็นเหรอ” ซ่างกวนเชียนก้มลงเรียบเรียงคำพูดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงบอก “ฟางซื่อกรุ๊ปและจิ้นซื่อกรุ๊ปนั้นยิ่งใหญ่ เงินลงทุนคงไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ฟางยู่เชินก็ถามต่อ “ปัญหาอะไรครับ”
“อืม…เดี๋ยวผมจะวิเคราะห์ให้พวกคุณฟัง” ซ่างกวนเชียนคิดเล็กน้อย จากนั้นพูดต่อ “สิ่งสำคัญของบริษัทก็คือเงินทุนและคนมีความสามารถ พวกคุณหาพนักงานที่เก่งๆ ได้หรือยังครับ”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “กำลังหาอยู่ครับ กำลังคุยอยู่ด้วย แต่คนพวกนั้นบางคนเซ็นสัญญาแล้ว ครึ่งหนึ่งอาจจะมาหรือไม่มา”
“ดังนั้นพวกคุณเปิดบริษัท ไม่เตรียมเปิดตัวสินค้าเหรอครับ”
“เรื่องนี้…” ฟางยู่เชินเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง เขาหันไปหาจิ้นเฟิงเฉิน
อีกคนรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา เหลือบตามามองเขาเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “ความหมายของคุณซ่างกวนคือจะมอบนักวิจัยให้เราหรือครับ”
ซ่างกวนเชียนหัวเราะ “ถ้าเราร่วมมือกัน มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วและยกยิ้มเล็กน้อย รู้สึกแปลกใจกับท่าทางอารมณ์ดีของเขา
“ประธานจิ้น คุณลองพิจารณาดูนะครับ”
ซ่างกวนเชียนลุกขึ้นช่วยเขารินเหล้า จากนั้นบอก “นี่เป็นเหล้าที่ผมนำมาจากบ้านโดยเฉพาะ คุณลองชิมดูครับ ไม่เลวเลย”
“ขอบคุณครับ”
จิ้นเฟิงเฉินยกขึ้นจิบเล็กน้อย “ไม่เลวเลยครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่างกวนเชียนมีมากขึ้น “ประธานจิ้นชอบก็ดีแล้วครับ”
จากนั้นอาหารค่อยๆ ทยอยเข้ามา ซ่างกวนเชียนหยุดคุยเรื่องความร่วมมือไปชั่วครู่ และหันไปคุยเรื่องการดำเนินงานของบริษัท
จิ้นเฟิงเฉินนั่งฟังเงียบๆ บางครั้งเขาถามถึงได้ตอบบ้าง
ดื่มไปสักพัก ซ่างกวนเชียนรู้สึกสนิทมากขึ้นแล้ว จึงเอ่ยตรงๆ “ประธานจิ้น เรื่องความร่วมมือคุณเห็นด้วยไหมครับ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบในทันที และหันไปถาม “ยู่เชิน คุณคิดยังไง”
ฟางยู่เชินไม่คิดว่าเขาจะโยนคำถามยากๆ นี้มาให้ตน ไม่รู้จะทำตัวยังไง แต่ดีที่ก่อนมาเขาได้ทบทวนเรื่องนี้มาอย่างชัดเจนแล้ว
ดังนั้นเขาจึงตอบออกมาได้อย่างสบายๆ “หากมีโอกาสร่วมงานกัน ผมคงยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ”
ซ่างกวนเชียนได้ฟังดังนั้นจึงยิ้ม “ประธานฟาง ผมไม่อยากได้ยินคำพูดเกรงใจแบบนี้หรอก คุณบอกมาเลยดีกว่าว่าตกลงหรือไม่ตกลง”
“น้องเขย ฉัน…” ฟางยู่เชินมองจิ้นเฟิงเฉิน
“นายตัดสินใจเอง” จิ้นเฟิงเฉินบอก
ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว งั้น…
ฟางยู่เชินคิดทบทวนอีกรอบอย่างรวดเร็ว “ครับ ยินดีครับ”
คำตอบนั้นทำให้ซ่างกวนเชียนลุกขึ้นมาด้วยความดีใจ “ประธานฟาง คุณพูดจริงนะครับ”
“จริงครับ”
ดังนั้นความร่วมมือของทั้งสามบริษัทจึงสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
……
กว่าจิ้นเฟิงเฉินและฟางยู่เชินจะกลับมาถึงบ้านก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว เด็กทั้งสองนอนแล้ว
เจียงสื้อสื้อนั่งดูละครเป็นเพื่อนซ่างหยิง เมื่อมองเห็นพวกเขากลับมา ทั้งคู่จึงรีบลุกขึ้นไปรับ
“กลับมากันแล้วเหรอ หิวหรือเปล่า” ซ่างหยิงถามด้วยความเป็นห่วง
ฟางยู่เชินส่ายหน้า “ไม่หิวครับ”
“เฟิงเฉินล่ะ” ซ่างหยิงหันไปถามจิ้นเฟิงเฉิน
“ผมก็ไม่หิวครับ”
เจียงสื้อสื้อดมกลิ่น ขมวดคิ้ว “พวกคุณดื่มเหรอคะ”
ฟางยู่เชินได้ยินเธอถามแบบนั้น นึกว่าเธอไม่อนุญาตให้จิ้นเฟิงเฉินดื่มเหล้า รีบบอก “ดื่มไปนิดหน่อย ไม่เยอะหรอก”
ท่าทางร้อนรนของเขาทำให้เจียงสื้อสื้อหัวเราะออกมา “พี่ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ฉันแค่ได้กลิ่นเหล้า ก็เลยถามแค่นั้นเอง”
“อ้อ” ฟางยู่เชินยิ้มอายๆ
“พวกเธอขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ดึกแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ “ค่ะ”
เมื่อขึ้นมาด้านบน เพียงเดินเข้ามาในห้อง เจียงสื้อสื้อก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินคว้าเข้าสู่อ้อมกอด
จิ้นเฟิงเฉินวางศีรษะที่ไหล่ของเธอ หลับตาลง
ห้องทั้งห้องเงียบลง ได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม เอ่ยเสียงเบา “เป็นอะไรคะ”
“เปล่า แค่อยากกอดคุณ”
เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นข้างหูเธอ ส่งผลให้หัวใจเธอเต้นระรัว สองขาแทบอ่อน
เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก ปล่อยให้เขากอดอยู่แบบนั้น
เวลาล่วงเลยผ่านไป ในตอนที่เจียงสื้อสื้อคิดว่าเขาหลับไปแล้ว เขาก็ปล่อยมือ
“พรุ่งนี้ผมจะไปส่งเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนกลับเมืองจิ่น”
เจียงสื้อสื้อตอบรับเสียงเบา “ค่ะ”
แม้จะไม่อยากให้กลับ แต่เด็กๆ ต้องไปโรงเรียน
“รอธุระของผมเสร็จแล้วเราจะกลับเมืองจิ่นไปพร้อมกัน” จิ้นเฟิงเฉินบอก
ได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็กัดริมฝีปากแน่น ลองถามเขา “คุณไม่ชอบที่ฉันอยู่ที่นี่เหรอคะ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “คุณคิดแบบนี้ได้ยังไง เพราะผมจะให้คุณกลับเมืองจิ่นเหรอ”
เจียงสื้อสื้อเงียบ
“เด็กโง่” จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “คุณชอบที่ไหนก็อยู่ที่นั่น ผมจะพาคุณกลับเมืองจิ่นด้วย เพราะไม่อยากแยกกับคุณ เพราะต่อไปผมมีงาน ไม่มีเวลาให้คุณ”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกละอายต่อความคิดของตัวเอง เธอลองคิดดู “คุณไม่มีเวลาอยู่กับฉัน งั้นให้ฉันอยู่กับคุณนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินเสียสละเพื่อเธอมามากแล้ว ตอนนี้ที่เธอทำได้คืออยู่เคียงข้างเขา
จิ้นเฟิงเฉินสัมผัสเบาๆ ที่ใบหน้าของเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนบอก “คุณอยากทำอะไรก็ทำ”
“งั้นพูดแล้วนะ ฉันจะอยู่กับคุณ”
เอ่ยจบ เธอจึงผลักเขา “คุณรีบไปอาบน้ำเลย ทั้งตัวมีแต่กลิ่นเหล้า”
“เหรอ” จิ้นเฟิงเฉินก้มลงดมตัวเอง คิ้วคมขมวดขึ้น กลิ่นเหล้าแรงจริงๆ
เจียงสื้อสื้อหัวเราะ “รีบไปเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว”
มองเขาเดินเข้าห้องน้ำไป เธอจึงก้าวขึ้นเตียง พิงหัวเตียง อ่านหนังสือที่ยังอ่านไม่จบต่อ