เจียงสื้อสื้อเองก็เข้าใจความหมายของเธอทันที พลันกอดแขนของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งเอนศีรษะแนบชิดบริเวณหัวไหล่ของเธอ พร้อมทั้งพูดอย่างออดอ้อน “น้าสะใภ้เล็กเอ็นดูฉันที่สุดแล้ว”
ซ่างหยิงหลุดขำทันที “ใช่สิ เอ็นดูคุณที่สุดแล้ว”
เพราะว่าเห็นเธอเปรียบเสมือนลูกสาวของตนเอง ถึงได้ให้ความสำคัญในการมาเยี่ยมบ้านแม่สามีของเธอ เพราะไม่อยากให้เธอรู้เสียเสียหน้า
แต่ว่าซ่างหยิงห่วงหน้าพะวงหลังมากเกินไป
เมื่อมาถึงตระกูลจิ้นแล้ว พ่อจิ้นแม่จิ้นก็ออกมาต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น
“น้าชายเล็กน้าสะใภ้เล็กของสื้อสื้อ ยินดีต้อนรับพวกคุณมาที่นี่”
ฟางเถิงกับซ่างหยิงจ้องมองใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของพ่อจิ้นแม่จิ้น พลันผงะไปเล็กน้อย เดิมพวกเขาก็นึกว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นคนประเภทเข้มงวดอยู่บ้าง
ทว่าไม่คิดเลยว่าจะจิตใจดีขนาดนี้ อีกทั้งยังยิ้มอย่างคนจิตใจดีเช่นนั้นด้วย
“น้าชายเล็ก น้าสะใภ้เล็ก นี่คือพ่อแม่ของสามีของฉันค่ะ” เจียงสื้อสื้อพูดแนะนำ
ฟางเถิงกับซ่างหยิงถูกเสียงของเธอเรียกจนดึงสติกลับมา พร้อมทั้งรีบจับมือพวกเขาทันที “สวัสดี สวัสดี”
เมื่อจับมือเสร็จแล้ว ซ่างหยิงจำได้ว่าตนเองนั้นก็เอาของขวัญมาด้วย พลันรีบยื่นออกไป “ชิงแก นี่คือของขวัญที่เอามาให้คุณ หวังว่าคุณจะชอบ”(คำที่เรียกครอบครัวที่ลูกหลานแต่งงานกัน)
แม่จิ้นรับของมาแล้ว “คนมาก็พอแล้ว ยังจะเอาของขวัญมาให้อีก คิดซะว่าเป็นบ้านของตนเองก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้”
ซ่างหยิงยิ้มให้ “นี่เป็นสิ่งที่ควรทำ”
“ชิงแก นี่คือใบชาที่ผมตั้งใจเอามาจากเมืองหลวง เป็นชาใหม่ของปีนี้ มันหอมมาก” ฟางเถิงก็เอาของขวัญของตนเองส่งให้พ่อจิ้น
พ่อจิ้นเองก็รับเอาไว้ พร้อมทั้งยิ้มตอบ “ยังอุตส่าห์นึกถึง”
ผู้อาวุโสทั้งสองฝ่ายต่างเกรงใจกันขนาดนี้ เจียงสื้อสื้ออดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พ่อกับแม่ น้าชายเล็ก น้าสะใภ้เล็ก พวกคุณทำตัวสบายๆ กันหน่อยสิ ไม่ต้องเป็นพิธีรีตองซะขนาดนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสี่คนมองหน้ากันไปมา คนนั้นมองคนนี้คนนี้มองคนนั้น จนสุดท้ายแล้วอดหัวเราะกันไม่ได้
“ใช่ ใช่สิ เชื่อสื้อสื้อ พวกเราต้องทำตัวสบายๆ กัน” พ่อจิ้นยิ้มตอบ
เวลานี้เอง แม่จิ้นถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่าก็กลับมาแล้ว
“เด็กดี ทำไมหนูออกมาจากโรงพยาบาลได้ล่ะ?” เธอมองไปทางเจียงสื้อสื้อด้วยแววตาสงสัย
“น้าชายเล็ก น้าสะใภ้มากันหมดเลย ที่บ้านต้องครึกครื้นกันหน่อย ฉันคิดว่าเสี่ยวเป่าเองก็ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว ก็เลยขออนุญาตคุณหมอให้เขากลับมาบ้านคืนนี้เลย”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเธอแล้ว แม่จิ้นพยักหน้าให้ “ก็ถูกอีก”
เธอลูบคลำศีรษะของเสี่ยวเป่า “ลูกรัก ให้คุณปู่พ่อบ้านพาหนูขึ้นไปพักผ่อนด้านบนนะ รออีกเดี๋ยวถึงเวลาทานข้าวจะไปเรียกให้หนูลงมา”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ครับ”
รอจนพ่อบ้านพาคนขึ้นด้านบนแล้ว แม่จิ้นถึงได้กลับคืนสู่สภาพกระตือรือร้นเหมือนเมื่อครู่ “มา เข้าไปนั่งด้านในเร็ว”
แม่จิ้นเรียกให้แขกไปนั่งที่ห้องรับแขก จากนั้นก็เดินหันหลังไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมชากับขนม
เจียงสื้อสื้อก็เดินตามไปด้วย
“แม่ ฉันเองค่ะ” เธอหยิบแก้วที่อยู่ในมือของแม่จิ้นออกมา
แม่จิ้นยิ้มให้ พร้อมทั้งพูดว่า “น้าชายเล็ก น้าสะใภ้ของคุณขี้เกรงใจจังเลย มาบ้านแล้วยังเอาของขวัญมาด้วย”
เจียงสื้อสื้อทั้งชงชาไปด้วยพร้อมทั้งพูดไปด้วย “น้าสะใภ้เล็กพูดแล้วว่านี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
“งั้นคุณก็ช่วยแม่คิดซิว่าจะให้ของขวัญอะไรกลับไปถึงจะเหมาะสมดี”
เพราะว่าเธอเองก็ไม่คุ้นชินกับทางด้านความชื่นชอบของอีกฝ่าย ทำได้แต่ฝากเรื่องนี้ให้กับสื้อสื้อด้วย
“ความจริงแล้วฉันมีคำแนะนำที่ดีมากเลย” เจียงสื้อสื้อวางกาชงชาที่อยู่ในมือลง พลันหันกลับไปมองแม่จิ้น นัยน์ตาเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย
“อะไรเหรอ?”
“นั่นก็คือ ….” เจียงสื้อสื้อจงใจลากเสียงยาว
จนแม่จิ้นต้องถามกลับอย่างร้อนใจ “ตกลงว่ามันคืออะไร? คุณรีบพูดมาเร็ว”
“งั้นก็ดีกับฉันไงคะ”
เมื่อคำตอบมันเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม่จิ้นผงะเล็กน้อย พลันยิ้มออกมา “เด็กคนนี้นี่”
เจียงสื้อสื้อหรี่ตาลง “ฉันก็แค่พูดหยอกล้อกับคุณเท่านั้นเอง อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจัง อีกอย่างคุณกับคุณพ่อก็ดีกับฉันมากพอแล้ว”
แม่จิ้นหลุดขำออกมาจนต้องส่ายหน้าไปมา “งั้นคุณก็ให้คำแนะนำตามปกติได้ไหมเนี่ย?”
“ได้แน่นอน”
เจียงสื้อสื้อคิดแล้วคิดอีกอย่างจริงจัง พลันพูดว่า “ตอนนี้น้าสะใภ้เล็กกำลังอยากได้ลูกสะใภ้อยู่เลย หรือไม่คุณก็ช่วยเธอสักหน่อย”
แม่จิ้น “…”
ผ่านมาตั้งนาน เธอก็ยังไม่ให้คำแนะนำที่สามารถพึ่งพาอะไรได้เลย
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่เนี่ย?”
เวลานี้ เสียงของจิ้นเฟิงเฉินก็ดังมาจากห้องครัว
เจียงสื้อสื้อกับแม่จิ้นหันกลับไปพร้อมกัน
“ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?” แม่จิ้นถาม
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเจียงสื้อสื้อ พลันตอบคำถามกลับ “พ่อให้ผมมาดู บอกว่าทำไมพวกคุณถึงชักช้าจัง”
คำพูดนี้ทำให้แม่จิ้นเกิดความรู้สึกไม่ดีใจเลย “เบื่อที่ช้างั้นก็ให้เขามาทำเองแล้วกัน”
แม้ว่ามุมปากจะพูดเช่นนี้ก็ตามที แต่ว่าสิ่งที่ทำอยู่ในมือนั้นยิ่งเร็วขึ้นมาก
เธอเอาชาและขนมจัดวางใส่และวางลงบนถาดเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งพูดกับเจียงสื้อสื้อด้วย “สื้อสื้อ คุณเอาของออกไป ฉันยังมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อรับเอามา แต่จิ้นเฟิงเฉินเร็วกว่า
“ผมจัดการเอง”
แม่จิ้นยิ้มให้ “ฉันว่าแกรักเมียของแก ไม่ใช่พ่อแกหรอกที่ให้แกมา”
“คุณแม่” เจียงสื้อสื้อเขินอายม้วนต้วน
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของแม่จิ้นยิ่งฉีกยิ้มกว่าเดิม “รีบเอาชาออกไปเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อแกก็ร้อนใจขึ้นมาจริงๆ”
เมื่อเดินออกมาจากห้องครัวก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันมาจากห้องรับแขก
“น้าชายเล็ก กับน้าสะใภ้คุยสนุกกันจริง” เจียงสื้อสื้อยิ้มให้ตอนพูดออกมา
เดิมเธอยังคงกังวลว่าผู้อาวุโสทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันแล้ว บรรยากาศมันจะเคร่งขรึมมาก แต่ว่าตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าเป็นห่วงให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์
จิ้นเฟิงเฉินได้แต่ยิ้มแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมา
พลันรินน้ำชาให้กับพ่อจิ้นและพวกเขาจากนั้นเธอก็เดินไปนั่งลงด้านข้างซ่างหยิง
“แม่สามีของหนูล่ะ?” ซ่างหยิงกระซิบถามเขา
“เธอมีธุระต้องเข้าไปจัดการ อีกเดี๋ยวก็คงมา”
พ่อจิ้นและฟางเถิงคุยกันถูกคอ ทั้งสองคนเจอหน้ากันราวกับสนิทสนมกันมาก่อนทั้งๆ ที่เพิ่งจะเจอหน้าเจอตากัน พอได้คุยกันเท่านั้นแหละไม่สนใจคนที่อยู่ข้างๆ เลย
ซ่างหยิงถึงกับพูดติดตลกอย่างเบื่อหน่าย “น้าชายเล็กของหนูเจอเพื่อนถูกคอแล้ว ฉันว่านะคงคุยกันไม่จบแน่ๆ”
เจียงสื้อสื้อได้แต่ยิ้มให้ “ถ้าคุณรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมาก ไม่งั้นพวกเราขึ้นไปดูข้างบนกัน เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนอยู่ด้านบน”
ซ่างหยิงพยักหน้าชายเล็กน้อย “ได้สิ”
ดังนั้น เจียงสื้อสื้อเลยพาซ่างหยิงขึ้นไปบนตึก มายังห้องเด็กเล็ก
เถียนเถียนกำลังวาดรูปอยู่ ส่วนเสี่ยวเป่านั้นกำลังนั่งอยู่บนหัวเตียง ในมือก็กำลังอ่านนิทานอยู่
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ซ่างหยิงเผลอยิ้มออกมาทันที “เด็กสองคนนี้ทำไมถึงได้เชื่อฟังได้ขนาดนี้นะเนี่ย?”
เถียนเถียนได้ยินเสียงแล้ว เมื่อมองกลับมา ก็เห็นเธอ จนเบิกตาโตอย่างตกใจ “ยายซ่างหยิง!”
เธอรีบวางดินสอวาดรูปทันที และวิ่งมาตรงดิ่งเข้ามาหา
“เจ้าหลานรัก” ซ่างหยิงนั่งยองๆ ลง พลันอุ้มตัวเธอขึ้นมาทันที พร้อมทั้งแสดงท่าทางหลงรักหัวปักหัวปำ
“ยายซ่างหยิงคุณมาได้ยังไงคะ?” เถียนเถียนเงยหน้ามองใบหน้าเรียวเล็ก พร้อมทั้งถามอย่างแปลกใจ
“เพราะว่ายายคิดถึงหนูแล้วไงคะ ถึงมาหาหนูนี่ไง”
เถียนเถียนยิ้มแก้มปริ “เถียนเถียนก็คิดถึงยายซ่างหยิงค่ะ”
เสียงฉอเลาะช่างเจรจาของเด็ก จนซ่างหยิงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นอ่อนยวบยาบ พลันกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม
ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ในใจของเธอนั้นมักจะอดไม่ได้ที่จะหวนกลับไปคิดว่า เมื่อไหร่ที่ตนถึงจะมีหลานสาวที่แสนน่ารักขนาดนี้ได้นะ?
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้อย่างหมดคำพูด พลันเดินไปทางเสี่ยวเป่า และหยิบหนังสือที่อยู่ในมือของเขามา
“เสี่ยวเป่า คนไม่สบายอ่านหนังสือไม่ได้นะ” น้ำเสียงของเธอนั้นเคร่งขรึมเล็กน้อย
เสี่ยวเป่ารีบตอบทันที “หม่ามี้ ผมไม่ได้ไม่สบายตรงไหนนี่”
“คุณหมอก็บอกว่าลูกต้องพักผ่อนเยอะๆ งั้นก็ไม่ต้องอ่านหนังสือ รู้ไหม?”
“อ้อ ได้” เสี่ยวเป่ามองหนังสือที่อยู่ในมือของเธอเอาไว้ นัยน์ตาทอประกายความรู้สึกหมดหวังออกมา
เจียงสื้อสื้อเห็นแล้ว หมดหนทางแล้ว หนังสือเล่มนี้มันน่าอ่านขนาดนั้นเลยเหรอ?
“หม่ามี้ หัวของพี่ชายเมื่อไหร่จะหายดี?” ไม่รู้ว่าเถียนเถียนเดินมาอยู่ข้างกายเธอตั้งแต่ตอนไหนกัน
เจียงสื้อสื้อหันไปเหลือบมองเธอ พร้อมทั้งตอบอย่างจริงจัง “อีกไม่กี่วันก็จะหายดีแล้ว”
“งั้นก็หมายความว่าหลายวันนี้พี่ชายมาเล่นเป็นเพื่อนหนูไม่ได้ใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ”
เถียนเถียนทำปากยื่นอย่างหมดหวังเล็กน้อย “งั้นหนูก็น่าเบื่อแย่เลยนะสิ”