เจียงเจิ้งวางแก้วชาสองแก้วไว้บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าฟางเถิงและซ่างหยิง เขานั่งลงตรงข้ามทั้งคู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นธรรมชาตินัก
“พวกคุณหาที่นี่เจอได้ยังไงครับ?”
ฟางเถิงเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่แหลมคมจับจ้องมาที่เขา “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อย้อนความหลัง และแน่นอน ระหว่างเราก็ไม่มีอะไรให้ย้อนด้วย”
เจียงเจิ้งลูบมือของตัวเองอย่างช้าๆ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางเสว่มั่น เขาจึงไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของเธอยังไงดี
ย้อนกลับตอนนั้น เพื่อเขาแล้วฟางเสว่มั่นก็ไม่ลังเลเลยที่จะทะเลาะกับพ่อของเธอ จนต้องออกจากตระกูลฟาง แต่ท้ายที่สุด กลับเป็นเขานี่แหละที่ทำผิดต่อเธอ
ตระกูลฟางต้องเกลียดเขามากแน่ๆ
พอนึกถึงตรงนี้ เจียงเจิ้งก็ก้มหน้าลง “ผมขอโทษ ทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรทำแบบนั้นกับเสว่มั่นและสื้อสื้อเลย”
ได้ยินแบบนั้น ซ่างหยิงก็ขำประชดออกมา “เจียงเจิ้ง คุณคิดว่าแค่คำขอโทษคำเดียวก็สามารถลบล้างกับความทุกข์ยากที่ พี่สามกับสื้อสื้อต้องทนรับได้รึไง?”
เจียงเจิ้งนั่งเงียบ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความเศร้าในใจไว้ แล้วพูดต่อไปว่า “คุณทำร้าย พี่สามเพราะเมียน้อยคนหนึ่ง จากนั้นก็เมินเฉยกับการที่ลูกสาวตัวเองไปรังแกสื้อสื้อ คุณนี่มันช่างเป็น “สามีที่ดี” “เป็นพ่อที่ดีจริงๆ”
คำพูดเหล่านั้นฝากไปด้วยความประชด
เจียงเจิ้งไม่กล้าเงยหน้าเพราะความละอายใจ
“เราแค่อยากมาดูว่าคุณเป็นอยู่ยังไง?” ฟางเถิงมองไปรอบๆ จากนั้นก็แสดงแววตาที่เยาะเย้ยออกมา “ดูท่าตอนนี้คุณก็กำลังได้รับผลกรรมที่ตัวเองได้ทำลงไปอยู่แล้ว”
เจียงเจิ้งหลับตาลง “ผมขอโทษ ผมทำผิดต่อเสว่มั่น ผมไม่สมควรที่จะได้เป็นพ่อของสื้อสื้อ”
“ตอนนี้สื้อสื้อได้พบกับความสุขของเธอและมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ผมไม่อยากให้คุณไปรบกวนเธออีก” ฟางเถิงพูดขึ้น
เจียงเจิ้งรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาพูดมา “สื้อสื้อเป็นลูกสาวของผม ผมก็ต่อการเห็รเธอมีความสุขเหมือนกัน แต่การที่คุณมาห้ามไม่ให้ผมไปหาเธอแบบนี้ ผมทำไม่ได้หรอก”
ตอนนี้เขาเหลือแค่สื้อสื้อลูกสาวคนเดียวเท่านั้นแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางตัดสัมพันธ์กับเธอเด็ดขาด
“เมื่อก่อนตอนที่เมียน้อยกับลูกสาวของเธอกลั่นแกล้งสื้อสื้อ คุณไปอยู่ไหน? แล้วตอนนี้คุณยังมีสิทธิ์อะไรไปพูดว่าสื้อสื้อเป็นลูกของคุณอีก?” ซ่างหยิงที่ทนต่อไปไม่ไหวได้ตะเบ็งเสียงออกมา
เคยเจอคนที่หน้าด้านมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านได้ขนาดนี้
“เมื่อก่อนนั้นผมได้ทำผิดไปจริงๆ แต่ผมก็สำนึกผิดแล้ว ผมจึงอยากที่จะชดเชยให้สื้อสื้อจริงๆ พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ผมเจอกับเธอหรอก”
คำพูดของเจียงเจิ้งทำให้ฟางเถิงโกรธจนหัวเราะออกมา “การชดเชยที่ดีที่สุดก็คือไปให้พ้นจากสื้อสื้อ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้น จ้องเขม็งไปที่เจียงเจิ้ง แล้วพูดเตือนไปเบาๆ ว่า “ถ้าคุณกล้าไปหาสื้อสื้อ หรือสร้างปัญหาให้เธออีกละก็ผมไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่”
ไม่รอให้เจียงเจิ้งตั้งสติได้ เขาก็พาซ่างหยิงจากไปเลย
เจียงเจิ้งนั่งนิ่งไม่ไหวติง แต่ไม่นาน เขาก็ยิ้มออกมา ยิ้มไปยิ้มมา สุดท้ายเขาก็ร้องไห้ออกมา
เขาก้มหน้า สองมือกุมหน้า ร้องไห้ได้อย่างน่าอึดอัด
เขารู้สึกเสียใจจริงๆ เสียใจที่ทำไมตอนนั้นต้องทำแบบนั้นกับสื้อสื้อด้วย
พอนึกถึงหลานชายและหลานสาวที่น่ารักทั้งสองนั้น ความรู้สึกผิดทั้งหมดก็เข้ามารัดเขาไว้ราวกับตาข่ายที่แสนอึดอัด
หลังออกมา ซ่างหยิงหันกลับไปมอง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “นี่เหล่าฟาง การทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
“ไม่เลย” เจียงเจิ้งเดินไปพูดไป “นี่คือผลจากการกระทำของเขาทั้งนั้น”
ซ่างหยิงก็ยังรู้สึกทำใจไม่ลง “ถึงฉันจะรู้สึกโกรธมาก แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของสื้อสท้อ การที่เราทำแบบนี้ ถ้าวันหนึ่งสื้อสื้อรู้เรื่องขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกกับเรายังไงเหมือนกัน?”
“สื้อสื้อจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญ ผมแค่ไม่อยากให้เธอกับพี่สามต้องทนทุกข์อีกแล้วเท่านั้น” ฟางเถิงเหลียวมามองเธอแวบหนึ่ง
ซ่างหยิงถอนหายใจอีกครั้ง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
……
เมืองหลวง ฟางซื่อกรุ๊ป
ส้งหยาวได้ยื่นรายงานเรื่องการส่งออกของทั้งอาทิตย์ให้กับฟางยู่เชิน
ท่านประธาน ทั้งหมดอยู่ในนี้ครับ”
ฟางยู่เชินรับเอกสารมา จากนั้นก็ก้มลงไปอ่าน “เจออะไรบ้างรึเปล่า?”
“หนึ่งในนั้นได้มีความสัมพันธ์กับครอบครัวของแม่รองประธานฟางครับ”
“หือ?” ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้นมามองเขา
คุณดูในรายชื่อสิครับ มีคนหนึ่งที่ชื่อย่วนชิงโซง เขาเป็น อาของรองประธานฟางครับ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “อาเหรอ?”
“ใช่ครับ ปู่ทวดของเขากับตาทวดของรองประธานฟางเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
“ความสัมพันธ์ซับซ้อนดี” ฟางยู่เชินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “พี่ใหญ่ของผมก็ไม่ได้ฉลาดเลย การที่หาคนของตัวเองมาแบบนี้ คิดว่าผมจะตรวจหาไม่ได้รึไง?”
เขารู้สึกเหมือนมันสมองของตัวเองกำลังโดนดูถูกอยู่
“แล้วตอนนี้ควรทำยังไงต่อครับ?” ส้งหยาวถาม
“ทำยังไงเหรอ?” ฟางยู่เชินขมวดคิ้วพร้อมใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง “เอาอย่างนี้ คุณหาวิธีไปพบกับย่วนชิงโซงคนนี้ดูสักครั้งดูว่าจะสามารถหลอกถามอะไรเขาได้บ้างมั้ย”
ส้งหยาวพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”
“อย่าลืมระวังตัวด้วยล่ะ”
“ครับ”
ส้งหยาวรับคำสั่งแล้วเดินดุ่มๆ ออกไป
กลางดึกหลังเลิกงาน ในระหว่างที่ฟางยู่เชินกำลังนั่งลิฟต์ลงไปนั้น ลิฟต์ก็ได้หยุดลงที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง
เขามองเห็นฟางอี้หมิงที่ยืนรอลิฟต์อยู่ด้านนอก คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นมาเล็กน้อย
บังเอิญจริงๆ
ฟางอี้หมิงอึ้งไป แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้ในทันที เขาเดินเข้ามาในลิฟต์อย่างรวดเร็ว
“ยู่เชิน คุณเองก็เลิกงานดึกเหมือนกันเหรอ?” ฟางอี้หมิงเหลือบตามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง จากนั้นก็ถามไปฟางยู่เชินยิ้มออกมา “พี่ คุณถามอย่างกับว่าปกติผมเลิกงานเร็วมากอย่างนั้นแหละ ผมเป็นประธานนะครับ ถ้าใครเกิดมาได้ยินเข้า จะพากันเข้าใจผิดคิดว่าผมไม่ตั้งใจทำงานเอาได้นะครับ”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น “ฟางอี้หมิงอธิบายด้วยสีหน้าที่รำคาญใจ “พอดีวันนี้บังเอิญได้เจอคุณเคยถามไปตามมารยาทเท่านั้น”
ฟางยู่เชินขำออกมาทีหนึ่ง จากนั้นก็เงียบไป
ภายในลิฟต์เงียบไปทันที บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย
ฟางยู่เชินนึกถึงรายชื่อที่ได้เห็นวันนี้ จู่ๆ แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาแสร้งพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “พี่ใหญ่ พวกคุณไม่ค่อยได้ไปที่ ตระกูลย่วนใช่มั้ย?”
พอได้ยินตระกูลย่วน ฟางอี้หมิงก็ระวังตัวขึ้นมาทันที และหันไปจ้องเขา “ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
จากการตอบสนองของเขา ฟางยู่เชินก็รู้สึกน่าขันมาก “ทำไมคุณถึงดูตื่นเต้นแบบนั้นล่ะครับ?”
พอฟางอี้หมิงรู้ว่าตัวเองแสดงออกได้ชัดเจนเกินไป จึงรีบหันหน้ากลับมา “ไม่นี่ ผมแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น”
“อย่างนี้นี่เอง” ฟางยู่เชินจ้องเขม็งมาที่เขา จากนั้นก็พูดต่อว่า “ท่านปู่เข้าโรงพยาบาลไปตั้งหลายวันแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าไม่เคยเห็นคนของตระกูลย่วนมาเยี่ยม ท่านปู่เลยนะ”
“คุณเลยหันมาโทษผมเนี่ยนะ?” ฟางอี้หมิงถาม
“ผมจะไปกล้าได้ยังไงล่ะครับ ผมแค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ เท่านั้น” ฟางยู่เชินยิ้มออกมาอย่างไม่มุ่งร้าย “เพราะก่อนที่ท่านปู่จะเกิดเรื่อง ตระกูลย่วนก็ขยันมามากเลยนี่”
ฟางอี้หมิงหรี่ตาลง พร้อมกับแอบกำหมัดที่อยู่ข้างตัวเงียบๆ “เดี๋ยวผมจะบอกพวกเขาเอง บอกให้พวกเขามาเยี่ยมท่านปู่”
แน่นอนว่าสิ่งที่ฟางยู่เชินตั้งการจะสิ่งไม่ใช่สิ่งนี้ แต่เป็น___
“พี่ใหญ่ ตระกูลย่วนมีคนที่ทำเกี่ยวกับด้านส่งออกมั้ยครับ?” เขาหันไปมองฟางอี้หมิง
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรน แต่เขาก็สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว “ไม่มีครับ”
“ไม่มีจริงๆ เหรอครับ?”
ฟางอี้หมิงไม่ได้ตอบในทันที เขาแค่ขมวดคิ้ว แล้วจ้องมองฟางยู่เชินด้วยความสงสัย “ยู่เชิน คุณนี่แปลกดีเนอะ ทำไมถึงเอาแต่ถามเรื่องของตระกูลย่วนกับผมอยู่นั่นแหละ หรือคุณมีอะไรกับตระกูลย่วนรึเปล่าครับ?”