“ครื้นเครงหน่อยงั้นเหรอ”
ซ่างหยิงแค่นยิ้ม “แล้วคุณไม่นึกถึงคุณพ่อที่นอนอยู่โรงพยาบาลคนเดียวบ้างเลยเหรอ”
ทันทีที่เฉินหยุนได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่พอใจ “น้องสะใภ้ วันนี้เป็นวันเกิดของพี่รองของเธอ เธอไม่พูดเรื่องที่ไม่เข้าหูพวกเราได้ไหม”
“ฉันพูดไม่เข้าหูพวกคุณยังไง หรือว่าฉันพูดผิด”
เมื่อเห็นว่ากำลังจะทะเลาะกัน เจียงสื้อสื้อจึงรีบเข้ามาห้ามทัพ “เอาล่ะค่ะ ทุกคนพอเถอะ ให้คนอื่นดูเรื่องตลกมันไม่ดีนะคะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ซ่างหยิงกับเฉินหยุนก็สงบลง
ซ่างหยินสูดหายใจเข้าลึก “ช่างเถอะ ยังไงในใจพวกคุณก็ไม่มีคุณพ่อยู่แล้ว”
“น้องสะใภ้ เธอพูดอะไร” เฉินหยุนไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง
“น้าสะใภ้รองคะ น้าสะใภ้เล็กก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน อย่าโมโหเลยนะคะ ยังต้องต้อนรับแขกอีก” เจียงสื้อสื้อพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพื่อโน้มน้าว
ซ่างหยิงไม่สามารถกล้ำกลืนอารมณ์โมโหลงไปได้ เธอดึงเจียงสื้อสื้อไป “สื้อสื้อ เรากลับกันเถอะ”
แต่เธอยังไปไม่ได้
การแสดงยังไม่เริ่ม เธอจะไปได้อย่างไร
เจียงสื้อสื้อจับซ่างหยิงไว้ “น้าสะใภ้เล็กคะ ถ้าคุณกลับตอนนี้แขกก็จะเห็น ต้องเอาไปพูดลับหลังแน่ มีเรื่องอะไร รอจบวันแล้วค่อยว่ากันนะคะ”
“แต่…”
ซ่างหยิงโมโหที่ฟางรุ่ยกับภรรยาไร้จิตสำนึก คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาล พวกเขาอยู่ที่นี่จัดงานเลี้ยงใหญ่โต นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว
“คุณอย่าอารมณ์เสียอีกเลยนะคะ อารมณ์เสียไปก็ไม่ดีกับสุขภาพของคุณเอง”
ด้วยการโน้มน้าวของเจียงสื้อสื้อ ซ่างหยิงจึงใจเย็นลงในที่สุด
แต่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะต้อนรับแขกแล้ว เธอจึงลากซ่างหยิงไปพักผ่อนที่สวนดอกไม้หลังบ้าน
ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ เจียงสื้อสื้อกดโทรออก หลังจากที่มีคนยืนยันมาทางปลายสาย ถึงได้วางใจตัดสายไป
ใกล้จะเริ่มงานเลี้ยงวันเกิดแล้ว ในที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็มาถึง
ฟางรุ่ยกับเฉินหยุนทักทายอย่างอบอุ่น
“เฟิงเฉิน ในที่สุดเธอก็มาจนได้ น้าชายรองรอเธอจนนั่งไม่ติดเลย” ฟางรุ่ยพูดจายิ้มแย้ม
จิ้นเฟิงเฉินเอาของขวัญที่นำมายื่นให้ “สิ่งนี้คุณพ่อของผมให้คุณครับ สุขสันต์วันเกิด อายุมั่นขวัญยืนนะครับ”
ทันทีที่ได้ยินว่าพ่อของเขาให้ ฟางรุ่ยก็รับมาโดยไม่รีรอ พูดด้วยความปลื้มปีติว่า “ขอโทษจริงที่ทำให้พ่อของเธอต้องสิ้นเปลือง ฝากขอบคุณเขาด้วยนะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า
และจากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ เพื่อหาตัวเจียงสื้อสื้อ
“สื้อสื้ออยู่ตรงนั้นน่ะ”
เขามองตามทิศทางที่เฉินหยุนชี้ไป เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อแน่นอนแล้วจึงรีบเดินเข้าไปหา
เจียงสื้อสื้อกำลังช่วยจัดอาหารบุฟเฟ่ต์ ทันทีที่หันมาก็เกือบชนเข้ากับใครบางคน
เธอรีบก้าวถอยหลัง รีบขอโทษทันที “ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ”
แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ
มันคุ้นมาก!
เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังยิ้มแย้ม ริมฝีปากแดงเรื่อจึงค่อยๆ ยกยิ้ม “คุณมาแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินเห็นถาดในมือของเธอ ก็พลันคิ้วขมวดเล็กน้อย “คุณทำทำไม”
“เพราะว่าเบื่อน่ะสิ” เจียงสื้อสื้อยักไหล่ “มาตั้งแต่เช้าแล้ว ที่นี่ไม่มีคนให้คุยด้วยเลย ฉันเลยได้แต่ต้องหางานอดิเรกให้ตัวเองน่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “ตอนนี้ผมมาแล้ว คุณอยู่เป็นเพื่อนผมได้ไหม”
เจียงสื้อสื้อให้ถาดกับคนรับใช้ แล้วคล้องแขนของเขาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
หนึ่งทุ่มตรง งานเลี้ยงวันเกิดเริ่มขึ้น
เจียงสื้อสื้อคิดไม่ถึงว่าซ่างกวนเซียนกับซ่างกวนหยวนก็ถูกเชิญมาด้วย ตอนที่เห็นพวกเขานั้นทั้งรู้สึกประหลาดใจและยินดี
“หยวนหยวน”
“สื้อสื้อ”
ซ่างกวนหยวนเดินเข้ามาคล้องแขนของเจียงสื้อสื้อย่างสนิทสนม
เมื่อเห็นดังนั้นซ่างกวนเซียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่คิดว่าพวกเธอสองคนจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันขนาดนี้”
“มันก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นเพื่อนที่ดีของสื้อสื้อในเมืองหลวง” ตอนที่พูดอย่างนี้ ซ่างกวนหยวนทำหน้าตาอวดๆ เล็กน้อย
เมื่อพูดจบก็ยิ้มให้เจียงสื้อสื้อ
ซ่างกวนเซียนคุยกับจิ้นเฟิงเฉินไม่กี่คำ ก่อนจะพาซ่างกวนหยวนไป ไม่อยากรบกวนคู่รัก
“ไว้ฉันจะมาหาคุณอีกนะ” ซ่างกวนหยวนบอก
เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางพยักหน้า “โอเค”
ซ่างกวนหยวนชำเลืองมองจิ้นเฟิงเฉิน ก่อนจะถูกพี่ชายลากไปอย่างไม่เต็มใจ
เวลานี้ เจียงสื้อสื้อเห็นฟางเย้นซินอยู่ในกลุ่มคน จึงเลิกคิ้ว “เฟิงเฉิน เดี๋ยวจะมีละครสนุกๆ นะ”
“หืม?” จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างไม่เข้าใจความหมาย
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “อีกเดี๋ยวคุณก็รู้”
งานเลี้ยงเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนพูดคุยกันไปหัวเราะกันไป บรรยากาศดีมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมเกรี้ยวกราดของผู้หญิงดังขึ้น “ฟางเย้นซิน คุณออกมาเดี๋ยวนี้!”
บรรดาแขกเหรื่อมองหน้ากัน ทุกคนสีหน้ามึนงง ไม่รู้ส่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“คุณเข้าไปไม่ได้นะ!” พ่อบ้านและคนรับใช้พยายามห้ามหญิงสาวที่จะพุ่งเข้าไปในบ้าน
แต่หญิงสาวดูเหมือนคนบ้า ทั้งข่วนทั้งกัด ข่วนหน้าพ่อบ้านและคนรับใช้ พวกเขาเจ็บมากจนหยุดเธอไม่ได้
หญิงสาววิ่งเข้ามาในงานเลี้ยง มองซ้ายมองขวา แล้วแผดเสียงดัง
ลั่น “ฟางเย้นซินไอ้คนสารเลว ออกมาเดี๋ยวนี้! ถ้านายไม่ออกมา วันนี้ฉันจะพูดทุกเรื่องที่นายทำไว้!”
“เธอเป็นใคร” เฉินหยุนรีบเข้ามา เอ่ยถามเสียงดัง
หญิงสาวรู้ว่าเธอเป็นแม่ของฟางเย้นซิน จึงยิ้มเยาะเย็นชา “ฉันเป็นใครงั้นเหรอ คุณถามลูกชายของคุณสิ”
“ท่าทางแบบนี้ของเธอคืออะไร” เฉินหยุนเริ่มโกรธ
“เอาล่ะ อย่ามัวพูดอยู่เลย รีบให้คนเอาเธอออกไปซะ” ฟางรุ่ยจับเฉินหยุน และกระซิบข้างหูเธอ
เมื่อหญิงสาวได้ยินก็นั่งลงกับพื้นทันที แล้วร้องไห้อย่างเกรี้ยวกราดเสียงดังลั่น “ฟางเย้นซิน นายมันไม่มีจิตสำนึก แม้แต่ลูกของตัวเองก็ไม่ต้องการ…นายมันสารเลว โกหกหลอกลวง…”
ทุกคนต่างรู้ว่าฟางเย้นซินเป็นเพลย์บอย ทุกๆ วันมีแต่ข่าวคาวข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยพอๆ กับเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะแย่ถึงขนาดสร้างปัญหาน่าขำแบบนี้ได้
แขกพากันวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นการเยาะหยัน
ฟางรุ่ยและเฉินหยุนไม่สามารถเสียหน้าเพราะคนคนนี้ได้ พวกเขารีบเรียกพ่อบ้านและคนรับใช้มาเอาคนออกไป
หญิงสาวรู้เจตนาของพวกเขา จึงลุกขึ้นกระแทกพวกเขาพุ่งออกไปหยิบขวดไวน์แดงมาทุบจนแตก แล้วใช้ปลายแหลมจี้เข้าลำคอตัวเอง
“ถ้าพวกคุณกล้าก้าวเข้ามา ฉันจะตายให้พวกคุณดู!”
เมื่อเห็นท่าทางดุดันของหญิงสาว และเห็นว่าเป็นไปได้ที่จะทำอย่างนั้นจริง
พ่อบ้านและคนรับใช้จึงไม่กล้าก้าวเข้าไป
ฟางรุ่ยไม่มีทางเลือก ได้แต่ให้คนไปเรียกฟางเย้นซินมา
ที่จริงแล้วตั้งแต่หญิงสาวพุ่งเข้ามา ฟางเย้นซินก็กลัวจนวิ่งขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ข้างบนนานแล้ว
ขณะนี้ถูกคนลากลงมา ท่าทางหดหัวกลัวตัวสั่น
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” ทันทีที่เห็นฟางเย้นซิน ฟางรุ่ยก็ถามอย่างเกรี้ยวกราดทันที
“ผม…ผมไม่รู้จักเธอ” ฟางเย้นซินไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองหญิงสาว
ทันทีที่ได้ยินเขาพูด หญิงสาวก็พลันหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นดังแหลมและน่าหวาดผวา
“ฟางเย้นซิน ตอนที่นายนอนกับฉัน ทำไมไม่พูดว่านายไม่รู้จักฉันบ้างล่ะ”
ฟางเย้นซินก้มหน้าเงียบไม่ส่งเสียง
งานเลี้ยงวันเกิดดีๆ กลายเป็นแบบนี้
ฟางรุ่ยกับเฉินหยุนโกรธมาก แต่มีคนนอกมองอยู่ พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรที่มันมากเกินไปได้