โดยไม่รอให้เจียงสื้อสื้อคิดคำพูดดีๆ ซ่างหยิงก็พูดขึ้นมาก่อน “เฟิงเฉินเชื่อใจพวกเธอสองคน ถึงได้มอบทุกเรื่องในบริษัทให้พวกเธอทั้งคู่จัดการ”
เจียงสื้อสื้อรีบสำทับด้วยว่า “ใช่ค่ะ เป็นเพราะเชื่อใจพวกคุณ”
“สามารถได้รับความเชื่อใจจากประธานจิ้น นับเป็นเกียรติอย่างสูงค่ะ” ซ่างกวนหยวนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก
หลังจากทานเสร็จก็บ่ายโมงแล้ว เพิ่งออกจากร้านอาหาร ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเจียงสื้อสื้อก็ดังขึ้น
เป็นจิ้นเฟิงเฉินโทรเข้ามา
“เฟิงเฉินเหรอจ๊ะ” ซ่างหยิงถาม
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า หลังจากนั้นจึงถือโทรศัพท์มือถือเดินออกไปอีกทาง
พวกเธอไม่ทันได้สังเกตว่าจู่ๆ สีหน้าของซ่างกวนหยวนก็ผิดแปลกไปตอนที่ได้ยินสองคำว่า ‘เฟิงเฉิน’
เจียงสื้อสื้อรับสาย เสียงทุ้มต่ำลุ่มลึกของจิ้นเฟิงเฉินดังมาจากปลายสายอีกฝั่ง “จะกลับบ้านเลยไหม”
“ค่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“จะให้ผมไปรับพวกคุณไหม”
เจียงสื้อสื้อหันมองไปทางซ่างหยิงแล้วตอบว่า “ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่ต้องหรอก”
“อยู่ตรงไหน” จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดไร้สาระ ถามตรงๆ
หลังจากเจียงสื้อสื้อให้ที่อยู่กับเขาแล้วจึงวางสาย
เธอเดินกลับไปหาซ่างหยิง “คุณน้าสะใภ้เล็กคะ เฟิงเฉินจะมารับเราค่ะ”
ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “จะไม่รบกวนเกินไปเหรอ”
“เขาออกมาแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อบอก
ซ่างหยิงเผยยิ้มอ่อนใจ “โอเคจ้ะ งั้นเราไปรอเขาด้านหน้ากันเถอะ”
แล้วเธอก็พูดกับซ่างกวนหยวนว่า “หยวนหยวน พวกเราไปก่อนนะ เธอกลับไปที่ร้านของคุณปู่เธอเถอะจ้ะ”
“ฉันไม่กลับร้านแล้วค่ะ กำลังจะไปด้านหน้าพอดี เราไปด้วยกันเถอะค่ะ”
พูดอย่างนั้นแล้วซ่างกวนหยวนก็คล้องแขนเธออย่างสนิทสนมเดินไปที่ด้านหน้า
ซ่างหยิงงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เมื่อทั้งสามคนมาที่ประตูหลักของห้างสรรพสินค้าแล้ว เจียงสื้อสื้อรีบเอ่ยบอกทันที “หยวนหยวน เฟิงเฉินไม่ได้มาเร็วขนาดนั้น คุณมีธุระก็ไปทำก่อนเถอะ”
ซ่างกวนหยวนยิ้ม “ฉันไม่รีบ ฉันเห็นพวกคุณขึ้นรถก่อนค่อยไป”
เห็นเธอมีมารยาทมาก ซ่างหยิงก็ยิ่งพึงพอใจในตัวเธอ ปรารถนาจะสามารถแนะนำลูกชายให้เธอได้
“หยวนหยวน ไว้ต่อไปมีโอกาสมาที่บ้านฉันสิ ป้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอทาน” ซ่างหยิงอดกลั้นความคิด ตบมือซ่างกวนหยวนเบาๆ พลางพูด
“ได้ค่ะ ไว้มีโอกาสฉันจะไปแน่นอนค่ะ” ซ่างกวนหยวนตอบรับอย่างไม่ลังเล
ผ่านไปประมาณสิบนาที จิ้นเฟิงเฉินก็มาถึง
เขาจอดรถข้างทาง เปิดประตูรถลงมาและมุ่งหน้ามาหาพวกสื้อสื้อ
เขาเดินไปตรงหน้าสื้อสื้อ หยิบถุงในมือของเธอไปอย่างเป็นธรรมชาติ
เห็นดังนั้น ซ่างหยิงจึงอดจะยิ้มล้อไม่ได้ “เฟิงเฉิน เธอนี่รักสื้อสื้อเหลือเกินนะจ๊ะ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ต่อหน้าเจียงสื้อสื้อนั้นแตกต่าง ความเคร่งขรึมทางสีหน้าลดลงกว่าปกติ ค่อนข้างอ่อนโยนขึ้น
ซ่างกวนหยวนกำมือแน่น กดเก็บความริษยาในหัวใจ ฉีกยิ้มร้องเรียกน้ำเสียงกระตือรือร้น “ประธานจิ้น”
จิ้นเฟิงเฉินเลื่อนสายตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองเธอนิดหน่อย “สวัสดี คุณซ่างกวน”
เป็นโทนเสียงที่ห่างเหินเฉยเมยไม่แยแส
ซ่างกวนหยวนหายใจไม่ออก เริ่มยิ้มฝืน “สวัสดีค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินจับมือของเจียงสื้อสื้อ และพูดกับซ่างหยิงว่า “คุณน้าสะใภ้เล็กครับ เรากลับกันเถอะ”
“จ้ะ” ซ่างหยิงหันหน้าไปมองซ่างกวนหยวน ถึงได้พบว่าสีหน้าเธอไม่ค่อยดี จึงรีบถามอย่างเอาใจใส่ “หยวนหยวน เธอเป็นอะไรไปจ๊ะ”
ซ่างกวนหยวนส่ายหน้า “ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พวกคุณเดินทางระวังนะคะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้เธอ “คุณก็ระวังด้วยนะ”
มองดูพวกเขาขึ้นรถไป ซ่างกวนหยวนสีหน้าเย็นชาลง มือสองข้างที่ตกอยู่ข้างกายกำแน่น เล็บจิกเข้าฝ่ามือก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บ
……
ถัดมาสองสามวัน เจียงสื้อสื้อไปอยู่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนแม่ ขณะเดียวกันจิ้นเฟิงเฉินก็กลับไปที่เมืองจิ่น
วันนี้เป็นวันเกิดของฟางรุ่ย เจียงสื้อสื้อถูกซ่างหยิงปลุกตั้งแต่เช้าตรู่
“ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแขก แต่น้าสะใภ้รองของเธอให้เราไปช่วยงาน” ซ่างหยิงบอก
บนหน้าเจียงสื้อสื้อมีเครื่องหมายคำถามทันที “ช่วยงานเหรอคะ มีคนใช้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ซ่างหยิงแบมือสองข้าง “ฉันก็ไม่รู้จ้ะ”
ภายใต้การหมดหนทาง เจียงสื้อสื้อได้แต่ลุกขึ้นชำระล้างร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้า
ขณะทานอาหารเช้า ซ่างหยิงถามว่า “วันนี้เฟิงเฉินมาได้ไหมจ๊ะ”
“น่าจะได้ค่ะ เมื่อคืนเขาบอกว่าจะถึงประมาณช่วงบ่าย” เจียงสื้อสื้อทานไปตอบไป
ซ่างหยิงพยักหน้า “งั้นก็ให้เขาตรงไปที่น้าชายรองของเธอเลยนะ”
“ค่ะ”
หลังจากอาหารเช้า เจียงสื้อสื้อกับซ่างหยิงเดินทางไปยังวิลล่าที่ครอบครัวของฟางรุ่ยอาศัยอยู่
เมื่อถึงที่นั่น น้าสะใภ้รองเฉินหยุนเห็นพวกเธอก็ทักทายด้วยความกระตือรือร้น “น้องสะใภ้ สื้อสื้อ ในที่สุดพวกเธอก็มา เข้าไปนั่งข้างในเร็ว”
ท่าทางสดชื่นอารมณ์ดีในวาระแห่งความสุขสันต์
เฉินหยุนในวันนี้แต่งตัวหรูหราสง่างาม ยิ้มกว้างจนแก้มจะพับปิดดวงตา
ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน เจียงสื้อสื้อเห็นฟางเย้นซินเดินหาวลงบันไดมา
ใบหน้าชายเล็กเย็นชาลง เธอจับมือของซ่างหยิงแน่น
ซ่างหยิงรู้สึกถึงความผิดปกติจึงหันไปมอง เห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดีจึงรีบถามอย่างร้อนใจ “สื้อสื้อ เธอเป็นอะไรไปจ๊ะ”
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก พยายามยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่เห็นสิ่งไม่ดี ก็เลยส่งผลต่ออารมณ์ค่ะ”
“สิ่งไม่ดีเหรอ”
ซ่างหยิงมองตามสายตาของเธอ เมื่อเห็นฟางเย้นซินก็เข้าใจในทันที
เธอบีบกระชับมือของเจียงสื้อสื้อ “ไม่ต้องกังวล มีน้าสะใภ้เล็กอยู่ ไม่มีใครรังแกเธอได้แน่นอนจ้ะ”
จิตใจสั่นคลอนโดยทันที เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางพยักหน้า “ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
เมื่อฟางเย้นซินเห็นเจียงสื้อสื้อ ก็ส่งเสียงเยาะอย่างเหยียดๆ หลังจากนั้นก็ไม่สนใจเธอ เดินผ่านตัวเธอไป
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองตามหลังเขา คู่ตาหรี่ลง วันนี้เขาต้องชดใช้ในสิ่งตัวเองทำไว้อย่างสาสม
ที่เฉินหยุนขอให้พวกเธอมาช่วยแต่เช้า ไม่มีอะไรมากไปกว่าการช่วยต้อนรับแขก
เห็นแขกเหรื่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซ่างหยิงก็ขมวดคิ้วมุ่น แล้วพึมพำเสียงเบาออกมาประโยคหนึ่ง “ไหนบอกว่าไม่ได้จัดงานใหญ่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มีแขกมากมายขนาดนี้”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นจึงส่งเสียงเย็น “คำพูดของพวกเขาเชื่อไม่ได้ค่ะ คุณตายังนอนอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลย พวกเขายังไม่กลัวจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะ”
ซ่างหยิงครุ่นคิด “ไม่ได้ ฉันต้องไปถามให้ชัดเจน”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็จะไปหาฟางรุ่ยและภรรยา
“อย่าไปเลยค่ะ” เจียงสื้อสื้อรีบจับเธอไว้ “คุณไปแล้ว พวกเขาจะฟังคำพูดคุณเหรอคะ”
“ไม่ฟังฉันก็ต้องพูด ไม่อย่างนั้นคนนอกทุกคนจะคิดว่าเราตระกูลฟางอกตัญญู”
เธอดึงมือของเจียงสื้อสื้อออก เดินก้าวกว้างไปหาพวกฟางรุ่ย
เจียงสื้อสื้อได้แต่เดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
“พี่รองพี่สะใภ้รอง พวกคุณหมายความว่ายังไง”
เผชิญหน้ากับคำถามของซ่างหยิง ฟางรุ่ยกับเฉินหยุนก็งุนงงเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น” ฟางรุ่ยถาม
ซ่างหยิงสูดหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธในหัวใจ แล้วชี้ไปยังแขกเหรื่อ “บอกไม่ใช่เหรอว่าแค่ทานอาหารกันสบายๆ ภายในครอบครัว ทำไมยังเชิญแขกมาเยอะแยะ พวกคุณหมายความว่ายังไง”
“ฉัน…” ฟางรุ่ยไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร
เวลานี้เฉินหยุนจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสะใภ้ นี่เป็นวันเกิดของฟางรุ่ย ฉันก็เลยอยากเชิญแขกมาเยอะๆ ให้ครื้นเครงหน่อยน่ะ”