ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่1021 ไวรัสตัวใหม่

บทที่1021 ไวรัสตัวใหม่

“ซ่างกวนหยวนอย่างนั้นเหรอ”

โม่เหยียนิ่งคิดอย่างจริงจัง “ดูเหมือนผมจะเคยได้ยินชื่อนี้มาจาก​ที่ไหนสักแห่ง”

เขาเพิ่งจะพูดจบ หานยู่ก็พูดขึ้น​ในเวลาที่เหมาะเจาะ​ว่า “ผมรู้จักเธอ เธอค่อนข้างมีชื่อเสียงในด้านการวิจัยทางการแพทย์”

พอเขาตะโกนออกไป โม่เหยียจึงนึกขึ้น​มาได้แล้วเหมือนกัน​ “ใช่ เธอมีชื่อเสียงมาก ดูเหมือนว่าในต่างประเทศ​เธอจะได้รับรางวัลมาหลายรางวัล”

จิ้นเฟิงเฉินนิ่งคิดสักครู่ แล้วเอ่ยถามขึ้นมา “ความสามารถของเธอสูงกว่าพวกนาย​อย่างนั้น​เหรอ​”

โม่เหยียส่ายหัว “ไม่แน่ครับ แต่ละคนมีเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าใครอยู่เหนือใคร”

“แล้วเธอจะมีวิธีแก้ปัญหาไวรัสไหม?” จิ้นเฟิงเฉินถามขึ้นมาอีกครั้ง

“อธิบายยากครับ ต้องให้เธอได้สัมผัสกับไวรัสก่อน”

หานยู่คิดว่าที่จิ้นเฟิงเฉินถามแบบนั้น เขาจะต้องมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจแน่นอน​

จึงเอ่ยถามไปตรงๆ ว่า “คุณ​ชายครับ คุณ​ชายคิดจะให้เธอเข้าร่วมการวิจัยกับพวก​เราด้วยอย่างนั้นเหรอครับ”

จิ้นเฟิงเฉินเหลือบตามองเขา แต่ไม่ตอบ “พวกนายออกไปก่อนเถอะ”

โม่เหยียและ หานยู่เลือกที่จะขอตัว​ออกไปก่อน

พอทั้งสองคนออกจากห้อง หานยู่จึงกระซิบถาม “คุณ​ชายคงไม่ได้จะให้ซ่างกวนหยวนคนนั้นเข้าร่วมกับเราจริงๆ หรอกใช่ไหม​”

โม่เหยียเลิกคิ้ว “ก็ไม่ใช่​ว่า​จะ​เป็น​ไปไม่ได้”

“แบบนั้นไม่ได้นะ” หานยู่ต่อต้าน “พวกเราวิจัย​กันมาดีแล้ว ถ้าเพิ่มเข้ามาอีกคน ขั้นตอน​การ​วิจัยจะรวนเอาได้”

โม่เหยียเหล่มองเขา “นายคิดมากเกินไปแล้ว​ แล้วอีกอย่าง คุณ​ชายก็มีความคิดของเขาเอง พวกเราทำงานในส่วนของเราให้ดีก็พอแล้ว​”

พอพูดเสร็จ เขาก็เดินลงมาข้างล่าง

หานยู่รีบตามไปทันที “เฮ้ นายไม่คิดอะไรจริงๆเหรอ เราสองคนทำงานด้วยกันราบรื่น​ขนาดนี้ ถ้าเพิ่มมาอีกคนมันปรับตัวยากมากจริงๆ​”

โม่เหยียพูดในขณะเดินลงบันไดไปด้วยว่า “ฉันยังไงก็ได้ ขอแค่ให้คุณนายน้อยหายดีเร็วๆ จะเพิ่มคนมาหนึ่งหรือสองคนฉันก็โอเค”

เขาหันกลับมาแล้วยิ้มให้หานยู่

หานยู่หยุดเดินและเบ้ปากของเขาเล็กน้อย​ “ใช่สิ นายมันคนใจกว้าง ส่วนฉันมันคนใจแคบ”

โม่เหยียมองกลับมาที่เขา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้า​เคร่งขรึม​“เอาล่ะ อย่าคิดเรื่องนี้ คิดเกี่ยวกับงานวิจัยของเราดีกว่า”

การวิจัยในตอนนี้ พวกเขาหยุดชะงักไม่มีความคืบหน้า​เลย ซึ่งทำให้โม่เหยียร้อนใจมาก และยังเคยเกิดความคิดที่จะยอมแพ้

ด้วยเหตุนี้ เขาถึงได้ไม่รังเกียจที่จะให้ซ่างกวนหยวนเข้าร่วมการวิจัยในครั้งนี้​ด้วย​

ถ้ามีคนใหม่เข้ามา อาจจะมีการค้นพบใหม่ๆเกิดขึ้น​ก็ได้

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาจินตนาการไว้เท่านั้น สถานการณ์จริงๆ​จะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของคุณชาย

……

ตอนที่เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมา รอบตัวเธอมันก็มืดสลัวไปหมดแล้ว มีแค่โคมไฟติดผนังเพียงดวงเดียวที่นังส่องสว่างอยู่ และไฟสีส้มก็ส่องแสงมาที่ข้างเตียง

เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย

ในเวลานี้เอง ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก และมีเงาร่างสูงโปร่ง​เดินเข้ามา

ตอนที่​เขาเห็นคนที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง รูม่านตาของเขาก็หรี่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“สื้อสื้อ”

เสียงที่คุ้นเคยดังก้องเข้ามาในหูของเธอ

เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมา​ พอจ้องมอง​เข้ากับดวงตาสีดำที่เต็มไปด้วยความกังวล รอยยิ้มรู้สึกผิดก็ค่อยๆยิ้มออกมาจากมุมปากของเธอ “ต้อง​ทำให้คุณกังวลอีกครั้งแล้ว”

“คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกมา แล้วลูบศีรษะ​ของเธอ ก่อนจะถามอย่างอ่อนโยน​

“นอกจากมึนหัว​เล็กน้อย ก็ไม่มีตรงไหน​ไม่สบายค่ะ” เจียงสื้อสื้อนวดขมับของเธอและยิ้มแหย “ทำไมฉันถึงหมดสติ​ไปอีกแล้วคะ”

“โม่เหยียบอกว่าเพราะคุณเกิด​อารมณ์​แปรปรวน​ ถึงทำให้​คุณ​หมดสติ​ไป”

เจียงสื้อสื้อจำได้ว่าก่อนที่เธอจะหมดสติ เพราะเรื่อง​ของ​เถียนเถียน​ทำให้​เธอเกิดอาการตื่นเต้น​ดีใจจริงๆ

เธอเผยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันก็ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจมากนะคะ แค่ดีใจนิดหน่อยเอง ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแย่ลงเรื่อยๆแล้ว​”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกปวดใจมาก

เขานั่งลงที่ขอบเตียง เขาดึงเธอเข้ามากอดไว้ ก่อนจะลูบหลังเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ของเขา แล้วพูดเบา ๆ ข้างหูของเธอว่า “คุณ​ต้อง​หายดี ต้องหายดีแน่นอน​ เชื่อใจผมนะ”

เจียงสื้อสื้อซบหน้าอกของเขา แล้ว​มุมปากของเธอก็ยกขึ้น “อืม ฉันเชื่อใจคุณค่ะ ฉันเชื่อในตัวคุณมาตลอด​”

หลังจากนั้น เธอถอยออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มของเขา เธอเอ่ย​พูด​ด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก “เราจะแก่ไปด้วยกันค่ะ ดังนั้นฉันจะต้อง​หายป่วย​อย่างแน่นอน”

มันเหมือนกับเป็นคำสัญญา

เมื่อเห็นสีหน้า​และ​น้ำเสียง​ที่จริงจังของเธอ จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกเศร้าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล แต่เขาไม่อยากให้เธอเห็น เขายิ้มแห้ง​และพยักหน้าให้ “อืม อาการจะต้อง​ดีขึ้นแน่นอน​ครับ​”

เจียงสื้อสื้อยกยิ้มและอ้าแขนออกไปกอดเอวของเขาไว้ แล้วซบหน้าอกเขาอีกครั้ง

จิ้นเฟิงเฉินลูบผมนุ่มของเธออย่างอ่อนโยน​ สีหน้า​ของเขาเปลี่ยน​เป็นเคร่งขรึมอีกครั้ง

เขาไม่รู้ว่าเธอยังเหลือ​เวลาอีกเท่าไหร่​ ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น​ เขาจะต้องขอให้โม่เหยียและคนอื่นๆ พัฒนายาที่สามารถกำจัดไวรัสขึ้นมาให้ได้

……

หลังจากซ่างกวนหยวนกลับมาถึงบ้าน เธอยังคงคิดเรื่อง​ของ​เจียงสื้อสื้อตลอด​

เธอทำงานวิจัยทางการแพทย์มาหลายปีแล้ว บอกตรงๆ ว่าเธอเคยเจอไวรัสมามากมาย จะมีไวรัสตัวไหนที่กำจัดได้โดยการใช้ยา หรือว่าจะเป็นไวรัสตัวใหม่

แต่ถ้าเป็นไวรัสชนิดใหม่ ทำไมเธอถึงไม่ได้ข่าวอะไรเลย

หรือว่าจะมีอะไรปกปิด​อยู่กันแน่

พอ​ซ่างกวนเชียนกลับมาถึง​ ก็เห็นว่าซ่างกวนหยวนนั่งเหม่ออยู่ในห้องนั่งเล่น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย​ แล้วเดินเข้าไปหา

“หยวนหยวน น้อง​กำลังคิดอะไรอยู่”

พอมีเสียงดังขึ้นมากะทันหัน​ ซ่างกวนหยวนก็หลุดออกมาจากภวังค์​ความคิด​ เธอเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นซ่างกวนเชียนสีหน้า​ของ​เธอกลับมาเย็นชา ก่อนจะก้มหน้าลง

พอเห็นแบบนี้ ซ่างกวนเชียนจึงขมวดคิ้วขึ้น “น้องไม่อยากเห็นหน้าพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ไม่มีตอบกลับ​จากอีกฝ่าย​

ความโมโห​จุกอก ซ่างกวนเชียนสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับ​อารมณ์​ “หยวนหยวน เพื่อน้องแล้ว พี่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะร่วมงานกับเจิ้นเฟิงเฉิน แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ เมื่อไหร่น้องจะเลิกเกลียดพี่สักที”

ซ่างกวนหยวนลุกขึ้นยืน และมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่คุณทำเพื่อฉัน แต่มันไม่ขัดแย้งกับการที่ฉันเกลียด​คุณ”

“นี่น้อง” ซ่างกวนเชียนโมโห​จนพูดอะไรไม่ออก

แต่ไม่นาน เขาก็สงบลง ราวกับเมื่อตะกี้​ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คุณจอห์นจาก SAกรุ๊ปโทรมาหาพี่อีกแล้ว”

“เขาโทรมาหาคุณทำไม”ซ่างกวนหยวนเอ่ยถาม

“จะอะไรได้อีก ก็เรื่องที่อยากให้น้องทำงานในสถาบันวิจัยของ SAกรุ๊ป”

“ฉันไม่ไป”

สามคำที่เรียบง่ายและได้ใจความ​

ซ่างกวนเชียนเลิกคิ้ว “ไม่ต้องห่วง พี่ตอบเขาแบบนี้เหมือน​กัน แต่ว่า เขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ขนาดนั้น อีกอย่างเขาบอกว่าเขามีไวรัสชนิดใหม่ ซึ่งน้องน่าจะสนใจ .”

ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “ไวรัสตัวใหม่อย่างนั้น​เหรอ​”

“พี่ไม่รู้ข้อมูล​ที่แน่ชัดว่ามันคือไวรัสอะไร แต่ว่า…” ซ่างกวนเชียนหรี่ตาและจ้องนิ่ง “น้องถามแบบนี้ น้องสนใจอย่างนั้น​เหรอ”

“ไม่”

เธอแค่คิดถึงเจียงสื้อสื้อที่มีโอกาส​จะ​เป็นไวรัสชนิดใหม่เหมือนกัน

ซ่างกวนเชียนรู้สึก​โล่งใจ “ดีแล้ว ต่อหน้า​SAกรุ๊ปทำธุรกิจอย่างขาวสะอาด แต่ในมุมมืดไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรชั่วร้าย​ไว้บ้าง พี่ไม่ต้องการให้น้องเข้าไปมีส่วนร่วม”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ซ่างกวนหยวนก็ยิ้มเยาะและพูดอย่างประชดประชัน “คุณ​ไม่ต้องการให้ทั้งตระกูลซ่างกวนมีส่วนร่วมมากกว่า​”

คำพูด​นี้ทำให้ซ่างกวนเชียนไม่ชอบใจเท่าไหร่​ “หยวนหยวน น้องก็รู้ว่าพี่คิดยังไง​กับ​น้อง ทำไมน้องต้องเยาะเย้ยพี่แบบนี้ด้วย”

ซ่างกวนหยวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ไม่สนใจเขา และเดินขึ้นไปชั้นบนทันที

“บ้าเอ้ย​”

ซ่างกวนเชียนสบถเสียง สีหน้า​ของเขาเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ

ต่อให้เขาทำเพื่อเธอมากแค่ไหน เขาก็เทียบเจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท