ขณะที่จิ้นเฟิงเฉินกับฟางยู่เชินกำลังพูดคุยกันเรื่องบริษัทใหม่ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของฟางยู่เชินก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ฟางยู่เชินมองไปทางจิ้นเฟิงเฉินพลางยิ้มขอโทษ จากนั้นก็หยิบขึ้นมารับสาย “หยวนหยวน”
ทันทีที่เขาเอ่ยปาก เสียงตื่นตระหนกของซ่างกวนหยวนก็ดังสะท้อนมาจากปลายสาย “สื้อสื้อเป็นลมไปแล้ว!”
“อะไรนะ?” ฟางยู่เชินลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย
“พวกเธออยู่ที่ไหน?” ฟางยู่เชินไล่ถาม
“ร้านสะดวกซื้อชั้นล่าง”
ฟางยู่เชินกดวางสาย หันกลับไปพูดกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างรีบร้อน “เฟิงเฉิน สื้อสื้อเป็นลมอยู่ที่โรงอาหาร”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปทันที
รีบลงมาจนถึงชั้นล่าง เมื่อเห็นฉากที่เจียงสื้อสื้อนอนอยู่บนพื้นฉากนั้น มันเหมือนมีหมัดหนักๆ ชกเข้ามาที่หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินอย่างแรง เขารีบพุ่งเข้าไปอุ้มตัวคนขึ้นมา
“กู้เนี่ยน ให้โม่เหยียกับหานยู่มาที่เมืองหลวง”
ใบหน้าของเขาเย็นชา พลางอุ้มคนเดินออกไปทางด้านนอกพลางพูดออกคำสั่ง
เสียงนั้นราวกับถูกเคลือบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็ง มันเยือกเย็นจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
กู้เนี่ยนที่คอยติดตามอยู่ด้านหลังตลอดเวลา เมื่อได้ยินคำสั่งของเขาก็รีบร้อนตอบรับ ‘ครับ’ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อไปหาโม่เหยียกับหานยู่ที่เมืองจิ่น
ซ่างกวนหยวนฝากเถียนเถียนให้กับฟางยู่เชิน ก่อนจะรีบตามไป “ฉันขับรถเอง ฉันรู้จักโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุด”
จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจเธอ และตะโกนด้วยเสียงเข้าว่า “กู้เนี่ยน!”
กู้เนี่ยนเพิ่งจะวางสายโทรศัพท์พอดี เมื่อได้ยินเสียงเรียกก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาทันที “คุณชาย”
“นายไปขับรถ กลับบ้านใหญ่ตระกูลฟาง”
“ครับ”
กู้เนี่ยนรับคำสั่ง ไปที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินและขับรถออกมา
ซ่างกวนหยวนไม่เข้าใจ “คนเป็นลมไปแล้ว ต้องรีบส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสิ”
จิ้นเฟิงเฉินเมินเธอ เอาแต่รอให้กู้เนี่ยนขับรถมารับด้วยสีหน้าเย็นชา
ผ่านไปสักพัก รถสีดำคันหรูก็หยุดลงที่เบื้องหน้าของจิ้นเฟิงเฉินอย่างกะทันหัน เขาเปิดประตูหลัง โน้มตัวลงก่อนจะวางสื้อสื้อเข้าไปด้านใน
“ประธานจิ้น…” ซ่างกวนหยวนยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูซ่างกวน”
เยือกเย็นและห่างเหิน
“หือ?” ซ่างกวนหยวนหยุดพูด เงยหน้าขึ้น และบังเอิญสบตาเข้ากับดวงตาไร้อุณหภูมิของเขาเข้าพอดี สูดหายใจเข้าอย่างแรง ก่อนจะตกตะลึงไป
วินาทีถัดมา ประตูรถก็ปิดลงโดยไม่ทิ้งร่องรอยอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เอาไว้เลย
ซ่างกวนหยวนถึงกับตะลึงอยู่สองวินาที จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว เธอถึงได้สติกลับมา ความหงุดหงิดแค้นเคืองพรั่งพรูเข้ามาในใจ
ไร้ประโยชน์จริงๆ ถูกแววตาเย็นชาแบบนั้นของจิ้นเฟิงเฉินทำเอาตกตะลึงไปเสียได้
“คุณน้า”
เสียงใสๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ซ่างกวนหยวนหันกลับไปมอง เห็นฟางยู่เชินกำลังจูงมือเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่
ฟางยู่เชินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ พลางเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “รบกวนคุณช่วยไปส่งเด็กสองคนนี้กลับตระกูลฟางด้วยกันกับผมหน่อยจะได้ไหม?”
เขาตั้งใจอยากจะช่วยแก้หน้าให้เธอ
และซ่างกวนหยวนก็กำลังกังวลเรื่องของเจียงสื้อสื้ออยู่ และวางแผนที่จะไปตระกูลฟางด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ในเมื่อตอนนี้ฟางยู่เชินเอ่ยปาก จึงถือโอกาสนี้ทำตามความตั้งใจของเธอ
“ได้สิ”
เมื่อเห็นว่าเธอตกลง ฟางยู่เชินก็โล่งใจ
ก่อนที่จะเอ่ยปากพูด เขากลัวว่าเธอจะปฏิเสธ
แต่ว่าเธอตอบตกลงแล้ว ดีจริงๆ
…
บ้านใหญ่ตระกูลฟาง
จิ้นเฟิงเฉินวางเจียงสื้อสื้อลงบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา ช่วยถอดรองเท้าให้เธอ พร้อมทั้งช่วยห่มผ้าให้อย่างระมัดระวัง เขาเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมออกจากข้างแก้มของเธอ
เธอดูเหมือนกำลังหลับอยู่
มันเป็นสถานการณ์แบบเดียวกันกับที่เธอหมดสติไปเมื่อครั้งก่อน
แล้วก็เป็นเพราะผ่านประสบการณ์จากครั้งที่แล้วมาก่อนแล้ว ครั้งนี้เขาถึงได้นิ่งสงบมากขนาดนี้
เนื่องจากมันเป็นสาเหตุจากไวรัสในร่างกายของเธอ ต่อให้ส่งตัวเธอไปโรงพยาบาลก็ไม่มีแพทย์คนไหนสามารถช่วยเธอได้ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้ คือรอโม่เหยียกับหานยู่
เมื่อกลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฟาง ฟางยู่เชินก็ฝากเด็กทั้งสองคนให้กับพ่อบ้าน แล้วพาซ่างกวนหยวนขึ้นไปชั้นบน
พวกเขาเดินมาถึงด้านนอกห้องของเจียงสื้อสื้อ ฟางยู่เชินเหลือบมองซ่างกวนหยวน แล้วเคาะประตู
“เฟิงเฉิน ฉันเอง”
สักพักประตูห้องก็เปิดออก
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นซ่างกวนหยวนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ฟางยู่เชินพูดอย่างเป็นกังวล “สื้อสื้อเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ” เพราะมีซ่างกวนหยวนอยู่ด้วย จิ้นเฟิงเฉินจึงไม่ได้บอกอาการที่แท้จริงกับฟางยู่เชิน
“น้ำตาลในเลือดต่ำ?” ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “ในเมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสิ ถ้าคุณไม่อยากส่งตัวไปที่โรงพยาบาลจริงๆ ฉันดูเอง ฉันกำลังทำวิจัยทางการแพทย์อยู่ สามารถช่วยตรวจดูให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสื้อสื้อ”
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าเย็นชา ไม่ตอบตกลงและไม่ได้ปฏิเสธ
ซ่างกวนหยวนคิดว่าเขาไม่เชื่อในตัวเธอ “ซ่างกวนกรุ๊ปก็มีสถาบันวิจัยเป็นของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งฉันเป็นคนดูแลรับผิดชอบ ความสามารถของฉันเชื่อว่าท่านประธานฟางคงจะรู้ดี”
เธอหันไปมองฟางยู่เชิน ภายในดวงตากำลังขอร้องอ้อนวอน
ฟางยู่เชินเข้าใจความหมายของเธอ จึงเอ่ยปากพูดแทนเธอ “เฟิงเฉิน นายเชื่อใจหยวนหยวนได้นะ”
“สถานการณ์ของเธอ คุณแก้ไม่ได้หรอก”
จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธซ่างกวนหยวนทันทีในประโยคเดียว
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “ก็ต้องดูก่อนสิถึงจะรู้ว่าฉันสามารถแก้ได้หรือไม่ได้”
ฟางยู่เชินกลับตอบสนองได้แล้วว่าเจียงสื้อสื้อเป็นอะไรไป เขาเหลือบมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างตกตะลึง ขอคำยืนยันจากเขาว่าเป็นอย่างที่ตนเองกำลังคิดอยู่หรือไม่
เห็นเพียงจิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าชายเล็กน้อย
“ประธานฟาง คุณช่วยเกลี้ยกล่อมประธานจิ้นให้ฉันอีกหน่อยเถอะ ถ่วงเวลาต่อไปแบบนี้มันไม่ดีกับสื้อสื้อเลยนะ” ซ่างกวนหยวนยังคงยืนกราน
ฟางยู่เชินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หยวนหยวน เกรงว่าเรื่องนี้เธอคงจะแก้ไขไม่ได้หรอก เธอไม่ต้องกังวลไป ประธานจิ้นเขามีคนของตัวเองอยู่แล้ว อีกไม่นานก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้ว”
ซ่างกวนหยวนรู้สึกโกรธเล็กน้อย
พวกเขากำลังประเมินความสามารถของเธอต่ำไป
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค ฉันไม่ตรวจก็ได้ แต่ฉันจำเป็นต้องเข้าไปดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง”
จิ้นเฟิงเฉินหันหลังเดินเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไร
ประตูไม่ได้ปิด
ฟางยู่เชินพูดขึ้นมาทันทีว่า “เอจะไปดูสื้อสื้อไม่ใช่เหรอ? รีบเข้าไปเถอะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซ่างกวนหยวนก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนหยวนเดินมาหยุดที่ข้างเตียง มองไปที่เจียงสื้อสื้อที่นอนหลับตาสนิทอยู่บนเตียงนอน เธอขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เอื้อมมือออกไปอยากจะสัมผัสเธอ
แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินขวางเอาไว้
จิ้นเฟิงเฉินเอียงศีรษะ เขม็งมองเธออย่างเย็นชา
“ฉันแค่อยากจะดูชีพจรของเธอว่ามันปกติอยู่หรือเปล่า” ซ่างกวนหยวนอธิบาย
ฟางยู่เชินกลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น จึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “หรือไม่งั้นลองให้หยวนหยวนตรวจดู? เธอเรียนหมอ ยังไงก็น่าจะเข้าใจมากกว่าเราสองคน”
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะถอนมือออก
ซ่างกวนหยวนรีบจับดูข้อมือของเจียงสื้อสื้อ ภายในห้องเงียบลงในชั่วพริบตา
ผ่านไปสักพัก ซ่างกวนหยวนจึงเอ่ยปากพูดขึ้น “ชีพจรเป็นปกติ”
จากนั้น เธอก็มองไปที่ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อมองดูอย่างละเอียด ลังเลสงสัยเล็กน้อย “ทำไมดูเหมือนหลับอยู่เลยล่ะ? การหายใจก็คงที่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เธอหันไปมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างสงสัย
ไม่รู้ว่าทำไม เอเอาแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ
เวลาคนเป็นลม ปกติจะรีบพาตัวส่งโรงพยาบาล แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับพาคนกลับมาที่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากความเย็นชาเฉยชาแล้ว กลับมองไม่เห็นความร้อนรนเลยสักนิด
จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบ
ฟางยู่เชินมองมาที่เขา แล้วก็มองย้อนไปซ่างกวนหยวน “หยวนหยวน ตอนนี้อาการของสื้อสื้อเป็นอันตรายหรือเปล่า?”
ซ่างกวนหยวนส่ายหน้า “ฉันไม่รู้อาการเฉพาะ ดังนั้นเลยไม่รู้ว่ามันอันตรายหรือไม่อันตราย”
“อย่างนั้นเหรอ” ฟางยู่เชินมองเจียงสื้อสื้อที่นอนอยู่บนเตียงนอนด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“แน่นอน ถ้าประธานจิ้นยอมบอกความจริงกับฉัน ฉันก็จะสามารถรู้ได้ว่าเป็นอันตรายหรือเปล่า” ซ่างกวนหยวนจ้องมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน รอคำตอบของเขา
“ยู่เชิน ส่งแขก”
ริมฝีปากบางนั้นพ่นคำแสนเย็นชาออกมาสี่คำ
นี่คือคำตอบที่ให้ซ่างกวนหยวน