ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1781 : ราชาปรากฏตัว !

ตอนที่ 1781 : ราชาปรากฏตัว !

  จางลู่ยังเดินหน้าต่อ ไม่นานก็มาถึงวิหารแห่งนั้นได้

  ไม่นานจางลู่ก็ค้นพบบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม

  วิหารแห่งนี้ได้รับความเสียหาย ตึกมากมายพังทลาย แม้แต่ที่ลานก็ยังมีส่วนที่พังทลายไปด้วย แต่จางลู่ก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าวิหารนั้นไม่ใช่สนามรบหลัก แต่แค่คลื่นพลังก็สร้างความเสียหายให้กับที่นี่ได้แล้ว

  ในอีกความหมายคือลานไม่ได้ถูกทำลายโดยตรงแต่กลับเป็นผลจากการต่อสู้

  จางลู่แสดงสีหน้าหนักใจออกมา แม้ว่าวิหารแห่งนี้ไม่ได้มีรูปปั้นแต่ก็มีพลังป้องกันที่สูง แค่ตัวตึกเองก็มีการป้องกันที่ดีแล้ว มันไม่อาจจะทำลายได้ง่ายๆ แต่เพราะผลจากคลื่นพลังก็แทบทำลายที่นี่ได้ การต่อสู้นี้จะรุนแรงแค่ไหนกัน ?   เมื่อเห็นรูปปั้นที่เสียหาย จางลู่ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา

    พลังสร้างในรูปปั้นหายไป มันต้องเป็นเพราะผลจากคลื่นพลังที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  จางลู่สงสัยอย่างมากว่ามันเป็นการต่อสู้แบบไหนกันที่ทำให้เกิดผลกระทบแบบนี้ได้

  หลังจากที่สังเกตดูอีกรอบแล้ว จางลู่ก็เดินหน้าต่อหลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในวิหารแห่งนี้

  เมื่อจางลู่เดินทางต่อก็พบกับร่องรอยการทำลายล้างมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าที่นี่พบกับหายนะ มันมีหลุมเป็นพันแห่ง รอยแยกลึกราวกับเหว พื้นดินถูกตัดขาดออกจากกันเป็นรูปร่างต่างๆ

  ไม่นานหลังจากนั้น จางลู่ก็พบกับวิหารอีกแห่ง

  แต่วิหารแห่งนี้โดนทำลายมากกว่าวิหารก่อนหน้านี้เสียอีก มันแทบจะกลายเป็นซาก แม้แต่ลานและรูปปั้นก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก  ทั้งวิหารไม่มีหุ่นเชิด นอกจากปราณสุสานที่อัดแน่นแล้วที่นี่ไม่ได้มีคลื่นพลังอื่นเลย

  ซากนี้กองกันสูงเป็นภูเขา ไม่รู้เลยว่ามันผ่านมาแล้วกี่ปีกัน มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวและอ้างว้าง

  จางลู่ยังคงเดินหน้าต่อและพบกับวิหารอีกหลายแห่งแต่ทุกที่ที่เขาผ่านไปต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก มันไม่มีที่ที่ปกติเลย ไม่ใช่แค่นั้น ยิ่งเข้าใกล้เขตหลักเท่าไหร่ ความเสียหายก็ยิ่งมากเท่านั้น พื้นดินบางแห่งยุบลงไปหลายฟุต มันราวกับโดนบางอย่างตัดพื้นที่ส่วนนั้นออกไป

  จางหยูตะลึงอย่างมากเพราะพลังทำลายล้างพวกนี้เหนือกว่าพลังของราชา !

  กระทั่งความแข็งแกร่งที่เขามีในตอนนี้ ก็ไม่อาจจะสร้างความเสียหายเช่นนี้ได้ !

  มันยากที่จะคิดได้ว่าสองคนที่สู้กันนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด !   ภายใต้แรงกดดันนี้ จางลู่ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ รอยแยกที่เหมือนกับเหวนั้นลึกขึ้นเรื่อยๆ มันบอกได้ว่าที่นี่ได้รับผลกระทบมากเพียงใด เขาพอมองเห็นภาพคร่าวๆได้ว่าทั้งสองต้องเป็นตัวตนที่น่ากลัวกว่าราชา การโจมตีของทั้งสองทำให้สุสานสั่นไหวพร้อมกับท้องฟ้าที่แยกออกจากกัน

    การมีความแข็งแกร่งเช่นนั้นได้อาจจะมีแค่จิตสุสาน ?  จางลู่ตัดสินได้ว่าฝั่งหนึ่งคงเป็นจิตสุสาน

  แต่อีกฝั่งเป็นใครนั้น จางลู่ไม่อาจจะคิดออก

  ใครกันที่สู้กับจิตสุสาน ?

  จิตสุสานบาดเจ็บเพราะชายคนนั้นรึ ?

  ผลลัพธ์ของการต่อสู้เป็นยังไงกัน ? จิตสุสานบาดเจ็บหนักเช่นนี้ก็เป็นฝีมือเขารึ ?

  ตัวตนลึกลับนี้หนีไปได้รึว่าสุดท้ายพ่ายแพ้ให้กับจิตสุสานและโดนกำจัดไป ?

  จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆและแผ่พลังออกมาสร้างโล่แล้วเดินหน้าต่อ ปราณสุสานนั้นเพิ่มพลังขึ้นจากเดิมกว่าร้อยเท่ารึมากกว่านั้นแล้ว

  การกัดกร่อนและการคืบคลานของปราณสุสานนั้นสูงจนน่าตกใจ แม้แต่จางลู่ก็ยังรู้สึกดดันนิดๆ หากไม่มีโล่พลังคอยปกป้องแล้ว เขากลัวว่าแม้แต่เขาก็คงทนได้ไม่นาน

    ยังไม่ถึงเขตหลัก ปราณสุสานยังแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ ปราณสุสานในเขตหลักต้องน่ากลัวกว่านี้แน่ !  จางลู่แสดงสีหน้าเครียดออกมา

  เขาสงสัยว่าถึงจิตสุสานไม่ลงมือแต่แค่ปราณสุสานเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะเป็นภัยต่อชีวิตเขาได้

  แต่นั่นก็หมายความว่าคนที่สู้กับปราณสุสานนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน !

  อีกฝ่ายต้องมีพลังน่ากลัวพอๆกับปราณสุสานถึงสู้กับจิตสุสานได้ จิตสุสานนั้นเป็นจิตของสุสานสวรรค์ ความแข็งแกร่งมันไม่อาจจะคาดถึง !   ด้วยปราณสุสานที่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ จางลู่ก็รู้สึกกดดันมากขึ้นไปด้วยแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าเขตหลักนั้นอยู่ไม่ไกลนัก

  สุดท้ายหลังจากที่จางลู่ได้ผ่านวิหารมาหลายแห่งเขาก็ได้พบกับหุ่นเชิด

  จางลู่เห็นกลุ่มหุ่นเชิดที่ค่อยๆเดินเข้ามา มันไม่เหมือนกับวิหารก่อนหน้านี้ กลุ่มหุ่นเชิดเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดโดยวิหารและไม่ได้ทำการบูชายัญ แต่ทีมนี้ก็ยังมีหัวหน้าทีมอยู่

    ราชา หนึ่งคน, ระดับพันเท่า 3 คน, ระดับร้อยเท่าสิบคน  จางหยูหรี่ตาลง   กองกำลังแบบนี้… 

  แม้แต่ความแข็งแกร่งที่จางหยูมีแล้วการเผชิญหน้ากับกองกำลังแบบนี้ก็คงไม่อาจจะประมาทได้

  พวกระดับพันเท่าและร้อยเท่านั้นไม่ได้น่ากดดันอะไร แต่ที่ควรจะสนใจคือราชา การส่งราชาเข้าไปในโลกตันเถียนนั้นคงต้องใช้พลังไม่น้อย  เมื่อจางลู่พบคนพวกนี้ พวกนี้ก็พบจางลู่เช่นกัน

    ตายซะ  เหล่าหุ่นเชิดตะโกนออกมาสุดเสียง

  พวกนั้นได้แผ่จิตผู้สร้างออกมาปกคลุมเส้นทางเอาไว้ ปราณสุสานที่ปนเปื้อนอยู่ในจิตผู้สร้างนั้นทำให้จิตผู้สร้างรุนแรงกว่าเก่า มันราวกับกรดที่ทำให้พื้นดินโดนกัดกร่อน

  หุ่นเชิดพวกนี้ไม่มีสติ พวกมันมีคำสั่งแค่อย่างเดียวในหัว…นั่นก็คือฆ่า สิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ถูกปราณสุสานควบคุมนั้นจะต้องตายทั้งหมด !

  จางลู่สร้างโล่พลังให้หนากว่าเดิม เมื่อราชาพุ่งเข้ามา เขาก็ต้องเอาจริง ส่วนหุ่นเชิดที่เหลือนั้นเขาสามารถจัดการได้ง่ายๆ

    ไปซะ !  จางลู่และราชาได้เข้าปะทะกัน ไฟได้ปะทุออกมาแต่อุณหภูมิโดยรอบไม่ได้เปลี่ยนไป พื้นดินโดนเผาไหม้ ที่นั่นได้กลายเป็นทะเลไฟ พวกระดับพันเท่าและร้อยเท่าก็ละลายไปอย่างรวดเร็ว จิตผู้สร้างระเหยไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แต่พวกนั้นราวกับไม่รู้สึกอะไรและเอาแต่เดินหน้าต่อ

  ราชาก็ยังไม่ได้สติ เขาเอาแต่พุ่งเข้ามาโจมตีจางลู่

  ตูม !

  การปะทะอันรุนแรงนี้ทำให้จางลู่ตัวสั่น โล่พลังของเขาหม่นลง ราชาเหมือนจะโดนเผาและกระเด็นออกไป แต่ไม่นานก็เขาก็ตั้งหลักได้ เขาคำรามออกมาอีกครั้งแต่ไม่ได้โจมตี

  จางลู่หายตัวไปก่อนจะปรากฏตัวเหนือหัวของราชาแล้วเตะอีกฝ่าย

  แต่ราชาเหมือนจะมองออกอยู่แล้ว เขาได้เบี่ยงตัวหลบ แม้ว่าจะช้ากว่าจางลู่ แต่ก็ยังหลบการโจมตีได้ทัน

    ราชานี่มัน…ยุ่งยากจริงๆ   จางลู่รู้สึกว่ามันมีปัญหา หากไม่มีปราณสุสานคอยกวน เขาก็มั่นใจว่าราชานั่นไม่มีทางหลบลูกเตะนี้ได้ แม้ว่าจะฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้แต่ก็สามารถส่งอีกฝ่ายไปที่โลกตันเถียนได้ แต่เนื่องจากจางลู่ต้องต้านทานปราณสุสานไปด้วยและสู้กับราชา พลังที่ใช้ได้นั้นก็มีจำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เปรียบอะไร

  เมื่อการโจมตีไม่ได้ผล งั้นจางลู่ก็ได้แต่ต้องใช้สมองแทน

  เขามองไปยังหุ่นเชิดทั้งหมดก่อนจะสร้างรูหนอนขึ้นมาที่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้วเรียกหุ่นเชิดทั้งหมด   พวกเจ้าเข้ามาสิ ! 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท