“ท่านประธานครับ กรรมการกลุ่มนั้นออกจากห้องทำงานของรองประธานฟางแล้วครับ”
ส้งหยาวเดินไปหาฟางยู่เชิน แล้วรายงานสถานการณ์ของฟางอี้หมิงให้เจ้านายฟัง
ฟางยู่เชินหันไปมองเขา และเลิกคิ้วขึ้น “ปฏิกิริยาของฟางอี้หมิงเป็นยังไงบ้าง”
“สีหน้าของกรรมการพวกนั้นแย่มากครับ ดูเหมือนว่าฟางอี้หมิงจะโกรธมาก”
“โกรธมากอย่างนั้นเหรอ” ฟางยู่เชินยิ้มอย่างเย็นชา “ต่อไป เขาอาจจะไม่ได้แค่โกรธก็เป็นได้”
“ท่านประธานครับ เราจะทำอย่างไรต่อไปครับ”
“ให้ตำรวจสืบสวนต่อไป คนร้ายน่าจะถูกจับได้ภายในสองวันนี้”
“ถึงตอนนั้นเรื่องไฟไหม้ที่โกดังจะได้ผลสรุปเลยใช่ไหมครับ” ส้งหยาวอดที่จะรู้สึกดีใจไม่ได้
“อืม ดังนั้นหลายวันนี้นายคอยจับตาดูย่วนชิงโซงไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้เขาพบกับฟางอี้หมิงหรือลุงของฉัน”
ส้งหยาวพยักหน้ารับ “ได้ครับ ผมจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเลย”
ฟางยู่เชินยกยิ้ม “ลำบากนายแล้ว”
“ไม่ลำบากเลยครับ นี่คือหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
ส้งหยาวได้รับการปลูกฝังโดยคุณท่านฟาง และเป็นคุณท่านฟางที่ส่งเขามาทำงานให้กับฟางยู่เชิน เพื่อช่วยให้เขายืนอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทได้อย่างมั่นคง
ดังนั้น ฟางยู่เชินจึงรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวออกไปทำงานต่อเลยนะครับ”
ส้งหยาวพูดจบ พอเห็นว่าฟางยู่เชินพยักหน้าให้ เขาจึงหันหลังแล้วเดินออกไป
ฟางยู่เชินดึงสายตากลับมา แล้วมองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง ด้วยสายตาที่แน่วแน่
คราวนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาต้องการให้ฟางอี้หมิงจะต้องชดใช้ให้กับสิ่งที่เขาทำให้สาสม
……
ในวันนี้ จิ้นเฟิงเฉินตอบรับคำเชิญชวนของเพื่อนๆ และบอกว่าจะพาเจียงสื้อสื้อไปตามนัดด้วย
สื้อสื้อตอบรับอย่างง่ายดาย ในเมื่อจิ้นเฟิงเฉินบอกว่าจะพาเธอไปกับเขาด้วย นั่นหมายความว่าเธอไปร่วมงานได้
ในคืนนั้น เธอแต่งหน้าบาง แล้วเดินทางไปร่วมงานกับจิ้นเฟิงเฉิน
งานเลี้ยงถูกจัดในห้องประชุมของโรงแรมห้าดาว ทันทีที่เดินเข้าไป ฉันได้ยินเสียงที่เพลงพร้อมเสียงล้อเลียน “นี่ใช่ประธานจิ้นผู้ที่งานยุ่งตลอดเวลาของเราหรือเปล่าเนี่ย”
เจียงสื้อสื้อมองไปทั่วงาน และพบว่าส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะ เธอล้วนแต่รู้จัก
หยุนโม่เหิง จี้ตงถาง และจิ่งหลิวเยว่
พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพื่อนสนิทของจิ้นเฟิงเฉิน
เธอเคยเจอกับพวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่านฟาง
“พวกคุณเคยเจอกันมาก่อน ดังนั้นผมจะไม่แนะนำอีกครั้ง” จิ้นเฟิงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่พวกเขายังคงแนะนำตัวเองกันทีละคน
หลังจากที่พวกเขาแนะนำตัวเสร็จ เจียงสื้อสื้อจึงยิ้มและกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ”
“พี่ครับ ทำไมวันนี้ถึงว่างพาพี่สะใภ้ออกมาได้” หยุนโม่เหิงถามยิ้มๆ
จิ้นเฟิงเฉินมองไปทางเจียงสื้อสื้อ มุมปากของเขากระตุกยิ้มเล็กน้อย “ถ้าฉันบอกว่าอยากจะเจอพวกนาย พวกนายจะเชื่อไหม”
“ไม่เชื่อ” ทั้งสามตอบพร้อมกัน
เมื่อเห็นแบบนี้ เจียงสื้อสื้อจึงอดที่จะยิ้มไม่ได้
“นายอยากจะเจอพวกเรา เป็นไปได้ยังไงกัน “จิ่งหลิวเยว่เบ้ปาก และทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “อันนี้เห็นด้วย”
จี้ตงถางยักคิ้ว “นายนี่ยังพูดตรงไปตรงมาจริงๆ ไม่ไว้หน้ากันเลย”
“นายก็ไม่ได้รู้จักกับเขาวันแรกสักหน่อย” หยุนโม่เหิงเหลือบตามองเขา แล้วหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย “ฉันคิดว่าที่นายเรียกพวกเราออกวันนี้ คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ”
พอเขาพูดแบบนี้ แม้แต่เจียงสื้อสื้อก็หันกลับไปมองที่จิ้นเฟิงเฉินเหมือนกัน
เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ “คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงการกุศลใช่ไหม”
จี้ตงถางพยักหน้า “ใช่ มีอะไรเหรอ”
“นายจะไปไหม”
“ฉันไม่อยากไป งานเลี้ยงแบบนี้น่าเบื่อจะตาย”จิ่งหลิวเยว่พูดขึ้นมาก่อน
“ฉันเองก็น่าจะไม่ไป”จี้ตงถางพูด “อะเยว่พูดถูก งานมันน่าเบื่อ”
“แล้วนายล่ะ” จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่หยุนโม่เหิง
“ฉันเหรอ ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว” หยุนโม่เหิงยักไหล่ “ไม่ไปไม่ได้”
“ฉันเข้าใจ” จิ่งหลิวเยว่ตบไหล่เขา
จี้ตงถางยิ้ม และมองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน “นายถามพวกเราว่าจะไปไหม นายจะไปเหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบโดยตรง แต่พูดขึ้นว่า “ในคืนวันงานจะมีผู้ชายที่ชื่อพิเอร์สปรากฏตัวที่งาน เขามาจากอิตาลีและเป็นคนใน SAกรุ๊ป”
“มาจาก SAกรุ๊ปอย่างนั้นเหรอ” หยุนโม่เหิงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานของรัฐบาลเหรอ ทำไมนายถึงยังคิดจะส่งคนไปอีก”
“ต่อหน้าทำทียอมรับการตรวจสอบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำงานของบริษัทยังเป็นเรื่องปกติ” จิ้นเฟิงเฉินพูดเยาะเย้ย
“เดี๋ยวสิ แล้วผู้ชายที่ชื่อพิเอร์สนี่มันยังไง” จิ่งหลิวเยว่ถามด้วยความสงสัย
จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิดอยู่สักพัก “ฉันต้องการให้หนึ่งในพวกนายเข้าไปทำความสนิทสนมกับเขา”
“หมายความว่าไง”
หยุนโม่เหิงและอีกสามคนไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดหมายความว่าอะไร
“SAกรุ๊ป กำลังพัฒนาไวรัสที่ร้ายแรงอยู่ ฉันต้องการให้พวกนายหาวิธีดึงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับไวรัสจากเขามาให้ฉัน”
เรื่องไวรัสอะไรพวกนั้น สำหรับหยุนโม่เหิงและคนอื่นๆแล้วมันแปลกหน้ามาก
แต่ว่า จิ่งหลิวเยว่ก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ เรื่องแค่นี้ง่ายมาก แค่หาผู้หญิงเข้าหาเขาก็จบแล้ว”
พอเขาพูดแบบนี้ ทุกคนก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน
เขาย่อตัวกลับโดยไม่รู้ตัว “พวกนายมองฉันทำไม พวกนายไม่รู้จักแผนสาวงามหรือไง”
จี้ตงถางตบไหล่เขาและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของคุณ”
จิ่งหลิวเยว่เบิกตากว้าง “อะไรนะ”
“ถูกต้องแล้ว หน้าที่นี้ยกให้นายไปทำ นายรู้จักแผนสาวงามอยู่คนเดียว”
พอหยุนโม่เหิงพูดแบบเดียวกัน จิ่งหลิวเยว่ก็ร้อนใจ “ฉันไม่ไป ฉันบอกว่าฉันจะไม่ไปงานเลี้ยงแบบนี้”
พอจี้ตงถางได้ยินแบบนี้ เขาก็เหลือบมองจิ้นเฟิงดฉิน “นายแน่ใจเหรอว่าจะไม่ไป นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงเฉินขอให้เราช่วยเขาเลยนะ”
“ฉัน…” จิ่งหลิวเยว่เริ่มลำบากใจ
จะไม่ไปก็ไม่ไป
“เอาเถอะ ให้นายไปที่นั่นไม่ได้ทำให้เนื้อนายหลุดจากร่างสักหน่อย” หยุนโม่เหิงพูด
จิ่งหลิวเยว่กัดฟัน และพยักหน้า “ได้ ฉันไปก็ได้ ฉันจะพาสาวสวยตัวไปด้วย”
จี้ตงถางยกยิ้ม “แบบนี้สิ พวกเราทุกคนรอข่าวดีจากนายอยู่นะ”
“พี่ ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำงานที่คุณมอบหมายให้สำเร็จอย่างแน่นอน” จิ่งหลิวเยว่พูดกับจิ้นเฟิงเฉินด้วยท่าทีจริงจัง
จิ้นเฟิงเฉินยกยิ้ม “ตกลง ฉันจะรอข่าวดีจากนายก็แล้วกัน”
“แบบนี้จะลำบากพวกเขาเกินไปหรือเปล่าคะ” เจียงสื้อสื้อถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้คนอื่นเลยจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเล็กน้อย “คนกันเองทั้งนั้น ไม่มีอะไรมากเกินไปหรอก”
จิ่งหลิวเยว่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา จึงรีบพูดขึ้นทันที “พี่สะใภ้ครับ สิ่งที่พี่ของผมพูดถูกแล้วครับ คนกันเองทั้งนั้น คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรเลย”
เจียงสื้อสื้อคิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยิน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเขินเล็กน้อย “ฉัน…เข้าใจแล้วค่ะ”
“เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ทุกคนไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว เรามาคุยกันเรื่องอื่นกันดีกว่า” หยุนโม่เหิงเอ่ยพูดเปลี่ยนประเด็น
เวลาหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน และถูกปากถูกคอ ทำให้ดูเข้ากันได้ดีมาก
จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อนั่งฟังเงียบ ๆ และตอบกลับไม่กี่คำ
งานเลี้ยงยังดำเนินไปเรื่อนๆจนเกือบห้าทุ่ม
พอมาถึงประตูทางเข้าบ้าน จิ้นเฟิงเฉินก็จอดรถและมองไปที่เจียงสื้อสื้อที่หลับไปแล้วด้วยแววตาที่อ่อนโยน และอุ้มเธอเข้าบ้านอย่างระมัดระวัง
พอวางเธอลงบนเตียง แล้วห่มผ้าห่มให้เธอ ก่อนจะนั่งลงที่ขอบเตียง
เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบสุขของเธอ ความเสน่หาในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินแทบจะล้นออกมา
หวังว่าจิ่งหลิวเยว่จะได้เบาะแสอะไรบ้าง ไม่ใช่เหนื่อยไปอย่างเปล่าประโยชน์
เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและกดจูบเบา ๆ บนคิ้วของเจียงสื้อสื้อ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและออกจากห้องไป