ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1027 เกี่ยวก้อย​สัญญา​

บทที่ 1027 เกี่ยวก้อย​สัญญา​

วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุข​อยู่สองวัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการพักฟื้นของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินขอให้กู้เนี่ยนพาเด็กน้อยทั้งสองกลับไปที่เมืองจิ่นก่อน

ในวันที่เดินทางจากไป เถียนเถียนกอดคอเจียงสื้อสื้อไว้แน่น แล้วร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจ

“หนูไม่อยากแยกจากหม่ามี๊​ หนูอยากอยู่กับหม่ามี๊​”

ถึงแม้​เสี่ยวเป่าจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ขอบตา​ของเขาก็แดงก่ำ

เมื่อเห็นจมูกที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ​ของเด็กที่กำลังร้องไห้ เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ

“เราให้พวกเขาอยู่ต่ออีกสักสองสามวันดีไหมคะ” เจียงสื้อสื้อหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน

“ไม่ได้” การตัดสินใจของจิ้นเฟิงเฉินมั่นคงมาก

ร่างกายของสื้อสื้อควรจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ได้แล้ว ไม่สามารถดูแลเด็กสองคนนี้ได้

เมื่อเถียนเถียนได้ยิน เธอก็ร้องไห้หนักขึ้น “แด๊ดดี้ใจร้าย หนูไม่รักแด๊ดดี้แล้ว”

จิ้นเฟิงเฉินไม่รู้​ว่า​ควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และพยายามพูดเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น​ “เถียนเถียน หม่ามี๊ของลูกไม่ค่อยสบาย ถ้าลูกอยู่ที่นี่ หม่ามี๊จะต้องแบ่งเวลามาดูแลลูกๆอีก รอหม่ามี๊อาการดีขึ้น แด๊ดดี้จะไปรับพวกลูกกลับมาอีกครั้ง ตกลงไหม”

เสียงร้องไห้หยุดลงกะทันหัน เถียนเถียนมองเขาด้วยดวงตาเบิกโต “จริงเหรอคะ”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน​ “จริงสิ แด๊ดดี้เคยหลอกพวกลูกตอนไหน”

เถียนเถียนสูดน้ำมูก “ถ้าอย่างนั้น…ถ้าหม่ามี๊อาการดีขึ้น แด๊ดดี้ต้องมารับพวกเรานะคะ”

ขณะที่พูด เถียนเถียนยื่นนิ้วก้อย​ของเธอออกมา “เกี่ยวก้อย​สัญญา​ค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินเกี่ยวก้อย​สัญญา​กับ​เธอ และลูบศีรษะ​เล็กๆ ของเธอ “เถียนเถียน ดีมากลูก”

เขายังลูบศีรษะของเสี่ยวเป่าด้วย “เสี่ยวเป่า ดูแลน้องสาวของลูกดีๆ รู้ไหม”

เสี่ยวเป่าเป็นเหมือนสุภาพ​บุรุษ​ร่างเล็ก แล้วพยักหน้ารับ “ไม่ต้องเป็นห่วงครับแด๊ดดี้ ผมจะดูแล​น้องเอง”

กู้เนี่ยนอุ้มเถียนเถียนไว้ “คุณชาย คุณนายน้อยครับ พวกเราไปแล้ว​นะครับ”

เจียงสื้อสื้อซุกอยู่ในอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉิน และเฝ้าดูรถของกู้เนี่ยนขับออกไป จนกระทั่งรถหายออกไปจากสายตา

“ฉันไม่อยากให้พวกลูกจากไปจริงๆ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกแสบจมูก​อยากจะร้องไห้อย่างช่วยไม่ได้

จิ้นเฟิงเฉินหุบยิ้ม “ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เห็นกันอีกแล้วสักหน่อย​ พอคุณอาการดีขึ้น เราจะกลับไปที่เมืองจิ่นพร้อมกัน”

“ได้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อหันไปมองเขา “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

จิ้นเฟิงเฉินจับมือเธอไว้ แล้วทั้งสองก็จูงมือ​กันเดินเข้าไปในบ้าน

ในเวลาเดียวกัน ที่บริษัท​ฟางซื่อกรุ๊ป

ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ ที่เงียบผิดปกติ​ และมีบรรยากาศที่ตึงเครียดมาก

สีหน้าของฟางยู่เชินเคร่งเครียด​มาก​ สายตากวาดมองไปที่กรรมการทุกคนที่อยู่ในห้อง และพูดขึ้นช้าๆ “ต้อง​ขอโทษด้วยครับ แต่เรื่องไฟไหม้ในโกดัง ผมยังตรวจสอบ​ความจริง​ไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร”

พอท่านหยางได้ยิน คิ้วก็ขมวดแน่น แล้วมองมาที่เขาด้วยสีหน้า​กังวลใจ

กรรมการคนอื่นๆ มองหน้ากันไปมาด้วยสายตาที่ต่างออกไป

คณะกรรมการคนหนึ่งเอ่ยถาม “พวกเราให้เวลาคุณสองสัปดาห์ แต่คุณกลับบอกพวกเราว่ายังหาตัวคนร้ายไม่เจอ นี่มันไร้สาระชัดๆ”

“ใช่ คุณทำให้พวกเราผิดหวังมากจริงๆ​”

“ผมนึกว่าทายาทที่คุณท่านเลือกจะเก่งมากซะอีก แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำได้แค่นี้”

“ผมคิดว่าถ้าฟางซื่ออยู่ในมือเขา ต้องจบสิ้นแน่ๆ”

……

มีหลายคนที่เห็นด้วย และคำพูดทุกคำก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อฟางยู่เชิน

พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของฟางอี้หมิง ก็เป็นเรื่องปกติที่จะพูดอย่างนั้น

ดังนั้นฟางยู่เชินจึงไม่ใส่ใจ เขาอธิบายอย่างไม่รีบร้อน​ “เรายังไม่พบคนร้ายที่ฉีดยาพิษ​ใส่หลี่เผิงครับ ทางตำรวจบอกว่าพอจะมีเบาะแส​บ้างแล้ว และจะได้ผลได้ผลสรุป​ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”

“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอย่างนั้น​เหรอ​ครับ​ คุณคิดจะขอให้เราให้เวลาคุณอีกสองสามวันใช่ไหม​ครับ​”

ฟางยู่เชินหันไปมองคณะกรรมการ​ที่ถามคำถาม มุมปากของเขายกยิ้ม “ถ้าหากพวกคุณยินยอม ก็ยิ่งดีครับ”

คนคนนั้นมองหน้าคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง และตอบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่มีทางครับ พวกเราไม่ยอมให้เวลาคุณ​อีกแล้ว​”

ในเวลานี้ ท่านหยางจึงพูดขึ้น​มา​ “ในเมื่อ​ตำรวจบอกว่าจะจับคนร้ายได้ในช่วงสองสามวัน พวกเราให้เวลาเพิ่มอีกสองสามวันก็สมควรแล้ว”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ​เหล่านี้ยังพอจะเกรงกลัวท่านหยางมาก แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เห็นท่านหยางอยู่ในสายตาเลย

“ท่านหยาง คราวนี้คุณ​จะใช้อะไรมาเป็นหลักประกันอีก คุณ​เคยใช้ชื่อเสียงตัวเองเป็นหลักประกัน แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของคุณไม่มีค่าอะไรเลย”

ใครก็ฟังคำประชดที่แฝงอยู่ในคำพูดของผู้ชายคนนี้ได้

ฟางยู่เชินขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจเล็กน้อย​ “ท่านหยางและปู่ของผมสร้างบริษัท​นี้ขึ้น​มาด้วยกัน ความอาวุโสของเขาสูงกว่าคุณ ระวัง​คำพูด​ของคุณด้วย”

พอชายคนนั้นถูกเขาต่อว่าต่อหน้าผู้คนมากมาย ใบหน้าของเขาแดงก่ำทันที แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “เขาเป็นผู้อาวุโส​ แต่เขาคงแก่จนเลอะเลือน​แล้ว ถึงได้สนับสนุนคุณซึ่งไม่มีความสามารถในการบริหาร​บริษัท​แบบนี้”

ฟางยู่เชินต้องการจะโต้กลับ แต่ท่านหยางกลับพูดดักหน้า​ขึ้นมาซะก่อน “ฉันยอมรับว่าฉันแก่จนเลอะเลือนแล้ว แต่ยู่เชินไม่ใช่อาโต้ว ถ้าเขาไม่มีความสามารถจริงๆ​ จิ้นกรุ๊ป​จะยอมตกลงร่วมธุรกิจ​กับเขาได้ยังไง”(ลูกชายของเล่าปี่ชื่ออาโต้วเป็นคนที่อ่อนแอและไม่เป็นโล้เป็นพาย จึงมีคำเปรียบเทียบคนที่ไม่เอาไหน ไม่เอาถ่าน ขี้เกียจ ส่งเสริมไม่ขึ้น)

“จิ้นกรุ๊ปอย่างนั้น​เหรอ​” ชายคนนั้นยิ้มเยาะเย้ย “ไม่มีใครไม่รู้​ว่าประธานของจิ้นกรุ๊ปเป็นน้องเขย​ของเขา นี่ถือว่ามีความสามารถอย่างนั้น​เหรอ​ นี่มันใช้เส้นสายชัดๆ”

“ถ้าอย่างนั้นประธานจิ้นก็เป็นน้องเขยของอี้หมิงด้วย ทำไมเขาถึงไม่ร่วมมือกับอี้หมิงล่ะ” ท่านหยางถามเขากลับ

ชายคนนั้นถูกตอกกลับ​จนพูดไม่ออกทันที

ท่านหยางยอยิ้ม แล้วพูดต่อ “ถึงแม้ประธานจิ้นจะยังหนุ่ม แต่เขาก็บริหารงาน​เก่งกว่าทุกคนในห้อง เขาจะมองคนไม่เป็นเลยหรือไง เพราะเขาเข้าใจดี ถึงได้เลือกอยู่ฝั่งยู่เชิน”

ในเวลานี้แล้ว ท่านหยางยังคงเลือกที่จะพูดแทนตัวเอง ฟางยู่เชินรู้สึกซาบซึ้ง​ใจมากจริงๆ

“ท่านหยางพูดถูกแล้ว ความสามารถของยู่เชินก็ไม่เลว เขาแค่ยังหนุ่ม การจัดการสิ่งต่างๆจึงไม่เด็ดขาด​เหมือนกับปู่ของเขา ถ้าฝึกฝนไปอีกสักระยะ ผมเชื่อว่าเขาจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน​ครับ​”

“ใช่ พวกเราอย่ากดดันเขามาก ให้โอกาสคนหนุ่มสาวได้แสดงความสามารถบ้าง”

“ผมเองก็เห็นด้วยที่จะให้โอกาสเขาอีกครั้ง”

……

นอกจากกรรมการไม่กี่คนที่อยู่ข้างฟางอี้หมิง คณะกรรมการ​คนอื่นๆต่างพากันออกความคิดเห็น​ ยินยอมที่จะให้เวลาฟางยู่เชินอีกสองสามวัน

พอเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์​ไว้​ สีหน้าของกรรมการเหล่านั้นจึงเปลี่ยนไป​ทันที

“พวกเราไม่ตกลงที่จะให้เวลาเขามากไปกว่านี้ และวันนี้เราจะต้องเปลี่ยนประธานบริษัท​ด้วย”

คณะกรรมการ​กลุ่มนั้นยังคงยืนกรานเหมือนเดิม​

ท่านหยางยิ้ม “ได้ แล้วพวกคุณต้องการจะให้ใครเข้ามาแทน”

คณะกรรมการ​กลุ่มนั้นมองหน้ากัน แล้วพูดออกมาพร้อมกัน “ฟางอี้หมิง”

เป็นตัวเลือกที่คิดไว้ไม่มีผิด

ท่านหยางหันไปมองทางฟางยู่เชิน“คุณยินยอมที่จะสละตำแหน่งประธานบริษัท​ไหม”

“ฉันไม่ยอมครับ” คางของฟางยู่เชินเชิดขึ้นเล็กน้อย และตอบอย่างหนักแน่น

“ดีแล้ว​ ผมเองก็ไม่คิดอยากจะเปลี่ยนเหมือนกัน”

ท่านหยางมองไปที่คนอื่นๆ และถามว่า “แล้วพวกคุณล่ะ เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวประธานไหม”

“พวกคุณคิดว่าการเปลี่ยนประธานบริษัท​จะเปลี่ยนกันง่ายๆได้หรือไง” มีคนลุกขึ้น​ยืนอย่างไม่พอใจ แล้วมองคนกลุ่มนั้น “คุณ​ท่านฟางประสบอุบัติเหตุกะทันหัน​ บริษัท​เกือบจะเกิดความวุ่นวาย​ โชคดีที่ท่านได้เลือกทายาทไว้ล่วงหน้า บริษัทถึงได้มั่นคงรักษาสภาพจิตใจของพนักงานไว้ได้”

“ตอนนี้พวกคุณคิดจะเปลี่ยนคน ตั้งใจจะทำให้​บริษัท​เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหม พวกคุณต้องการให้คนนอกหัวเราะ​บริษัท​ของเราหรือไง”

เมื่อต้องเผชิญกับคำถามนี้ คนกลุ่มนั้นก็ก้มหน้าลงทีละคน ไม่กล้าที่จะตอบโต้อะไรอีก

เดิมทีพวกเขาก็พูดตามคำสั่งของฟางอี้หมิง สถานการณ์ในตอนนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาไปแล้ว​ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก

ท่านหยางลุกขึ้น “ถ้าเช่นนั้น คนที่เห็นด้วยว่าจะให้เวลายู่เชินอีกสามวัน ยกมือขึ้น​”

นอกจากคนกลุ่มนั้นที่ไม่ยกมือ คนอื่นๆต่างก็ยกมือเห็นด้วย

ท่านหยางยิ้มอย่างโล่งใจ แล้วพูดออกมา“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เวลายู่เชินอีกสามวัน ผมเชื่อว่าเขาจะให้ข้อสรุป​ที่น่าพอใจกับพวกเราแน่นอน​”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท