ทันทีที่ฝู้จิงเหวินเห็นภาพถ่ายพวกนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นจ้องจ้องเขม็งไปที่รูปถ่าย
ข่ายสื้อลินไปที่ประเทศแล้ว!
เขาหายใจเข้าลึกๆอดกลั้นความโกรธที่ปะทุขึ้น แล้วกดโทรออกไป
อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฝู้ เห็นรูปแล้วมั้ยคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณคงคิดถึงเธอมากแล้วใช่ไหมคะ?” ข่ายสื้อลินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“คุณคิดจะทำอะไร?” เขากำโทรศัพท์แน่นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าหล่อเหลาของเขากำลังเคร่งเครียด
ข่ายสื้อลินที่อยู่อีกฟากของมือถือขำออกมาเบาๆ”คุณลองทายดูสิว่าฉันจะทำอะไร?”
“ผมบอกไว้เลยนะ ถ้าคุณกล้าทำร้ายสื้อสื้อละก็ ผมฆ่าคุณแน่!”
แม้อยู่อีกฟากของโทรศัพท์ เธอก็ยังได้ยินเสียงกัดฟันที่ดังออกมา แล้วข่ายสื้อลินก็หัวเราะ
“ฝู้ คุณเป็นคนบังคับฉันเอง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณคิดไม่ซื่อกับสถาบันวิจัยละก็ ฉันก็คงไม่มาเมืองหลวง และไม่มีทางที่ฉันจะมานั่งดูพวกเจียงสื้อสื้อแบบนี้”
“ข่ายสื้อลิน!”
ฝู้จิงเหวินคำรามออกมาราวกับจะทำให้โทรศัพท์ระเบิดไปเลย ยิ่งเขาโกรธมากเท่าไหร่ ข่ายสื้อลินก็ยิ่งเกลียดเจียงสื้อสื้อมากขึ้นเท่านั้น
“ฝู้จิงเหวิน คุณคิดถึงเธอมากไม่ใช่เหรอคะ? อีกไม่นาน อีกไม่นานฉันก็จะพาเธอไปหาคุณแล้ว” พอพูดจบ ข่ายสื้อลินก็วางสายไปทันที
“บัดซบ!” ฝู้จิงเหวินโยนมือถือลงพื้น
มือถือแหลกเป็นชิ้นๆไปทันที
เขาหลับตาลง สองมือกำแน่น ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
สื้อสื้อ
เขาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอเด็ดขาด!
เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาลืมตาขึ้นมาทันที หันหลังเดินเข้าห้องนอน ยกหมอนขึ้น เผยให้เห็นปืนพกสีดำกระบอกหนึ่ง
เขาถือปืนพกไว้ในมือ เหลือบตาขึ้น พร้อมกับแววตาที่เย็นเยือก
ถึงครั้งนี้จะต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องสื้อสื้อไว้ให้ได้
เขาไม่อยากต้องเสียใจอีกครั้ง
……
“นี่ไง แฮมเบอร์เกอร์กับเฟรนซ์ฟรายส์ของพวกเธอ”
เจียงสสื้อสื้อวางจานอาหารลงบนโต๊ะ
เด็กทั้งสามรีบเข้าไปหยิบแฮมเบอร์เกอร์ของตัวเองขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ค่อยกินนะ”
เธอลูบหัวเด็กๆแล้วนั่งลงข้างๆ เหลียงซินเวย
“เธออยากกินอะไรไหม?”
เหลียงซินเวยส่ายหน้าเบาๆ “ฉันไม่หิว”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย เธอถามไปว่า “วันนี้นี้วันหยุดเหรอ?”
“วันนี้เป็นคิวที่ฉันได้หยุด เลยพาอานอานออกไปเดินเล่นพอดี” เหลียงซินเวย มองไปที่อานอาน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อเขา
“แล้ว..…พี่สาวของเธอล่ะ?” เจียงสื้อสื้อถามไปอย่างระมัดระวัง
เหลียงซินเวยก้มหน้าลง
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่ามีความเศร้าบางๆเล็ดลอดออกมาจากตัวเธอ
เจียงสื้อสื้อตระหนักได้ว่าเธออาจถามคำถามที่ไม่ควรถามไปแล้ว จึงรีบพูดไปว่า “ถ้าไม่สะดวกที่จะตอบ ก็ถือซะว่าฉันไม่ได้ถามแล้วกัน”
ทันทีที่สิ้นเสียง ก็ได้ยินเหลียงซินเวยพูดออกมาเบาๆ ว่า “พี่สาวของฉันตายแล้วค่ะ”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด นี่เธอถามคำถามที่ทำให้คนต้องรู้สึกเจ็บปวดไปแล้ว
“ขอโทษนะ ฉันไม่ควรจะถามแบบนั้นเลย”
เหลียงซินเวยส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วตอนนี้เธอเลี้ยงดูอานอานแค่คนเดียวเหรอ?”
“อืม ฉันกับอานอานญาติที่สนิทกันที่สุดในโลกแล้ว”
ตอนที่เธอพูดแบบนั้นออกมา แววตาของเหลียงซินเวยก็ดูค่อนข้างโศกเศร้า
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเป็นห่วงมาก แต่เธอก็ไม่กล้าแสดงมันออกมา เธอกลัวว่าจะทำให้เหลียงซินเวยรู้สึกไม่พอใจ เธอเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างเนียนๆ “ต่อไปเธอก็มีฉันเป็นเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็หาฉันได้ทุกเมื่อเลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เหลียงซินเวย ก็ยิ้มออกมา “ขอบคุณค่ะพี่สื้อสื้อ”
“ด้วยความยินดี”
ทั้งสองยิ้มให้กันและมองดูเด็กสามคนที่กำลังกินอาหารกันอย่างมีความสุข
หลังจากกินแฮมเบอร์เกอร์แล้ว เด็กทั้งสามก็ทนนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ จึงพากันไปเล่นที่สนามเด็กเล่น
ผู้ใหญ่สองคนนั่งมองอยู่ไกลๆ คุยกันเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็เล่นมือถือ
ระหว่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ พอเธอออกมาและผ่านสนามเล็กเล่นนั้น เธอก็เห็นเถียนเถียนถูกหญิงต่างชาติที่สวมแว่นดำคนหนึ่งอุ้มไว้
เธอตกใจและรีบเดินเข้าไปหา
“ขอโทษนะ เธอเป็นลูกสาวของฉัน” เธอเอื้อมมือไปเพื่อจะอุ้มเถียนเถียนกลับมา
แต่หญิงต่างชาติกลับหลบไป
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อเปลี่ยนไปทันที และตอนที่เธอกำลังจะแย่งกลับมานั้นเอง หญิงต่างชาติก็พูดขึ้นว่า
“เจียงสื้อสื้อ”
สำเนียงที่น่าขัดใจ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วอย่างแรง “คุณรู้จักฉันเหรอคะ?”
“ฉันก็ต้องรู้จักคุณแน่นอนอยู่แล้ว” หญิงต่างชาติถอดแว่นดำออกจนเผยให้เห็นใบหน้าทั้งหมดของเธอ
เจียงสื้อสื้อเบิกตาทันที “คุณนี่เอง!”
เธอจำผู้หญิงคนนี้ได้ ตอนที่เธอถูกฝู้จิงเหวินกักบริเวณเธอเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้
“ใช่ ฉันเอง” ข่ายสื้อลินยิ้มออกมาเล็กน้อย
“คุณคิดจะทำอะไร? ถ้ามีอะไรก็ให้มาลงที่ฉัน และวางลูกสาวของฉันลงนะ!” เจียงสื้อสื้อจ้องเขม็งไปที่เธอ
“ถ้าคุณยอมไปอิตาลีกับฉัน ฉันก็จะวางเด็กลง” ข่ายสื้อลินบอก
เถียนเถียนสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ ทันใดนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมา “หนูอยากให้หม่ามี๊อุ้ม หนูอยากให้หม่ามี๊อุ้ม”
เธอดิ้นรน จนข่ายสื้อลินอุ้มไม่อยู่ไปครู่หนึ่ง และเกือบทำเธอหลุดมือ
เจียงสื้อสื้อตกใจร้องอุทานออกมา “เถียนเถียน!”
พอเธอตะโกนออกมา ทุกคนในร้านก็พากันมองมาทางนี้
เหลียงซินเวยที่ได้ยินเสียงก็ได้เหลือบมองมาที่เถียนเถียนกับหญิงต่างชาติคนนั้น แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“เวยเวย เธอช่วยพาเสี่ยวเป่ากับอานอานไปรอฉันข้างๆก่อน”
เจียงสื้อสื้อไม่ต้องการดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
เหลียงซินเวยเห็นเธอทำหน้าจริงจังมาก เธอจึงอยากจะถามอะไรมากไป และรีบพาเด็กสองคนไปรออยู่ข้างๆ
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ว่า “ตกลง ฉันจะไปกับคุณ แต่คุณต้องวางเด็กลง!”
เธออยากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เถียนเถียนอยู่ในมือของผู้หญิงคนนี้ เธอไม่กล้าเอาความปลอดภัยของลูกเดิมพันด้วย
“คุณออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วจะมีคนพาคุณไปขึ้นรถ” ข่ายสื้อลินนสั่งให้เธอออกไปก่อน
เจียงสื้อสื้อหันไปมอง เหลียงซินเวย” เวยเวยช่วยฉันดูแลลูกทั้งสองคนด้วยนะ แล้วช่วยบอกกับพี่ของฉันด้วยว่าฉันไปอิตาลีแล้ว”
“อะไรนะ?” เหลียงซินเวยทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร
“รบกวนด้วยนะ” เจียงสื้อสื้อโค้งคำนับให้เธอแล้วเดินออกไป
ทันทีที่เธอออกไป ก็มีคนมาจับตัวเธอไว้
ข่ายสื้อลินวางเถียนเถียนลงหลังจากเห็นเป้าหมายถูกพาขึ้นรถไปแล้ว
เธอสัมผัสใบหน้าอันอ่อนหวานของเถียนเถียน “สาวน้อย หนูหน้าตาน่ารักมาก น้ารู้สึกชอบเธอมากเลย”
พูดจบเธอก็จากไปทันที
กะพริบตาปริบๆและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น คิดว่าเป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคนนั้นเท่านั้น
เหลียงซินเวยรีบพาเด็กทั้งสามคนออกไปแล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเจียงสื้อสื้อที่ขึ้นรถไปแล้ว
ทันใดนั้น เธอตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“เสี่ยวเป่า เถียนเถียน แม่ของพวกหนูมีธุระที่ต้องไปทำ พวกหนูไปกับน้าก่อนนะ ตกลงไหม?” เธอปลอบใจเด็กน้อยสองคนก่อน
เถียนเถียนพยักหน้า”ได้ค่ะ”
เหลียงซินเวยนึกถึงสิ่งที่เจียงสื้อสื้อพูดกับเธอไว้ เธอพาเด็กๆไปที่ถนนแล้วโบกมือเรียกแท็กซี่ไว้คันหนึ่ง “ไปฟางซื่อกรุ๊ปค่ะ”