ฟางยู่เชินมาถึงอิตาลี ได้พบกับเห้อซูหาน ก็พูดออกมาตามตรงไม่อ้อมค้อมว่า “มีเบาะแสคุณชายของคุณมั้ย”
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ” เห้อซูหานส่ายหน้า สีหน้าเคร่งเครียด
ฟางยู่เชินขมวดคิ้วแน่น “สื้อสื้อก็ถูกจับมาที่อิตาลีแล้ว ไม่รู้ว่าถูกจับไปที่ไหน”
“หลังจากที่ฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณชายรองแล้ว ก็ส่งคนไปที่สนามบิน แต่ไม่พบร่องรอยของพวกข่ายสื้อลินเลยครับ”
เห้อซูหานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “พวกเราอาจจะช้าไปก้าวหนึ่ง”
“คุณคิดว่าพวกเขาเอาตัวคนไปที่ไหน” ฟางยู่เชินถาม
“เบอร์เกนสถาบันวิจัยที่สำคัญที่สุดถูกทำลายแล้ว ส่วนสถาบันวิจัยอื่นก็ไม่พบศาสตราจารย์คูรี่ ดังนั้นฉันเดาว่าตอนนี้คุณหญิงน่าจะยังปลอดภัยดี”
สถาบันวิจัยทั้งหมดของเบอร์เกนเขาส่งคนไปจับตาดูทุกแห่ง แต่ก็ไม่มีการปรากฏตัวของศาสตราจารย์คูรี่
อีกทั้งหากต้องการก่อตั้งสถาบันวิจัยสักแห่งหนึ่งเป็นการชั่วคราวจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะ ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ การทดลองก็ยังไม่สามารถทำให้สำเร็จชั่วคราว
ฟางยู่เชินได้ยินการวิเคราะห์ของเธอ ก็พยักหน้า “อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องช่วยเหลือคนออกมา ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มการทดลอง”
พูดมาถึงตรงนี้ ฟางยู่เชินมองไปรอบๆ ถามว่า “กู้เนี่ยนล่ะ”
“เขาไปสืบของที่อยู่ของคุณชาย”
“ผมสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างมั้ย” ฟางยู่เชินถามอีก
เห้อซูหานยิ้มอย่างจนปัญญา “ตอนนี้พวกเราไม่รู้เลยว่าคุณชายและคุณหญิงอยู่ที่ไหน รอให้พวกเราเจอพวกเขาก่อน พวกเราค่อยเริ่มลงมือ”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้”
……
หลังจากเที่ยวบินของฟางยู่เชินขึ้นบินแล้ว ส้งหยาวก็กลับบริษัทเลย
พอเข้าไปที่ห้องทำงาน ก็มองเห็นเหลียงซินเวยกอดเถียนเถียนนั่งหลับอยู่บนโซฟา ส่วนเด็กผู้ชายอีกสองคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง
“คุณลุงส้ง”
มองเห็นเขา เสี่ยวเป่าลุกยืนขึ้นมา
ส้งหยาวยิ้มอ่อนๆ จากนั้นก็กวักมือเรียกเขา “เสี่ยวเป่า มานี่”
เสี่ยวเป่าวิ่งไปตรงหน้าเขาอย่างเชื่อฟัง
ส้งหยาวนั่งยองๆเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับเขา พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หนูปลุกคุณน้าให้ตื่น อาจะส่งพวกเธอกลับบ้าน”
“คุณน้าชายเล็กล่ะครับ” เสี่ยวเป่าถาม
ส้งหยาวลูบศีรษะเขา “ประธานฟางกับหม่ามี๊ของหนูไปอิตาลีด้วยกันแล้ว อีกสองสามวันถึงจะกลับมา”
เสี่ยวเป่า ร้อง“อ๋อ” หันไปเรียกเหลียงซินเวย
“น้าเวยเวยครับ น้าเวยเวย……”
ขณะที่สะลึมสะลือนั้น เหมือนกับว่าได้ยินชื่อของตนเอง
เหลียงซินเวยค่อยๆลืมตา แก้มเนียนอ่อนเยาว์ของเสี่ยวเป่าเข้ามาในสายตา เธอยกมุมปากยิ้ม “ทำไมเหรอจ้ะ เสี่ยวเป่า”
“คุณลุงส้งกลับมาแล้ว จะไปส่งพวกเรากลับบ้านครับ”
พอเหลียงซินเวยได้ยิน ก็รีบหันหน้ามา ตอนที่มองเห็นส้งหยาวก็รีบลุกขึ้นยืน
เธอลืมไปว่ายังอุ้มเถียนเถียนเอาไว้ จู่ๆลุกขึ้นมาแบบนี้ เถียนเถียนเกือบจะร่วงลงมา
“ระวัง!” ส้งหยาวพุ่งตัวไป รับเถียนเถียนเอาไว้ได้พอดี
เหลียงซินเวยตกใจจนหน้าซีดเผือด “ขอ……ขอโทษค่ะ ฉัน……”
“อื้อ……”
เถียนเถียนขยี้ดวงตาที่ง่วงหงาวหาวนอน
ส้งหยาวอุ้มเธอเอาไว้ให้ดี “พวกเราจะกลับบ้านกันแล้วจ้ะ เถียนเถียน”
“หม่ามี๊ล่ะคะ” เถียนเถียนมองเขา พลางเอ่ยถาม
“หม่ามี๊และน้าชายเล็กของหนูไปอิตาลีแล้ว ต้องอีกสองสามวันจึงจะกลับมา”
พอเถียนเถียนได้ยิน ก็ทำปากจู๋ขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “พวกเขาออกไปเที่ยวกัน ทำไมไม่พาหนูไปด้วยนะ”
ส้งหยาวยิ้ม “พวกเขาไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว”
“อ๋อ” เถียนเถียนทำปากจู๋ ใบหน้าชายเล็กๆที่นุ่มเด้งยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง
เหลียงซินเวยที่อยู่ข้างๆได้ยินว่าฟางยู่เชินไปอิตาลี ก็ตกใจ สัญชาตญาณเธอบอกว่าเรื่องนี้อาจจะค่อนข้างร้ายแรง
แต่ว่ามีเด็กๆอยู่ด้วย เธอก็ถามอะไรมากไม่ได้
ได้แต่อาศัยจังหวะที่เด็กๆขึ้นรถแล้ว เธอจึงได้ถามส้งหยาวเบาๆว่า “พี่สื้อสื้อไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่มั้ย”
ส้งหยาวส่งรอยยิ้มปลอบใจเธอ “คุณวางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไร ขึ้นรถเถอะ”
แม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่ในใจของเหลียงซินเวยก็ยังไม่สบายใจ
ทว่าตนเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กล้ำกลืนความวิตกกังวลลงไปข้างใน เปิดประขึ้นรถ
ส้งหยาวไปส่งเหลียงซินเวยกลับบ้านก่อน แล้วจึงไปส่งเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนกลับบ้านใหญ่ตระกูลฟาง
ซ่างหยิงเห็นว่ามีเพียงแค่เด็กสองคนกลับมา ก็แปลกใจมาก “หม่ามี๊ของพวกหนูล่ะ”
“คุณสื้อสื้อและประธานฟางไปอิตาลีแล้วครับ”
“ไปอิตาลีเหรอ” ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “ทำไมไม่เห็นบอกฉันสักคำ แล้วยัง……”
เธอมองที่เสี่ยวเป่าและเถียนเถียน “ยังทิ้งลูกสองคนเอาไว้ นี่พวกเขากำลังทำอะไรกัน”
ซ่างหยิงโมโหเล็กน้อย คิดว่าเจียงสื้อสื้อและฟางยู่เชินเหลวไหลเกินไปแล้ว ทิ้งลูกเอาไว้ ตนเองก็ไปต่างประเทศแล้ว
ถ้าไม่ใช่ว่ามีส้งหยาวอยู่ด้วย ใครจะดูเด็กสองคนนี้
“นายหญิง ท่านอย่าโมโหเลยนะครับ พวกเขาไปเพราะมีธุระกะทันหัน ไม่ทันได้บอกท่าน” ส้งหยาวไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ กลัวว่าเธอจะกังวล
“มีธุระกะทันหันเหรอ” ทันใดนั้นซ่างหยิงก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว นายเห็นเฟิงเหรามั้ย”
ส้งหยาวพยักหน้า “เจอแล้วครับ”
“ฉันเห็นเขารีบร้อนออกไปหาสื้อสื้อ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ซ่างหยิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่มีอะไรครับ ท่านไม่ต้องคิดมาก”
ส้งหยาวเกรงว่าถ้าถูกเธอซักไซ้ต่อไป ตนเองอาจจะเผลอหลุดพูดความจริงออกมา ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “นายหญิง ที่บริษัทยังมีงานอยู่ ผมไปก่อนนะครับ”
พูดจบ ไม่รอให้ซ่างหยิงโต้ตอบ ก็เดินดุ่มๆออกไป ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายตามมาข้างหลังอย่างนั้น
“เด็กคนนี่จะรีบร้อนอะไรของเขากันนะ” ซ่างหยิงยิ้มพลางส่ายหน้า จากนั้นก็จูงมือเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน “เด็กน้อยทั้งสอง พวกเราเข้าไปกันเถอะ วันนี้ยายอบขนมอร่อยๆเอาไว้ด้วยนะ”
พอได้ยินว่ามีขนม เถียนเถียนก็ลากเธอเดินไปที่ในบ้านทันที “คุณยายซ่างหยิงคะ เร็วหน่อยค่ะ หนูอยากกินขนม”
“จ้า พวกเราไปกินขนมกันเลย”
เธอจูงมือเด็กสองคนไปทางห้องอาหาร
……
เหลียงซินเวยยังคงวิตกกังวลเรื่องของสื้อสื้อ รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เจอเบอร์โทรศัพท์ของฟางยู่เชิน ก็เตรียมจะกดโทรออกไป แต่ตอนที่นิ้วมือกำลังจะสัมผัสหน้าจอ เธอก็ลังเล
โทรหาเขาตอนนี้ จะเป็นการรบกวนเขาหรือเปล่านะ
เธอกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงสูดลมหายใจ กดโทรออกไป
“ตึก……ตึก……”
เสียงดังเหมือนกับมีอะไรมาเคาะบนหัวใจเธอ หัวใจเต้นเร็วมาก
มือจับโทรศัพท์มือถือแน่นมากโดยไม่รู้ตัว
“สวัสดีครับ ฟางยู่เชิน”
วินาทีที่น้ำเสียงเขาดังทะลุผ่านโทรศัพท์มานั้น หัวใจของเธอเต้นระรัว
เธอกลั้นหายโดยไม่รู้ตัว “สวัสดีค่ะ ฉันคือเหลียงซินเวย”
“อ้อ คือคุณเองเหรอ มีเรื่องอะไรครับ”
น้ำเสียงฟางยู่เชินเย็นชาเล็กน้อย จู่ๆเหลียงซินเวยก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
นานมากที่ไม่ได้ยินเสียง ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “คุณเหลียง คุณยังอยู่มั้ยครับ”
เหลียงซินเวยดึงสติกลับมา “ฉันอยู่ค่ะ”
“คุณมีเรื่องอะไรหรือครับ”
“ฉัน……” เหลียงซินเวยกัดริมฝีปาก “ฉันก็แค่อยากจะถามว่าพี่สื้อสื้อเป็นยังไงบ้างค่ะ”
“ยังหาเธอไม่เจอ”
เธอตื่นตกใจอกสั่นขวัญแขวน “อย่างนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอมั้ยคะ”
ได้ยินความตื่นตระหนกและกังวลในน้ำเสียงของเธอ ฟางยู่เชินหัวเราะเบาๆ “คุณเหลียง คุณไม่ต้องกังวล สื้อสื้อจะไม่เป็นอะไร”
“จริงเหรอคะ” เหลียงซินเวยถามอย่างไม่แน่ใจ
“จริงครับ ไม่นานพวกเราก็จะกลับไป”
ได้รับคำตอบที่แน่นอนของเขา เหลียงซินเวยจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดประโยคหนึ่งเบาๆว่า “ฉันจะรอพวกคุณกลับมาค่ะ”
ฉันจะรอพวกคุณกลับมา
ได้ยินประโยคนี้ ในใจฟางยู่เชินก็หวั่นไหวเล็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกที่มีคนบอกว่าจะรอเขานั้น มันช่างดีมากๆ
“อืม”
เหลียงซินเวยไม่กล้ารบกวนเขาอีก “อย่างนั้นก็แค่นี้นะคะ บ๊ายบาย”
หลังจากวางสายแล้ว เหลียงซินเวยนั่งบนโซฟา นานพักใหญ่ที่เหม่อลอยไม่ได้สติ