ฟางยู่เชินกับซ่างหยิงรอไปประมาณสามสิบนาที ประตูห้องก็ได้เปิดออกอีกครั้ง
โม่เหยียก็ได้เดินออกมาก่อน
“เป็นไงบ้าง?” ซ่างหยิงก็ได้รีบเข้าไป แล้วถามอย่างร้อนใจ
“ควบคุมได้ชั่วคราวครับ” โม่เหยียตอบ
ใจที่ได้กังวลอยู่ของซ่างหยิงก็ได้วางอยู่ที่เดิม เธอก็ได้ถอนหายใจอีกครั้ง ถาม “สื้อสื้อเป็นอะไรกันแน่?”
“จากการตรวจของผมและหานยู่ ไวรัสในร่างกายของคุณหญิงไม่นานอาจจะควบคุมไม่ได้แล้ว” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของโม่เหยียก็ได้เครียดผิดปกติ
บรรยากาศก็ได้กดดันไปเลยทันที
พวกเขาเข้าใจดี ถ้ากดไวรัสไม่ได้ กำเริบขึ้นมาจะเกิดผลที่ร้ายแรงอะไรบ้าง
“งั้นพวกนายต้องหาวิธีนะ” ซ่างหยิงร้อนรนทันที “พวกนายจะมองดูสื้อสื้อทรมานเพราะไวรัสจนตายไม่ได้นะ”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็ได้ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“กว่าสื้อสื้อจะอยู่อย่างสุขสบายได้แบบนี้มันยากนะ ทำไมพระเจ้ายังมาทำแบบนี้กับเธอ?”
กรอบตาของฟางยู่เชินก็ได้แสบ เขาก็ได้ยื่นมือไปกอดแม่ของตน ปลอบว่า “แม่ครับ แม่อย่าใจร้อนครับ พวกโม่เหยียต้องคิดหาวิธีมาช่วยสื้อสื้อแน่”
“ใช่ครับ คุณหญิงฟาง คุณไม่ต้องร้อนใจครับ การวิจัยของผมกับหานยู่ก็ได้มีความคืบหน้าแล้ว เชื่อว่าพวกเรานั้นต้องช่วยคุณหญิงได้แน่” โม่เหยียพูด
ฟางยู่เชินได้ยิน ไม่กล้าที่จะเชื่อเล็กน้อย “นายหมายความว่าการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสของพวกนายได้มีอะไรใหม่ๆ แล้ว ใช่ไหม?”
เวลานี้ หานยู่เดินออกมา ก็ได้ยินคำถามของเขาพอดี ก็ได้อธิบายไปว่า “มันเป็นแบบนั้นจริงครับ หลังจากพวกเราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสทั้งหมดมานั้น ก็ได้ทำการวิจัยอย่างไม่ได้หลับได้นอน ไม่แน่อีกสักพักก็ได้มียาที่มีต่อกรได้”
“งั้นสามารถที่จะจัดการเชื้อไวรัสได้หมดไหม?” ฟางยู่เชินก็ได้ถาม
หานยู่ก็ได้มีสีหน้าที่รู้สึกผิด “ขอโทษครับ อันนั้นพวกเราก็รับประกันไม่ได้ครับ”
ความหวังที่จุดประกายได้อย่างยากลำบากก็ได้ดับลงอีกครั้ง ฟางยู่เชินก็ได้ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาทำลายความมั่นใจของโม่เหยียและหานยู่
“ลำบากพวกนายแล้ว” เขาพูด
โม่เหยียทำไมจะมองความผิดหวังของเขาไม่ออก ก็ได้เม้มปาก พูด “ถึงแม้ไม่กล้าที่จะรับประกันว่าจะกำจัดเชื้อไวรัสได้หมด แต่สามารถที่จะกดการกำเริบของเชื้อไวรัสได้”
“แบบนี้ก็ดี” ซ่างหยิงก็ได้เช็ดน้ำตา “ขอแค่รักษาชีวิตของสื้อสื้อได้ก็พอ”
หานยู่ก็ได้ยิ้มบางๆ “คุณหญิงฟาง คุณวางใจเถอะครับ ไหนๆ พวกเรานั้นสามารถที่จะวิจัยยาที่กดอาการของไวรัสได้ งั้นก็สามารถที่จะวิจัยยาที่ทำลายเชื้อไวรัสมาได้แน่”
“ฉันเชื่อในตัวพวกเธอ” ซ่างหยิงเงยหน้ามองพวกเขา
“ขอบคุณครับ”
“คุณหญิงน่าจะตื่นขึ้นมาเร็วๆ นี่ พวกคุณพยายามทำให้เธอมีอารมณ์ที่ดีเข้าไว้ ห้ามให้อารมณ์ของเธอแปรปรวนหนักไป” โม่เหยียก็ได้เตือน
ฟางยู่เชินพยักหน้า “พวกเราต้องระวังแน่ แต่แค่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเฟิงเฉินอยู่ที่ไหน ฉันกลัวว่าสื้อสื้อจะคิดมาก นี่เป็นอะไรที่พวกเราควบคุมไม่ได้”
“เรื่องนี้มันยากจริงๆ ครับ” หานยู่ก็ได้ขมวดคิ้ว
พวกเขารู้ว่าเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินรักกันมากขนาดไหน
ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินหายตัวแล้ว เจียงสื้อสื้อช็อกขนาดไหนพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะคิดเหมือนกัน
โม่เหยียคิดไปคิดมา พูด “เอาแบบนี้ ให้คุณชายรองส่งเสี่ยวเป่าเถียนเถียนมาที่นี่ ไม่แน่มีลูกอยู่ ก็ทำให้คุณหญิงเบี่ยงเบนความสนใจได้ จะได้ไม่คิดถึงคุณชายตลอด”
ซ่างหยิงได้ยิน ก็ได้เห็นด้วยย่างรวดเร็ว “ได้ได้ แบบนี้ดีที่สุดแล้ว”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ก็ดี ถึงตอนนั้นฉันติดต่อไปหาเฟิงเหรา”
จากนั้น หานยู่ก็ได้เอายาส่งให้ฟางยู่เชินขวดหนึ่ง “ยานี้สามารถที่จะระงับเชื้อไวรัสได้ชั่วขณะ วันละเม็ด รอให้ยาใหม่ออกมา ผมกับโม่เหยียจะมาส่งให้ด้วยตัวเอง”
ฟางยู่เชินก็ได้รับมา พยักหน้าอย่างหนัก “พวกนายวางใจเถอะ ฉันจะจับตามองเธอกินทุกวันเลย”
“ก่อนที่ยาใหม่จะมา รบกวนพวกคุณก่อนนะครับ” โม่เหยียก็ได้พูด
ฟางยู่เชินก็ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “สื้อสื้อเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ดูแลเธอเป็นหน้าที่ของฉัน ไม่รบกวนอะไร”
โม่เหยียยิ้ม “งั้นผมกับหานยู่ขอตัวกลับก่อนครับ เกิดอะไรขึ้นค่อยติดต่อพวกเรา”
“ได้”
หลังจากที่ฟางยู่เชินไปส่งโม่เหยียหานยู่ ก็ได้กลับไปที่ห้องเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อก็ได้หลับอยู่เหมือนเดิม
“พวกโม่เหยียบอกว่าไม่นานก็จะตื่นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่มีอะไรเลยล่ะ?” ซ่างหยิงว้าวุ่นใจมากๆ เธอกลัวว่าคนจะไม่ตื่นขึ้นมา
“แม่ครับ ไม่ต้องคิดมาก โม่เหยียบอกว่าตื่นก็ต้องตื่น” ฟางยู่เชินก็ได้ปลอบใจเธอ
ซ่างหยิงก็ได้ถอนหายใจ “ก็ได้ แม่รออีกหน่อย”
ฟางยู่เชินมองเจียงสื้อสื้อที่อยู่บนเตียง คิ้วก็ได้ค่อยๆ ขมวด ถึงแม้ว่าเขาได้ปลอบใจแม่แบบนั้นไป แต่ความเป็นจริงในใจของเขาก็ได้กลัวมากว่าเธอจะไม่ตื่น
อาจเป็นเพราะได้รับรู้ถึงความเป็นห่วงของพวกเขา ตอนใกล้มืด เจียงสื้อสื้อก็ได้ตื่นขึ้นมาสักที
พอลืมตา ใบหน้าที่ได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของคุณน้าก็ได้ปรากฏต่อหน้าเธอ
“สื้อสื้อ หนูตื่นสักที” ซ่างหยิงร้องไห้
นัยน์ตาของเจียงสื้อสื้อก็ได้เต็มไปด้วยความกังวล “หนูเป็นอะไรเหรอคะ?”
ซ่างหยิงก็ได้เช็ดน้ำตา ก็ได้พูดด้วยเสียงที่สะอึก “หนูเกือบที่จะตื่นขึ้นมาไม่ได้แล้ว”
“หมายความว่ายังไงคะ?” เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจ
“โม่เหยียบอกว่าเพราะหนูอารมณ์แปรปรวนมากเกินไป ถึงได้หมดสติไป”
เจียงสื้อสื้อก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงว่าเธอได้ยินเสียงของคุณน้าแท้ๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ลืมตาขึ้นมาไม่ได้ ที่แท้ได้สลบไป
“คุณน้าสะใภ้ ขอโทษค่ะ ทำให้คุณน้าเป็นห่วงอีกแล้ว” เธอก็ได้มองซ่างหยิงด้วยความรู้สึกผิด
ริมฝีปากของซ่างหยิงก็ได้ยิ้ม ยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอ “ไม่ต้องพูดขอโทษกับน้า หนูเป็นหลานสาวของน้า น้าเป็นห่วงหนูเป็นเรื่องปกติ”
จมูกของเจียงสื้อสื้อก็ได้ตันอย่างห้ามไม่ได้ เธอก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ห้ามน้ำตาที่จะไหลออกมา มุมปากก็ได้ยิ้ม “ต่อไปไม่เป็นแล้วค่ะ”
“จ้ะ ต่อไปไม่เป็นแล้ว”
“หิวหรือยัง?” ซ่างหยิงถาม
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ หิวค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวน้าไปยกโจ๊กขึ้นมา”
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อมองซ่างหยิงออกไป น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอย่างอดไม่ได้ เธอก็ได้เม้มปากไม่ให้ตัวเองส่งเสียง
นอกจากเฟิงเฉิน ยังมีคนที่เป็นห่วงเธอมากมาย
เธอทำให้พวกเขาเป็นห่วงเพราะเธอ จะลำบากพวกเขาอีกไม่ได้
แต่ว่า เธอคิดถึงเฟิงเฉินมาก
ก็ได้ปวดใจขึ้นมาทันที เธอก็ได้รู้สูดหายใจ เอามือไปเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว สายตาก็ได้หนักแน่ขึ้นผิดปกติ ต้องเชื่อใจพวกกู้เนี่ยน พวกเขาต้องพาตัวเฟิงเฉินกลับมาแน่
ซ่างหยิงก็ได้ยกโจ๊กเข้ามา ก็ได้เห็นตอนที่เจียงสื้อสื้อเช็ดน้ำตาพอดี เธอก็ได้รีบเข้าไป เอาโจ๊กวางบนหัวเตียง คนก็ได้นั่งข้างเตียง
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนไหม?” ซ่างหยิงก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง
มุมปากของเจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้ม ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นทำไมถึงร้องไห้ล่ะ?” ซ่างหยิงก็ได้เช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความปวดใจ “เป็นห่วงเฟิงเฉิน ใช่ไหม?”
พอได้ยินชื่อของจิ้นเฟิงเฉิน น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอย่างอดไม่ได้อีกครั้ง
ซ่างหยิงทั้งปวดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “เด็กโง่ เฟิงเฉินต้องไม่เป็นอะไรแน่ ไม่นานเขาก็กลับมาแน่”
“คุณน้าค่ะ หนูรู้ค่ะ แต่ว่าหนู……” เจียงสื้อสื้อก็ได้กัดฟัน พูดไม่ออกแล้ว
ซ่างหยิงยิ้ม “น้ารู้ หนูควบคุมไม่ได้ แต่เพื่อเฟิงเฉิน เพื่อร่างกายของหนูเอง หนูต้องอดทนไว้ เชื่อใจพวกยู่เชิน ดีไหม?”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
“เด็กดี ลุกขึ้นมาดื่มโจ๊กก่อน”
ซ่างหยิงประคองตัวเธอขึ้น จากนั้นก็ได้เอาโจ๊กมาให้เธอ “รีบดื่ม”
มองเจียงสื้อสื้อที่ค่อยๆ ดื่มโจ๊กนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของซ่างหยิงก็ได้ค่อยๆ หายไป
เห็นทีก็ต้องรีบหาตัวเฟิงเฉินกลับมา ไม่อย่างนั้นอาการของสื้อสื้อก็ได้ยิ่งอยู่ยิ่งแย่