ฝู้จิงเหวินรอจนมืด คูรี่ก็ไม่ออกมาสักที
เขาทนรอไม่ไหวแล้ว จึงกดโทรไปหาข่ายสื้อลิน
“คุณอยู่ที่ไหน” ทันทีที่รับสาย ข่ายสื้อลินถามอย่างหมดความอดทน
“นอกสถาบันวิจัย”
“ฝู้จิงเหวิน คุณจะบ้าหรือเปล่า” เสียงของข่ายสื้อลินสูงขึ้นแปดองศา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
ฝู้จิงเหวินมองไปที่ประตูที่ปิดสนิทของสถาบันวิจัย จึงถามด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “คูรี่อยู่ในสถาบันวิจัยหรือเปล่า”
“เขาจะอยู่หรือไม่อยู่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” ข่ายสื้อลินรู้สึกว่าเธอกำลังจะบ้าเพราะเขา เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดต่อ “คุณสัญญากับฉันไว้แล้วว่าจะไม่เจอกับเจียงสื้อสื้ออีก ดังนั้นคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเธออีกแล้ว”
ฝู้จิงเหวินทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด ก่อนจะถามต่อ “ปกติคูรี่ออกมาจากสถาบันวิจัยบ้างหรือเปล่า หรือว่าเขาจะเป็นเหมือนเดิม ไม่ก้าวออกจากสถาบันวิจัยเลยแม้แต่ก้าวเดียว”
“นี่คุณ” ข่ายสื้อลินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
“ผมต้องการให้คุณตอบคำถามผมมา”
ก่อนจะเพิ่มมาอีกประโยคหนึ่งว่า “ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ข่ายสื้อลินขยุ้มผมอย่างหงุดหงิด “โอเค ฉันบอกคุณก็ได้ ศาสตราจารย์คูรี่ไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็นหรอก แม้ว่าคุณจะรอจนแก่ตาย เขาก็ไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็นแน่ๆ”
พอได้ยินแบบนี้ ฝู้จิงเหวินจึงขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้อยู่ในสถาบันวิจัยเหรอ”
ถ้าคูรี่ไม่อยู่ในสถาบัน เขาจะไปอยู่ที่ไหน
พอกลับมาคิดดู เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ ถ้าชาร์สอยู่ในสถาบันวิจัยแห่งนี้ ก็แสดงว่าคูรี่ก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
“ ข่ายสื้อ ตกลงคูรี่อยู่หรือไม่อยู่”
คราวนี้ข่ายสื้อลินไม่ตอบคำถามเขา แต่พูดว่า “ฉันอยู่ด้านนอกอพาร์ตเมนต์ของคุณ”
พอพูดจบ เธอก็กดวางสายทันที
ฝู้จิงเหวินเก็บโทรศัพท์ แล้วจ้องไปที่หน้าจอสีดำเป็นเวลานาน ก่อนสตาร์ทรถแล้วขับจากไป
……
ข่ายสื้อลินยืนอยู่ข้างรถ แล้วมองรถที่กำลังวิ่งมาแต่ไกล เธอหรี่ตาลง รอจนรถขับเข้ามาใกล้ เธอถึงได้มั่นใจว่าเป็นรถของฝู้จิงเหวิน
ทันทีที่รถหยุด เธอก็รีบเดินไปหาทันที
ฝู้จิงเหวินเปิดประตูแล้วเดินลงจากรถมา
“คุณอยากตายมากหรือไง” ข่ายสื้อลินถามเสียงต่ำ
ฝู้จิงเหวินมองมาที่เธอ ดวงตาสีเข้มของเขานิ่งราวกับสายน้ำที่ไร้คลื่น
ข่ายสื้อลินจึงตระหนักได้ว่าเขาอาจจะไม่สนใจชีวิตของตัวเขาเลย
แต่เธอกลับกังวลแทนเขา คอยเป็นห่วงเขา
เธอมีความรู้สึกว่าคิดไปเองคนเดียว
“คูรี่อยู่ที่ไหน” ฝู้จิงเหวินเอ่ยถาม
ข่ายสื้อลินยิ้มเยาะ “จนถึงตอนนี้ คุณก็ยังตัดใจจากเจียงสื้อสื้อคนนั้นไม่ได้สักที”
“ผมเคยบอกไปแล้ว ว่านี่คือสิ่งที่ผมติดค้างเธอไว้”
“ติดค้างเธออย่างนั้นเหรอ” ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง “บางทีคงจะถึงตอนคุณตาย ถึงจะไม่รู้สึกว่าคุณติดค้างเธออีก”
“ถ้าชีวิตของผมสามารถแลกกับความสงบสุขของเธอได้ ผมจะมีความสุขมาก”
พอได้ยินแบบนี้ ข่ายสื้อลินก็รู้สึกเหมือนถูกก้อนหินก้อนใหญ่กดทับที่หัวใจของเธอ จนรู้สึกทรมานมาก
เธอก้มศีรษะลง รอยยิ้มที่มุมปากของเธอเริ่มเศร้าเล็กน้อย “ที่แท้คุณก็รักเธอมากถึงขนาดนี้”
ฝู้จิงเหวินไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเธออีก จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ตกลงคูรี่อยู่ในสถาบันนั้นหรือเปล่า”
“อยู่”
ข่ายสื้อลินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปทางเขาด้วยสายตาแหลมคม “ถึงเขาจะอยู่ที่นั่น แล้วคุณทำอะไรได้ หลังจากผ่านเรื่องครั้งก่อน สถาบันวิจัยไม่ปล่อยให้มีแม้แต่แมลงวันบินเข้าไปสักตัว”
สีหน้าของฝู้จิงเหวินเคร่งขรึม หากเป็นแบบนี้จริงๆ เขาคงไม่สามารถเข้าใกล้คูรี่ได้ อย่าว่าแต่จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการเลย
พอเห็นใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป ข่ายสื้อลินก็หัวเราะออกมา แต่รอยยิ้มกลับไม่ปรากฏในดวงตาที่เย็นชานั้นเลย “ฝู้จิงเหวิน ฉันขอเตือนคุณไว้เลยนะคุณ ทางที่ดีคุณอย่าคิดจะต่อสู้กับเบอร์เกนจะดีกว่า ครั้งที่แล้วเขายอมใจดีปล่อยคุณไป แต่ครั้งต่อไปไม่โชคดี แบบนั้นแน่ๆ”
เธอไม่เข้าใจจริงๆ เขาต้องทุ่มเทให้กับเจียงสื้อสื้อผู้หญิงคนนั้นอีกมากแค่ไหน
ต้องให้ตายจริงๆ ถึงจะยอมหยุดหรือไง
ฝู้จิงเหวินไม่ได้ตอบคำถาม แต่จ้องไปที่เธอนิ่ง
รู้จักเขามานานขนาดนี้ เธอมองความคิดของเขาออกแล้ว
เธอหัวเราะเยาะตัวเอง “ฝู้จิงเหวิน สำหรับคุณแล้ว ฉันเป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยงานคุณได้ใช่ไหม”
“ไม่ คุณเป็นเพื่อนของผม” ฝู้จิงเหวินพูด
“เพื่อนอย่างนั้นเหรอ” ข่ายสื้อลินหัวเราะ แล้วจ้องหน้าเขา ก่อนจะพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แต่ฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อนของคุณ”
คิ้วของฝู้จิงเหวินกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะยกยิ้มบาง “ผมจะไม่ชอบใครอีกต่อไปแล้ว”
คำพูดนี้เป็นเหมือนถังน้ำเย็นที่สาดลงมาบนศีรษะของเธอ เย็นจับใจ จนความคิดทุกอย่างถูกดับไปจนหมด
เธอพยักหน้า “ได้ ในเมื่อคุณจะไม่ไปชอบใครอีกแล้ว งั้นฉันก็จะไม่ช่วยคุณอีกต่อไป”
พอพูดจบ เธอก็หันหลังเดินไปที่รถของเธอ
เธอจงใจเดินช้าๆ นึกว่าเขาจะตามมาขอร้องตัวเอง
แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวจากด้านหลังแม้แต่น้อย
สุดท้าย เธอก็อดที่จะหันกลับมาแล้วตะโกนใส่ฝู้จิงเหวินที่ยังคงยืนนิ่งไม่ได้ “ฝู้จิงเหวิน คนเลว”
เธอพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทำไมเขายังไม่เข้าใจอีกเหรอ
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว ก่อนจะก้าวเดินไปตรงหน้า แล้วมาหยุดตรงหน้าเธอ แววตาจ้องมองเธอเขม็ง
“คุณจะยอมช่วยผมไหม” เขาถาม
ข่ายสื้อลินหันหน้าหนี พยายามหลบสายตาของเขา แล้วหลับตา ปกปิดความเศร้าในดวงตาของเธอไว้ สองมือของเธอกำหมัดไว้ข้างลำตัว
ความเงียบงันปกคลุมรอบ ๆด้าน จนได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเข้ามาในหู
ฝู้จิงเหวินเองก็ไม่อยากบังคับเธอ เขาถอนหายใจเบา ๆ “ช่างเถอะ ผมจะลองหาวิธีอื่นแทน”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเตรียมจะจากไป
ทันใดนั้นเอง ข้อมือของเขาก็ถูกคว้าไว้ เขามองลงไปตรงมือที่กุมข้อมือเขา แล้วสบตาเข้ากับแววตาที่แสนเย็นชา
“ฉันจะช่วยคุณ” ข่ายสื้อลินพูด น้ำเสียงของเธอราบเรียบไร้อารมณ์ใดดแอบแฝง
ฝู้จิงเหวินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คุณแน่ใจเหรอ”
“แต่ฉันมีเงื่อนไข”
“คุณว่ามาได้เลย”
ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่เขาไม่สามารถเจอกับสื้อสื้อได้อีกแล้ว
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะช่วยคุณ จากนี้ไปฉันจะไม่ช่วยคุณอีกแล้ว และคุณเองก็ห้ามช่วยเหลือเจียงสื้อสื้ออีก”
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว “ข่ายสื้อลิน เงื่อนไขนี้ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”
ถ้าเขาช่วยสื้อสื้อไม่ได้อีก แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
“ครั้งนี้ฉันจะช่วยคุณหาข้อมูลหลักในการวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่ ฉันคิดว่านี่ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยชีวิตของเจียงสื้อสื้อได้”
คราวนี้ เธอต้องตัดความคิดทั้งหมดของเขาที่มีต่อเจียงสื้อสื้อทิ้งไปให้หมด
ฝู้จิงเหวินนิ่งเงียบ เขากำลังคิดอย่างหนักว่าจะยอมตกลงตามเงื่อนไขของเธอหรือไม่
“คุณก็รู้ดี ถ้าไม่มีฉัน คุณก็ไม่มีทางได้ข้อมูลหลักมาได้” ข่ายสื้อลินพูดเสริม
ฝู้จิงเหวินพยักหน้าตกลง “ผมรับปากคุณได้ แต่คุณต้องทำอีกอย่างหนึ่งให้ผม”
พอข่ายสื้อลินได้ยินแบบนี้ เธอก็รู้สึกดีใจมาก “ฝู้จิงเหวิน คุณอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ”
“ถ้าคุณช่วยผมสองเรื่องนี้ได้ ผมจะยอมรับปากทุกสิ่งที่คุณพูด”
ข่ายสื้อลินจ้องหน้าเขาเขม็ง ราวกับว่ากำลังพิจารณาว่าคำพูดของเขาน่าเชื่อถือมากแค่ไหน
จนเวลาผ่านไปสักพัก เธอจึงยอมพยักหน้า “โอเค คุณพูดมาเลย”
ฝู้จิงเหวินค่อย ๆยกยิ้มย่อง “ผมอยากรู้ว่าซ่างกวนหยวนกับจิ้นเฟิงเฉินเดินทางออกจากอิตาลีแล้วหรือยัง แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”
ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมา “ฝู้จิงเหวิน คุณรู้วิธีใช้ประโยชน์จากทุกอย่างได้ดีจริงๆ”
สำหรับเธอแล้ว สองเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้”
ข่ายสื้อลินหันหลังกลับ “รอข่าวจากฉัน”
เมื่อเห็นรถของเธอขับออกไปไกล ฝู้จิงเหวินก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก หวังว่าข่าวที่รอจะดีจะดีเป็นข่าวดีนะ