ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1122 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนคุณ​

บทที่ 1122 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนคุณ​

ฝู้จิงเหวินรอจนมืด คูรี่ก็ไม่ออกมาสักที

เขาทนรอไม่ไหวแล้ว จึงกดโทรไปหาข่ายสื้อลิน

“คุณอยู่ที่ไหน” ทันทีที่รับสาย ข่ายสื้อลินถามอย่างหมดความอดทน

“นอกสถาบันวิจัย​”

“ฝู้จิงเหวิน คุณจะบ้าหรือเปล่า” เสียงของข่ายสื้อลินสูงขึ้นแปดองศา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”

ฝู้จิงเหวินมองไปที่ประตูที่ปิดสนิทของสถาบันวิจัย​ จึงถามด้วยเสียงที่เคร่งขรึม​ “คูรี่อยู่ในสถาบันวิจัย​หรือเปล่า​”

“เขาจะอยู่หรือไม่อยู่​เกี่ยวอะไรกับคุณ​ด้วย” ข่ายสื้อลินรู้สึกว่าเธอกำลังจะบ้าเพราะเขา เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดต่อ “คุณสัญญากับฉันไว้แล้วว่าจะไม่เจอกับเจียงสื้อสื้ออีก ดังนั้นคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเธออีกแล้ว​”

ฝู้จิงเหวินทำเหมือน​กับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด ก่อนจะถามต่อ “ปกติคูรี่ออกมาจากสถาบันวิจัย​บ้างหรือเปล่า​ หรือว่าเขาจะเป็นเหมือนเดิม ไม่ก้าวออกจากสถาบันวิจัย​เลยแม้แต่ก้าวเดียว”

“นี่คุณ” ข่ายสื้อลินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

“ผมต้องการให้คุณตอบคำถามผมมา”

ก่อนจะเพิ่มมาอีกประโยคหนึ่งว่า “ผมต้องการความช่วยเหลือ​จากคุณ” ข่ายสื้อลินขยุ้มผมอย่างหงุดหงิด “โอเค ฉันบอกคุณก็ได้ ศาสตราจารย์คูรี่ไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็นหรอก แม้ว่าคุณจะรอจนแก่ตาย เขาก็ไม่ปรากฏตัวให้คุณ​เห็นแน่ๆ”

พอได้ยินแบบนี้ ฝู้จิงเหวินจึงขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้อยู่ในสถาบันวิจัยเหรอ”

ถ้าคูรี่ไม่อยู่ในสถาบัน เขาจะไปอยู่ที่ไหน

พอกลับมาคิดดู​ เขาก็ยิ่งรู้สึก​ผิดปกติ​ ถ้าชาร์สอยู่ในสถาบันวิจัยแห่งนี้ ก็แสดงว่าคูรี่ก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน​

“ ข่ายสื้อ ตกลงคูรี่อยู่หรือไม่อยู่​”

คราวนี้ข่ายสื้อลินไม่ตอบคำถามเขา แต่พูดว่า “ฉันอยู่ด้านนอกอพาร์ตเมนต์ของคุณ”

พอพูดจบ เธอก็กดวางสายทันที​

ฝู้จิงเหวินเก็บโทรศัพท์ แล้ว​จ้องไปที่หน้าจอสีดำเป็นเวลานาน ก่อนสตาร์ทรถแล้วขับจากไป

……

ข่ายสื้อลินยืนอยู่ข้างรถ แล้วมองรถที่กำลังวิ่งมาแต่ไกล เธอหรี่ตาลง รอจนรถขับเข้ามาใกล้ เธอถึงได้มั่นใจว่าเป็นรถของฝู้จิงเหวิน

ทันทีที่รถหยุด เธอก็รีบเดินไปหา​ทันที

ฝู้จิงเหวินเปิดประตูแล้วเดินลงจากรถมา

“คุณอยากตายมากหรือไง” ข่ายสื้อลินถามเสียงต่ำ

ฝู้จิงเหวินมองมาที่เธอ ดวงตาสีเข้มของเขานิ่งราวกับสายน้ำที่ไร้คลื่น

ข่ายสื้อลินจึงตระหนักได้ว่าเขาอาจจะไม่สนใจชีวิตของตัวเขาเลย

แต่เธอกลับกังวลแทนเขา คอยเป็นห่วงเขา

เธอมีความรู้สึกว่าคิดไปเองคนเดียว

“คูรี่อยู่ที่ไหน” ฝู้จิงเหวินเอ่ยถาม

ข่ายสื้อลินยิ้มเยาะ “จนถึงตอนนี้ คุณก็ยังตัดใจจากเจียงสื้อสื้อคนนั้นไม่ได้สักที”

“ผมเคยบอกไปแล้ว​ ว่านี่คือสิ่งที่ผมติดค้างเธอไว้”

“ติดค้าง​เธออย่างนั้นเหรอ” ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง​ “บางทีคงจะ​ถึงตอนคุณตาย ถึงจะไม่รู้สึกว่าคุณติดค้าง​เธออีก”

“ถ้าชีวิตของผมสามารถแลกกับความสงบสุขของเธอได้ ผมจะมีความสุขมาก”

พอได้ยินแบบนี้​ ข่ายสื้อลินก็รู้สึกเหมือนถูก​ก้อนหินก้อนใหญ่กดทับที่หัวใจของเธอ จนรู้สึก​ทรมานมาก

เธอก้มศีรษะลง รอยยิ้มที่มุมปากของเธอเริ่มเศร้าเล็กน้อย “ที่แท้คุณ​ก็รักเธอมากถึงขนาด​นี้​”

ฝู้จิงเหวินไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเธออีก จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ตกลงคูรี่อยู่ในสถาบันนั้นหรือเปล่า​”

“อยู่​”

ข่ายสื้อลินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปทางเขาด้วยสายตาแหลมคม “ถึงเขาจะอยู่ที่นั่น แล้วคุณทำอะไรได้ หลังจากผ่านเรื่องครั้งก่อน​ สถาบันวิจัย​ไม่ปล่อยให้มีแม้แต่แมลงวัน​บินเข้าไปสักตัว”

สีหน้าของฝู้จิงเหวินเคร่งขรึม​ หากเป็นแบบนี้จริงๆ เขาคงไม่สามารถเข้าใกล้คูรี่ได้ อย่าว่าแต่จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการเลย

พอเห็นใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป ข่ายสื้อลินก็หัวเราะออกมา แต่รอยยิ้มกลับไม่ปรากฏใน​ดวงตาที่เย็นชานั้นเลย “ฝู้จิงเหวิน ฉันขอเตือนคุณ​ไว้เลยนะคุณ ทางที่ดีคุณ​อย่าคิดจะต่อสู้กับเบอร์​เกนจะดีกว่า ครั้งที่แล้วเขายอมใจดีปล่อยคุณไป แต่ครั้งต่อไปไม่โชคดี แบบนั้นแน่ๆ”

เธอไม่เข้าใจจริงๆ เขาต้องทุ่มเท​ให้กับเจียงสื้อสื้อผู้หญิง​คน​นั้น​อีกมากแค่ไหน

ต้องให้ตายจริงๆ​ ถึงจะยอมหยุดหรือไง

ฝู้จิงเหวินไม่ได้ตอบคำถาม แต่จ้องไปที่เธอนิ่ง

รู้จักเขามานานขนาดนี้ เธอมองความคิดของเขาออกแล้ว

เธอหัวเราะเยาะตัวเอง “ฝู้จิงเหวิน สำหรับคุณแล้ว ฉันเป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยงานคุณได้ใช่ไหม​”

“ไม่ คุณเป็นเพื่อนของผม” ฝู้จิงเหวินพูด

“เพื่อนอย่างนั้น​เหรอ​” ข่ายสื้อลินหัวเราะ แล้วจ้องหน้าเขา ก่อนจะพูดออกมาอย่างชัดถ้อย​ชัด​คำ “แต่ฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อนของคุณ”

คิ้วของฝู้จิงเหวินกระตุก​เล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะยกยิ้มบาง “ผมจะไม่ชอบใครอีกต่อไปแล้ว​”

คำพูด​นี้เป็นเหมือนถังน้ำเย็นที่สาดลงมาบนศีรษะ​ของเธอ เย็นจับใจ จนความคิดทุกอย่างถูกดับไปจนหมด

เธอพยักหน้า “ได้ ในเมื่อ​คุณจะไม่ไปชอบใครอีกแล้ว งั้นฉันก็จะไม่ช่วยคุณอีกต่อไป​”

พอพูดจบ เธอก็หันหลังเดินไปที่รถของเธอ

เธอจงใจเดินช้าๆ นึกว่าเขาจะตามมาขอร้องตัวเอง

 

แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวจากด้านหลังแม้แต่น้อย​

สุดท้าย เธอก็อดที่จะหันกลับมาแล้วตะโกนใส่ฝู้จิงเหวินที่ยังคงยืนนิ่งไม่ได้ “ฝู้จิงเหวิน คนเลว”

เธอพูดชัดเจนขนาด​นี้​แล้ว ทำไมเขายังไม่เข้าใจอีกเหรอ

ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว ก่อนจะก้าวเดินไปตรงหน้า​ แล้วมาหยุดตรงหน้าเธอ แววตาจ้องมองเธอเขม็ง​

“คุณจะยอมช่วยผมไหม” เขาถาม

ข่ายสื้อลินหันหน้าหนี พยายามหลบสายตาของเขา แล้ว​หลับตา ปกปิดความเศร้าในดวงตาของเธอไว้ สองมือของเธอกำหมัดไว้ข้างลำตัว

ความเงียบงันปกคลุม​รอบ ๆด้าน จนได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเข้ามาในหู

ฝู้จิงเหวินเองก็ไม่อยากบังคับเธอ เขาถอนหายใจเบา ๆ “ช่างเถอะ​ ผมจะลองหาวิธี​อื่นแทน”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเตรียมจะจากไป

ทันใดนั้นเอง ข้อมือของเขาก็ถูกคว้าไว้ เขามองลงไปตรงมือที่กุมข้อมือเขา แล้วสบตาเข้ากับแววตาที่แสนเย็นชา

“ฉันจะช่วยคุณ” ข่ายสื้อลินพูด น้ำเสียงของเธอราบเรียบ​ไร้อารมณ์​ใดดแอบแฝง​

ฝู้จิงเหวินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คุณแน่ใจเหรอ”

“แต่ฉันมีเงื่อนไข”

“คุณว่ามาได้เลย”

ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่เขาไม่สามารถเจอกับสื้อสื้อได้อีกแล้ว​

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะช่วยคุณ จากนี้ไปฉันจะไม่ช่วยคุณอีกแล้ว และคุณเองก็ห้ามช่วยเหลือเจียงสื้อสื้ออีก”

ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว “ข่ายสื้อลิน เงื่อนไขนี้ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”

ถ้าเขาช่วยสื้อสื้อไม่ได้อีก แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร

“ครั้งนี้ฉันจะช่วยคุณหาข้อมูล​หลักในการวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่ ฉันคิดว่านี่ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยชีวิตของเจียงสื้อสื้อได้”

คราวนี้ เธอต้องตัดความคิดทั้งหมดของเขาที่มีต่อเจียงสื้อสื้อทิ้งไปให้หมด

ฝู้จิงเหวินนิ่งเงียบ เขากำลังคิดอย่างหนัก​ว่าจะยอมตกลงตามเงื่อนไขของเธอหรือไม่

“คุณก็รู้ดี ถ้าไม่มีฉัน คุณก็ไม่มีทางได้ข้อมูลหลักมาได้” ข่ายสื้อลินพูดเสริม

ฝู้จิงเหวินพยักหน้าตกลง “ผมรับปากคุณ​ได้ แต่คุณต้องทำอีกอย่างหนึ่งให้ผม”

พอข่ายสื้อลินได้ยินแบบนี้ เธอก็รู้สึกดีใจมาก “ฝู้จิงเหวิน คุณอย่าได้คืบ​จะ​เอา​ศอกนะ”

“ถ้าคุณช่วยผมสองเรื่องนี้ได้ ผมจะยอมรับปากทุกสิ่งที่คุณพูด”

ข่ายสื้อลินจ้องหน้าเขาเขม็ง ราวกับว่ากำลังพิจารณาว่าคำพูดของเขาน่าเชื่อถือมากแค่ไหน

จนเวลาผ่านไปสักพัก​ เธอจึงยอม​พยักหน้า “โอเค คุณ​พูดมาเลย”

ฝู้จิงเหวินค่อย ๆยกยิ้มย่อง​ “ผมอยากรู้ว่าซ่างกวนหยวนกับจิ้นเฟิงเฉินเดินทางออกจากอิตาลีแล้วหรือยัง แล้วตอนนี้​พวกเขาอยู่​ที่​ไหน”

ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมา “ฝู้จิงเหวิน คุณ​รู้วิธีใช้ประโยชน์จากทุกอย่างได้ดีจริงๆ”

สำหรับเธอแล้ว สองเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

“ผมเชื่อว่าคุณทำได้”

ข่ายสื้อลินหันหลัง​กลับ “รอข่าวจากฉัน”

เมื่อเห็นรถของเธอขับออกไปไกล ฝู้จิงเหวินก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก หวังว่าข่าวที่รอจะดีจะดีเป็นข่าวดีนะ

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท