เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปในห้องทำงาน แต่กลับไม่เห็นฟางยู่เชิน
เขาไม่ได้บอกว่ามีงานต้องทำเหรอ แล้วเขาหายไปไหนแล้ว
“สื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อสะดุ้งตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างหลัง เธอหันกลับมามองฟางยู่เชินอย่างไม่พอใจ “พี่คะ ทำไมเดินมาไม่มีเสียงเลยคะ”
ฟางยู่เชินยิ้มขอโทษ “ขอโทษ พี่ทำให้น้องตกใจแล้ว”
เจียงสื้อสื้อลูบหน้าอกของเธอ แล้วพูดอย่างไม่ชอบใจ “ใช่ค่ะ ฉันตกใจแทบตาย”
ฟางยู่เชินยิ้ม แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “น้องมาหาพี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
“น้องอยากจะถามว่าพี่ชอบเวยเวยจริงๆ หรือเปล่า ใช่ไหม” ฟางยู่เชินเอ่ยถามขณะเดินไปที่โต๊ะ
เจียงสื้อสื้อมองมาที่เขา “ในเมื่อพี่รู้เรื่องที่ฉันอยากจะถามแล้ว พี่ก็สารภาพออกมาเองเถอะค่ะ”
ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วนั่งลงอย่างสบายใจ “อยากจะฟังความจริงใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ”
ไม่อย่างนั้น เธอจะรีบวิ่งขึ้นมาหาเขาอย่างรีบร้อนแบบนี้ทำไมกัน
ฟางยู่เชินนิ่งคิดสักพัก แล้วพูดออกมา “พี่ไม่ได้ชอบเวยเวย แล้วก็ไม่ชอบเย่เสี่ยวอี้ด้วย”
“มองออกอยู่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใช้เวยเวยมาเป็นข้ออ้าง ทำเกินไปหน่อยไหมคะ”
“ฉันก็จนปัญญาเหมือนกัน” ฟางยู่เชินถอนหายใจ “น้องไม่รู้นิสัยแม่พี่หรอก ถ้าพี่ไม่พูดแบบนั้น ท่านจะยอมปล่อยพี่ไปได้ยังไง”
“แต่พี่เคยคิดบ้างไหม ว่าทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเวยเวย แล้วน้าสะใภ้เล็กจะมองเวยเวยยังไง”
“น้องโกรธแล้วใช่ไหม” ฟางยู่เชินถาม
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก “ฉันโกรธจริงๆค่ะ เวยเวยเป็นเพื่อนของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอถูกทำร้าย”
หากเวยเวยคิดกับฟางยู่เชินแค่เพื่อนธรรมดาก็คงจะดี แต่เธอมองออก ว่าเวยเวยชอบฟางยู่เชิน
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย” ฟางยู่เชินกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
ตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง อาจเป็นเพราะเขาประทับใจในตัวเหลียงซินเวยมากก็ได้
“พี่คะ ฉันยังหวังว่าพี่จะหาโอกาสอธิบายกับน้าสะใภ้เล็กให้ชัดเจน” เจียงสื้อสื้อพูด
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ตกลง”
แบบนี้เจียงสื้อสื้อก็โล่งใจแล้ว “พี่คะ เวยเวยทำงานหนักเลี้ยงลูกคนเดียว อย่าสร้างปัญหาให้เธอเพิ่มอีกเลย”
พอได้ยินแบบนี้ ฟางยู่เชินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “สื้อสื้อ พี่เป็นพี่ของน้อง ทำไมน้องถึงพูดแทนคนอื่นแบบนี้”
“เวยเวยเป็นเพื่อนของฉันนี่คะ”
“อืม เธอเป็นเพื่อนของน้อง สำคัญกว่าพี่อีก” ฟางยู่เชินส่ายหน้าแล้วหุบยิ้ม
“พี่ทำงานต่อเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนพี่แล้ว”
เจียงสื้อสื้อหันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” ฟางยู่เชินเรียกเธอไว้
เธอหันมา “มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“กู้เนี่ยนกลับมาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “ทำไมถึงกลับมาแล้วคะ ไม่ใช่ว่ากำลังตามหาเฟิงเฉินอยู่เหรอคะ”
“พวกเขาค้นจนทั่วอิตาลีแล้ว แต่ไม่พบเบาะแสของน้องเขยเลย พวกเขาสงสัยว่าน้องเขยจะไม่ได้อยู่ในอิตาลี” ฟางยู่เชินบอกเล่าสถานการณ์ล่าสุดให้เธอฟัง
“ไม่อยู่ในอิตาลีเหรอคะ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน” เจียงสื้อสื้อถามอย่างร้อนใจ
“ชีซากำลังพยายามสืบข้อมูลเที่ยวบินของซ่างกวนหยวนอยู่ ถ้าได้เบาะแสเพิ่มเติมเขาคงจะรีบบอกพี่”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกทุกข์ใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความประชดประชัน “หรือว่าซ่างกวนหยวนจะจะเอาไปซ่อนตลอดชีวิตเลยหรือไง”
“เธอคงคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ”
“ไม่มีทาง” เจียงสื้อสื้อโต้กลับเสียงดัง “ฉันไม่เชื่อว่าเฟิงเฉินจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลย เธอไม่มามีทางจะซ่อนคนได้ตลอดชีวิต เฟิงเฉินจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
“แน่นอน เขาจะต้องกลับมาแน่ๆ เขาเป็นสามีของน้อง จะต้องกลับมาหาน้องอย่างแน่นอน” ฟางยู่เชินพูด
เจียงสื้อสื้อหลับตาลง แล้วสูดหายใจเข้าลึก“พี่คะ ขอโทษค่ะ ฉันตื่นเต้นไปหน่อย”
ฟางยู่เชินเดินเข้ามา แล้วตบไหล่เธอ ก่อนจะพูดปลอบโยน “ไม่ต้องเป็นห่วง ซูหานกับชีซาจะต้องตามหาเขากลับมาได้อย่างแน่นอน”
“ฉันรู้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ฉันเชื่อในตัวพวกเขามาตลอด”
“งั้นก็ดีแล้ว”
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก “แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร”
“ฉันแค่ไม่รู้ว่าเฟิงเฉินจะกลับมาเมื่อไหร่”
ฟางยู่เชินกอดเธอไว้ “ต้องกลับมาเร็ว ๆ นี้แน่ๆ เร็ว ๆ นี้”
เร็ว ๆ นี้
ก็เท่ากับไม่รู้
อาจจะไม่กี่วัน หนึ่งเดือน หลายเดือน หรือจะเป็นหลายปี
พอคิดแบบนี้ก็เริ่มกังวลใจขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปาก พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอร้องไห้ไม่ได้ จะทำให้พี่ของเธอกังวลไม่ได้
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
เจียงสื้อสื้อผลักเขาออก แล้วพยายามยิ้มออกมา “ฉันจะรอเฟิงเฉินกลับมา”
แม้ว่าเธอจะยิ้ม แต่เขาก็ยังเห็นขอบตาของเธอเป็นแดงก่ำ
เห็นได้ชัดว่ากำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว แต่เธอกลับพยายามข่มกลั้นมันไว้
คงกลัวว่าเขาจะเป็นห่วงสินะ
ฟางยู่เชินรู้สึกปวดใจมาก เขายกมือขึ้นลูบหัวเธอ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “อืม น้องแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ส่วนคนเราจะต้องตามหาจนเจออย่างแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อืม”
……
พอเหลียงซินเวยกลับถึงบ้าน อานอานก็วิ่งเข้ามาหา แล้วถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ครับ คุณแม่บอกว่าจะกลับดึกไม่ใช่เหรอครับ”
“แม่กลับมาก่อนเวลาไม่ดีเหรอจ้ะ” เหลียงซินเวยมองเขาด้วยความน้อยใจ
“ดีสิครับ”
อานอานเดินตามเธอหลังไป ท่าทางราวกับเด็กน้อยขี้สงสัย แล้วถามอีกครั้ง “คุณลุงฟางซื้อของขวัญได้แล้วเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ ซื้อได้แล้ว”
เหลียงซินเวยนั่งลงบนโซฟา หยิบหมอนข้างขึ้นมา แล้วกอดไว้แน่น
“ซื้อของขวัญเป็นอะไรครับ”
เหลียงซินเวยหันกลับมา จ้องมองอานอานที่มีสีหน้าสงสัย ก่อนจะถอนหายใจ “อานอาน แม่เหนื่อยมากเลย ขอแม่พักก่อนได้ไหมจ้ะ”
“ครับ” อานอานปิดปากของเขาอย่างเชื่อฟัง
เหลียงซินเวยเอนหลังพิงโซฟา จ้องมองเพดาน ในใจยังคงอัดอั้นตันใจ
พอเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดี อานอานจึงอดที่จะถามอีกครั้งไม่ได้ “แม่ครับ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่มีความสุขเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ ไม่มีความสุขเลย”
เดิมทีก็มีความสุขมาก แต่หลังจากที่เย่เสี่ยวอี้ปรากฏตัว เธอก็ไม่มีความสุขแล้ว
ภาพตอนที่ฟางยู่เชินกับเย่เสี่ยวอี้ยืนอยู่ด้วยกันปรากฏขึ้นมาในสมองของเธอ
หนุ่มหล่อสาวสวย
ช่างเหมาะสมกันจริงๆ
“โธ่เอ๊ย” เธอหยิบหมอนขึ้นมาปิดหน้าตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ
การกระทำของเธอทำให้อานอานตกใจมาก “คุณแม่ครับ คุณแม่เป็นอะไรครับ คุณลุงฟางจะรังแกคุณแม่ใช่ไหมครับ”
เหลียงซินเวยคงหมอนออก แล้วหันไปมองลูกชาย “ไม่จ้ะ เขาจะรังแกแม่ได้ยังไงกัน”
“แล้วคุณแม่เป็นอะไรไปครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เหลียงซินเวยสูดหายใจเข้าลึก “เป็นแม่เองที่คิดมากเกินไป”
เธอกับฟางยู่เชินไม่ใช่คนในโลกใบเดียวกัน เธอควรคิดอะไรที่ไม่ควรคิด
พอคิดได้แบบนี้ เธอยกมือขึ้นแล้วตบแก้มตัวเองเบาๆ “เหลียงซินเวย ตั้งใจหาเงิน เลี้ยงดูลูกชายให้ดี สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว”
อานอานมองเธอด้วยแววตาสงสัย “คุณแม่ครับทำอะไรอยู่ครับ”
เหลียงซินเวยลูบหัวของเขา ก่อนจะพูดยิ้มๆ “แม่จะต้องเลี้ยงดูลูกให้เป็นผู้ที่มีประโยชน์ต่อสังคม”
“คุณแม่ครับ คุณแม่พูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว”
“แม่รู้จ้ะ” เหลียงซินเวยเลิกคิ้ว “แต่แม่ต้องพูดบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นแม่จะลืมเอาได้”
ใช่แล้ส เธอลืมไปจริงๆ ลืมความปรารถนาสุดท้ายของพี่สาวไป
ก่อนจะทำตามความปรารถนาสุดท้ายของพี่สาวสำเร็จ เธอมีสิทธิ์อะไรคิดเรื่องความรักกัน
อานอานเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร จึงเอ่ยปากถามอีกครั้ง “คุณแม่ครับ คุณแม่กับลุงฟางมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับ”
เหลียงซินเวยได้สติกลับมา ก่อนจะยกยิ้ม “ต่อไปนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องลุงฟางอีกจ้ะ”
“ทำไมครับ”
เหลียงซินเวยลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว “ไม่มีทำไมจ้ะ ไม่พูดถึงก็คือไม่พูดถึง”