“แล้วถ้าฉันจับตัวคุณกลับอิตาลีล่ะ” ลี่ซาถามด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อเปลี่ยนไปทันที ถ้าเธอถูกจับตัวกลับไปที่อิตาลี ที่รอเธออยู่คงจะเป็นเขียง ให้ถูกคนอื่นจับไปฆ่าตามใจชอบ
ก่อนที่พวกกู้เนี่ยนจะมาช่วยเธอ เธอจะต้องหาทางเอาตัวรอดไปให้ได้เสียก่อน
เธอมองไปทางคนขับรถกับคาร์อันที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้า ในใจคิดหาวิธีเอาตัวรอดได้อย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันที่เธอจะคิดหาวิธีเอาตัวรอดได้ จู่ๆ รถก็เบรกขึ้นมากะทันหัน ตัวเธอกระแทกใส่เบาะหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เธอสูดหายใจแรงด้วยความเจ็บ
ลี่ซาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอ แต่ลี่ซาก็รีบนั่งตามเดิม แล้วเอ่ยถามอย่างฉุนเฉียว “เกิดอะไรขึ้น”
คาร์อันหันกลับมา “คุณผู้หญิงครับ มีรถขับตามพวกเรามา แล้วมาจอดขวางตรงหน้าเราครับ”
ลี่ซามองออกไป และพบว่ามีรถขวางอยู่ข้างหน้าจริงๆ
“ลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” ลี่ซาเอ่ยสั่ง
“ครับ”
คาร์อันลงจากรถ แล้วเดินตรงไปที่รถคันข้างหน้า
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ เขาเห็นมาร์ซิวลงจากรถ
เมื่อเห็นมาร์ซิว สีหน้าของคาร์อันก็เปลี่ยนไปทันที อีกทั้งยังหยุดเดินโดยไม่รู้ตัว
“คาร์อัน ดูเหมือนนายจะไม่สนใจในสิ่งที่คุณท่านพูดเลย” มาร์ซิวเดินเข้ามา แล้วมองเขาด้วยสีหน้ายิ้มๆ
คาร์อันหน้าซีดขาว เขากำหมัดแน่น แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คุณท่านอยู่ในรถไหม”
มาร์ซิวเลิกคิ้ว “แน่นอน นายคิดให้ดีๆว่าจะแก้ตัวกับคุณท่านยังไงเถอะ”
หลังจากพูดจบ มาร์ซิวก็มองไปทางรถที่ลี่ซานั่งอยู่ แล้วยกยิ้มเยาะ “พวกนายคิดว่าจะปิดเรื่องนี้กับคุณท่านได้จริงๆเหรอ ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย”
เขาตบไหล่คาร์อัน แล้วเดินไปเคาะกระจกรถ
กระจกรถถูกกดลง เผยให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาของลี่ซา
มาร์ซิวก้มหน้าลง “คุณหญิง”
“นายมาที่นี่ทำไม” ลี่ซาเอ่ยถาม
“คุณผู้หญิงมาได้ยังไง พวกผมก็มาอย่างนั้นครับ”
คำตอบของมาร์ซิวทำให้ลี่ซาหงุดหงิดเอามากๆ เธอจึงพูดอย่างไม่พอใจ “นี่นายทำท่าทีอะไรของนาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”
มาร์ซิวเงยหน้าขึ้นมองเธอ ใบหน้าของเขาปรากฏแววเยาะเย้ย แล้วพูดว่า “ในโลกนี้นอกจากคุณท่าน ไม่มีใครสามารถทำอะไรผมได้ครับ”
“มาร์ซิว”
แค่ผู้ช่วยกระจอกงอกง่อยยังหยิ่งผยอง ไม่เห็นเธออยู่ในสายตาได้ขนาดนี้
ลี่ซาโกรธจนหน้าแดงก่ำ แล้วถลึงตามองมาร์ซิวอย่างโมโห
มาร์ซิวไม่สนใจ “คุณหญิงครับ กรุณาลงจากรถด้วยครับ คุณท่านรออยู่ในรถคันข้างหน้าแล้ว”
ในเมื่อถูกจับได้แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
ลี่ซาสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันไปมองเจียงสื้อสื้อ “เธอเองก็ลงมาจากรถด้วย”
เจียงสื้อสื้อตอบกลับอย่างเชื่อฟัง “ตกลง”
เธอเอื้อมมือออกไปที่ประตูรถ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อซ่อนดวงตาที่กำลังเปล่งประกายของเธอ
ทันทีที่เท้าแตะพื้น เธอก็วิ่งหนีไปทันที
“คุณผู้หญิงครับ เธอวิ่งหนีไปแล้วครับ” คาร์อันเห็นเป็นคนแรก จึงรีบตะโกนออกมา
ลี่ซาหันไปมอง แล้วรีบตะโกนทันที“ยังไม่รีบไปจับเธอกลับมาอีก”
มาร์ซิวรีบวิ่งตามไป ตอนที่คาร์อันวิ่งผ่านลี่ซาไป เขาก็ได้ยินเพียงลี่ซาที่กระซิบบอกกับเขา “เก็บเธอไว้ไม่ได้แล้ว”
คาร์อันพยักหน้า แล้วรีบวิ่งตามไป
เจียงสื้อสื้อหันกลับไปมอง จึงเห็นว่ามาร์ซิวกับคาร์อันไล่ตามหลังมา จึงรีบวิ่งหนีด้วยกำลังทั้งหมดของเธอ
แต่เธอเป็นผู้หญิง เดิมทีร่างกายเธอก็ไม่ดีอยู่แล้ว กำลังของเธอเทียบกับผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนไม่ได้
พอเห็นว่าเธอกำลังจะตามทัน เธอจึงกัดฟันทน แล้ววิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
ปัง
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรงมีเสียงปืนดังลั่นขึ้นมา
มาร์ซิวเห็นกระสุนบินลอยผ่านหน้าเขาไป เขาหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ จึงเห็นว่าในมือของคาร์อันถือปืนอยู่
แย่แล้ว
เขารีบหันกลับมา แล้วรีบวิ่งเพื่อเข้าไปช่วยเจียงสื้อสื้อ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เห็นเพียงกระสุนที่พุ่งทะลุไหล่ของเจียงสื้อสื้อ
เธอเดินโซเซแล้วสะดุดล้มกับพื้นอย่างแรง
“คุณเจียง” เขารีบวิ่งเข้าไปด้วยความตกใจ
เจ็บมากเลย
เจียงสื้อสื้อพยายามยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสบาดแผล แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนไฟร้อนแผดเผาพุ่งเข้ามา เธอจึงอดส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้ เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น ใบหน้างดงามของเธอซีดราวกับกระดาษ หน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาจนเต็มไปหมด
“คุณเจียง อดทนไว้ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
มาร์ซิวเอามือปิดแผล แต่เลือดยังคงไหลไม่หยุด ภายใต้แสงแดดร้อนแรง เลือดสีแดงส่องประกายจนแสบตา
คาร์อันเดินเข้ามา แล้วยืนก้มหน้าลงพวกเขา ก่อนจะจ่อปากกระบอกปืนเข้าตรงคิ้วของเจียงสื้อสื้อ
“คาร์อัน นายบ้าไปแล้วหรือไง” มาร์ซิวคำราม
คาร์อันเพิกเฉยต่อความโกรธของเขา และขยับนิ้วชี้ที่ไกปืน
“น่าตายจริงๆ” มาร์ซิวคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะวางเจียงสื้อสื้อลง แล้วรีบพุ่งตัวเข้าไปหาคาร์อัน
ปีง
เสียงปืนดังขึ้นมาอีกหนึ่งนัด
คาร์อันถูกมาร์ซิวผลักจนล้มลงกับพื้น ปืนถูกยิงขึ้นฟ้าไป
“นายอยากตายมากหรือไง” มาร์ซิวยกกำปั้นขึ้นและชกใส่หน้าคาร์อัน แล้วรีบแย่งปืนมา
คาร์อันไม่สนใจต่อความเจ็บปวด รีบคว้าชายเสื้อของมาร์ซิวไว้ พอใช้แรง ทั้งสองก็เปลี่ยนตำแหน่งกันทันที
แต่ในขณะเดียวกัน มาร์ซิวก็เอาปืนจ่อที่ขมับของเขา แล้วจ้องเขม็งมาที่เขา ก่อนจะกัดฟันพูด “อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่านาย”
คาร์อันยกสองมือขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นยืนช้าๆ
ในขณะเดียวกัน มีสองคนวิ่งมาจากด้านหลัง คนหนึ่งล็อกแขนซ้ายและอีกคนล็อกแขนขวาไว้
มาร์ซิวรีบลุกขึ้นเพื่อตรวจสอบอาการของเจียงสื้อสื้อ
“คุณเจียง” เขาเรียกอยู่หลายรอบ แต่ไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมาเลย
“ถอยไป”
เบอร์เกนที่วิ่งตามมาตะโกนสั่ง มาร์ซิวรีบลุกขึ้นยืนด้านข้างอย่างรวดเร็ว
เบอร์เกนอุ้มเจียงสื้อสื้อที่หมดสติขึ้นมา ใบหน้ามืดมนน่ากลัวมาก
“มาร์ซิว ไปขับรถมาเดี๋ยว”
“ได้ครับ”
มาร์ซิวรีบวิ่งไปขับรถ
ลี่ซาเองก็อยู่ภายใต้การควบคุม พอเห็นมาร์ซิวเดินกลับมา เธอจึงตะโกนบอก “นายบอกเบอร์เกนด้วย ว่าถ้ากลับไปอิตาลีเมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องให้ตระกูลอเนรีย์ลงโทษเขา”
มาร์ซิวเพียงแค่เหลือบมองเธอเล็กน้อย แล้วไม่สนใจเธออีก
เขาขับรถไปทางที่เบอร์เกนอยู่ แล้วรีบออกไปเปิดประตูเบาะหลังให้อย่างรวดเร็ว
เบอร์เกนอุ้มเจียงสื้อสื้อเข้ามานั่งลง
“ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด” เบอร์เกนสั่ง
มาร์ซิวตอบกลับหนึ่งคำ “ครับ” แล้วรีบสตาร์ทรถขับตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
……
กู้เนี่ยนไปที่โรงพยาบาลเพราะคิดว่าเจียงสื้อสื้อยังอยู่ในห้องพักผู้ป่วย
แต่ใครจะรู้ว่าพอขึ้นไปดู เจียงสื้อสื้อจะไม่อยู่ที่นั่น
แม่จิ้นยังเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นายไม่ได้มารับสื้อสื้อเหรอ ทำไมถึงวิ่งขึ้นมาบนนี้ล่ะ”
กู้เนี่ยนขมวดคิ้ว “ผมขึ้นมาหาคุณนายน้อยครับ”
“เธอลงไปรอนายตั้งนานแล้ว ทำไม นายไม่เห็นเธอเหรอ”
“ไม่ครับ ผมไม่เห็นคุณหญืงอยู่ข้างล่างเลย”
พอได้ยินแบบนี้ แม่จิ้นก็เริ่มร้อนใจ “งั้นก็รีบโทรไปหาเธอดูสิ”
กู้เนี่ยนได้สติกลับมา เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก แต่น่าแปลกใจ ที่ไม่มีคนรับสาย
“เกิดอะไรขึ้น” แม่จิ้นเห็นเขาวางโทรศัพท์ลง จึงรีบถามออกมา
กู้เนี่ยนขมวดคิ้วแน่น “ไม่มีคนรับสายครับ”
พอได้ยินแบบนี้ แม่จิ้นก็เริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี “ทำไมถึงไม่มีคนรับสายล่ะ เธอเพิ่งบอกกับฉันว่าจะลงไปรอนายข้างล่าง”
“คุณหญิงอย่าเพิ่งร้อนใจครับ ผมจะลงไปดูอีกครั้ง บางทีคุณนายน้อยอาจจะบังเอิญไปทำธุระพอดีก็ได้ครับ”
กู้เนี่ยนพูดปลอบเธอ ก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์
เขากดลิฟต์หลายครั้ง ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดี
เขาประมาทเกินไป
เขาลืมไปว่าเบอร์เกนและพวกเขายังอยู่ในประเทศ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าพวกเขาจะไม่มาที่เมืองจิ่น
ถ้าเบอร์เกนมาที่นี่ คุณนายน้อยก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว