“สวัสดีครับ คุณจิ่ง” เบอร์เกนยิ้มออกมาอย่างสุภาพ
“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเบอร์เกนร่วมงานในประเทศสินะครับ” จิ่งหลิวเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม
เบอร์เกนพยักหน้า “ครับ ครั้งแรก”
“ถ้าอย่างนั้นจะไม่แนะนำคู่ของคุณให้ผมรู้จักหน่อยเหรอครับ?” จิ่งหลิวเยว่พูดพร้อมกับชี้ไปยังเจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆ
“วีนัสของผม โซเฟย่าครับ”
เบอร์เกนโอบเอวของเจียงสื้อสื้อไว้แน่น แนะนำด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
พอเห็นแบบนั้น แววตาของจิ่งหลิวเยว่ก็เป็นประกายขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าลึกซึ้งเข้าไปเรื่อยๆ “สวัสดีครับ คุณโซเฟย่า”
นี่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธออย่างนั้นเหรอ?
เจียงสื้อสื้อเก็บความสงสัยในใจไว้ มุมปากแย้มขึ้น แล้วพูดออกไปเบาๆ ว่า “สวัสดีค่ะ”
“คุณเบอร์เกนครับไม่ทราบว่าผมจะขอยืมตัวคู่ของคุณสักครู่ได้ไหมครับ?” จิ่งหลิวเยว่แสร้งทำเป็นถามไปลอยๆ
“หือ?” คิ้วของเบอร์เกนขมวดเป็นปม
จิ่งหลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น ทำให้รู้ว่าเขากำลังมองไปยังที่ไม่ไกล “ตรงนั้นมีผู้หญิงที่พ่อแม่ของผมจับคู่ให้ ผมไม่ชอบเธอ ดังนั้น……”
เขาหันมามองเจียงสื้อสื้ออย่างมีความนัย
เบอร์เกนนั้นเป็นคนที่ฉลาด เลยสามารถเข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที จึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เกรงว่าจะไม่เหมาะนะครับ คืนนี้เธอจะอยู่กับผมเท่านั้นครับ”
สิ่งที่เขาจะสื่อก็คือ เขาปฏิเสธแล้วนั่นเอง
จิ่งหลิวเยว่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่ผิดหวังอะไรออกมา ได้แต่ยิ้มออกมา “เห็นทีผมคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
เบอร์เกนแค่ยิ้มออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ถ้าเธอทายไม่ผิด จิ่งหลิวเยว่นั้นน่าจะตั้งใจเข้ามาช่วยเธอ
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปาก แล้วพูดออกไปว่า “เบอร์เกนคะ มีคำพูดหนึ่งพูดว่า ความสุขจากการช่วยคน คุณเคยได้ยินมั้ยคะ?”
“หมายความว่ายังไงครับ?” เบอร์เกนมองเธอด้วยความสนใจ
“การมีความสุขจากการที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นค่ะ” เจียงสื้อสื้อหันมองจิ่งหลิวเยว่แวบหนึ่ง “ฉันอยากช่วยเขาค่ะ”
“หือ?” หันไปมองจิ่งหลิวเยว่ แล้วเลิกคิ้วขึ้น “คุณแน่ใจเหรอครับ?”
“แน่ใจค่ะ”
สีหน้าของเธอแน่วแน่มาก
เบอร์เห็นครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้า “ตกลง ตามที่คุณต้องการเลยครับ”
ยังไงพื้นที่จัดงานก็มีอยู่แค่นี้ คนของเขาก็มีอยู่ทุกที่ ถ้าเธอคิดจะหนีก็ไม่ได้ง่ายอะไรขนาดนั้นหรอก
“ขอบคุณค่ะ”
เจียงสื้อสื้อกล่าวขอบคุณแล้วเดินไปกับจิ่งหลิวเยว่
“พี่สะใภ้ไปอยู่กับเขาได้ยังไงครับเนี่ย?”
หลังเดินไปสักพัก จิ่งหลิวเยว่ถึงได้กระซิบถามเธอ
“ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายให้คุณอย่างละเอียด แล้วคุณมาอยู่ในนี้ได้ยังไง?” เจียงสื้อสื้อถามไปก็แสร้งมองไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจ
ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองรึเปล่า เหมือนรอบจะมีคนคอยจับตาเธอดูอยู่ตลอดเลย
ถ้าทายไม่ผิด พวกนี้น่าจะเป็นคนของเบอร์เกนแน่ๆ
“ผมก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเหมือนกันครับ แล้วไปเจอพี่ชายของพี่พอดี เขาเลยขอให้ผมช่วย” จิ่งหลิวเยว่ตอบไปตามตรง
“แล้วพี่ชายฉันล่ะ?”
พอเธอมาถึงโรงแรมก็ถูกเบอร์เกนเอาตัวไปทันที พี่ชายคงเป็นห่วงแย่แล้ว
“อยู่ทางนั้นครับ”
เจียงสื้อสื้อมองตามสายตาของจิ่งหลิวเยว่ไป จึงได้พบกับพี่ชายที่กำลังถูกผู้หญิงหลายคนรายล้อมอยู่
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นี่พี่ชายเขาคิดได้แล้วเหรอเนี่ย? ถึงได้รู้จักวิธีจัดการกับสาวๆ แล้ว?”
“เขาแค่ทำตัวให้กลมกลืนเท่านั้นครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวเบอร์เกนนั่นจะรู้ตัว ฟางยู่เชินก็ไม่มีทางเสียสละแบบนี้หรอก
เจียงสื้อสื้ออดยิ้มออกมาไม่ได้ “งั้นเรารีบไปหาเขาเถอะ ฉันกลัวพี่ชายจะรับมือได้อีกไม่นานแล้ว”
ทั้งสองรีบเดินเข้าไปหา
พอเห็นทั้งคู่เดินมา ใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังเคร่งเครียดนั่นก็ได้ผ่อนคลายลงทันที
“พี่คะ” เจียงสื้อสื้อเดินมาตรงหน้าเขา
ฟางยู่เชินรีบมองเธอจากหัวจรดเท้า “เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ย?”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
“งั้นก็ดี” ฟางยู่เชินรู้สึกโล่งอก เขามองไปทางเบอร์เกนแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องไปเดี๋ยวนี้เลย”
พูดไป เขาก็คว้ามือของเจียงสื้อสื้อแล้วจะเดินไปทางประตูทันที
“เดี๋ยวก่อน พี่คะ” เจียงสื้อสื้อรีบห้ามเขาไว้
ฟางยู่เชินขมวดคิ้วอย่างแรง “มีอะไร?”
“เบอร์เกนยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าซ่างกวนหยวนจะกลับมาเมื่อไหร่ จะยังไปไม่ได้นะคะ”
เธอยอมเป็นคู่ให้เบอร์เกนแล้ว แล้วจะให้ยอมแพ้กลางคันได้ยังไง?
“ไม่ได้ เธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้”
ฟางยู่เชินไม่สนใจคำอธิบาย จะดึงตัวเธอกลับอย่างเดียว
เจียงสื้อสื้อจึงต้องเหวี่ยงมือของเขาออกอย่างแรง “พี่คะ พี่มองไปรอบๆ สิคะ เราออกไปไม่ได้ง่ายๆ แบบนั้นหรอกค่ะ”
พอเธอพูดมาแบบนั้น ฟางยู่เชินกับจิ่งหลิวเยว่ก็มองไปรอบๆ
คนหนึ่งขมวดคิ้ว
ส่วนอีกคนก็ทำหน้ามึนงง
“พี่สะใภ้ รอบๆ นี้มีอะไรเหรอครับ?” จิ่งหลิวเยว่ถามด้วยความสงสัย
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจออกมา “มีคนของเบอร์เกนจับตาดูอยู่ทั่วทุกที่เลย”
ฟางยู่เชินขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “เขานี่มันช่างรู้จักระวังตัวจริงๆ เลยนะ”
“เบอร์เกนนั่นต้องการอะไรกันแน่ครับ?” จิ่งหลิวเยว่เริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้ว “เขาไม่เพียงบังคับให้พี่ไปเป็นคู่ของเขา ยังส่งคนมาจับตาดูอีก นี่เขาประสาทรึไงเนี่ย?”
“ฉันเคยทำข้อตกลงกับเขา” เจียงสื้อสื้อมองไปที่ฟางยู่เชิน “พี่คะ ครั้งนี้ช่วยทำตามฉันได้มั้ยคะ?”
“ขอโทษที สื้อสื้อ ฉันไม่สามารถปล่อยให้เธอได้รับอันตรายอีก แม้มันจะแค่นิดเดียวก็ตาม” ฟางยู่เชินวางสองมือลงบนบ่าของเธอ สีหน้าจริงจัง “ฉันคิดว่าเฟิงเฉินเองก็น่าจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน กลับไปอย่างปลอดภัย ซ่างกวนหยวนจะต้องกลับมาแน่นอน เราสามารถรอได้ แต่ถ้าเฟิงเฉินกลับมา แล้วเธอกลับหายไปจะทำยังไง?”
เจียงสื้อสื้อเม้มปากแน่น เธอรู้ว่าฟางยู่เชินนั้นได้ตัดสินใจไปแล้ว ที่สำคัญ สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้ไร้เหตุผล
ถ้าเบอร์เกนต้องการให้เธอเป็นคู่ที่ออกงานแค่คืนเดียว ทำไมถึงต้องส่งคนมาจับตาดูเธอมากมายขนาดนี้ด้วย?
พอคิดได้แบบนั้น เธอก็หายใจเข้าลึกๆ “ตกลง ฉันจะฟังพี่ แต่ปัญหาคือ มีคนจับตาดูอยู่ แล้วเราจะออกไปได้ยังไง?”
ฟางยู่เชินหรี่ตาลง “ไม่ต้องห่วง ฉันได้เตรียมคนเอาไว้แล้ว”
“คุณก็เตรียมคนมาด้วยเหรอครับ?” จิ่งหลิวเยว่เบิ่งตาด้วยแปลกตกใน
ฟางยู่เชินฉีกมุมปากขึ้น “แค่กันไว้ก่อน”
ฟางยู่เชินมองหน้าเจียงสื้อสื้อ สีหน้าค่อนข้างจริงจัง “อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนก่อความวุ่นวาย เธอรีบถือโอกาสนั้นไปกับประธานจิ่งซะ”
พอพูดถึงตรงนี้ ฟางยู่เชินก็มองไปที่จิ่งหลิวเยว่ “ประธานจิ่ง ต้องรบกวนคุณให้ช่วยปกป้องสื้อสื้อแล้วนะครับ”
จิ่งหลิวเยว่ยิ้มออกมา “เธอเป็นพี่สะใภ้ของผม การที่ผมจะปกป้องเธอมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้วครับ”
ว่าแล้ว จิ่งหลิวเยว่ก็พาเจียงสื้อสื้อกลับเข้าไปในงาน ปะปนเข้าไปในฝูงชน ยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้แสดงความผิดปกติอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
หลังผ่านไปประมาณสิบนาที ในที่ไม่ไกลก็เกิดความชุลมุนขึ้น
ความสนใจของแขกในงานแทบจะทั้งหมดดูดดึงดูดเข้าไป
จิ่งหลิวเยว่กับเจียงสื้อสื้อหันมาสบตากัน ทั้งสองรู้ดีว่านี่คือแผนที่ฟางยู่เชินวางไว้
เพื่อไม่ให้เบอร์เกนสงสัย ทั้งสองก็ได้เดินมุงเข้าไปเหมือนแขกคนอื่นๆ
ที่แท้ก็เป็นผู้ชายสองคนที่กำลังทะเลาะกันเพราะผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
“เห็นๆ อยู่ว่าเธอเข้ามาดื่มไวน์กับฉันก่อน แล้วแกสอดขาเข้ามาทำไม?”
“ใครบอกล่ะว่าเธอตั้งใจเข้ามาดื่มกับแก เห็นได้ชัดว่าเธอเข้ามาหาฉันแท้ๆ”
……
ชายหนุ่มทั้งสองแกคำฉันคำ และเริ่มเถียงกันขึ้นมา
ไม่รู้ว่าใครพูดจาหยาบคายออกมาคำหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็เริ่มชกกันขึ้นมา
พอมีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น พวกเพื่อนๆ ของทั้งสองคนก็รีบเข้ามาห้ามทันที แต่กำปั้นนั้นไม่มีตา ดันไปชกใส่คนที่เข้ามาห้ามอย่างไม่มีใครคาดคิด สถานการณ์วุ่นวายกันไปหมด คนพวกนั้นเกิดการตะลุมบอนกันขึ้นมา
“รีบแจ้งตำรวจเร็ว รีบแจ้งตำรวจ!” มีคนตะโกนออกมา
จิ่งหลิวเยว่หันมองไปรอบๆ ไม่เห็นเบอร์เกนและลูกน้อง ว่าแล้วเขาก็ก้มลงไปกระซิบอย่างรวดเร็วที่ข้างหูของเจียงสื้อสื้อว่า “พี่สะใภ้ เราถือโอกาสนี้หนีออกไปกันเถอะครับ”
“ตกลง”
จิ่งหลิวเยว่พาเจียงสื้อสื้อวิ่งไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
แต่พอวิ่งไปถึงที่ประตู ก็พบกับเบอร์เกนและคนของเขาที่รออยู่ข้างนอกแล้ว
ถึงแม้บนหน้าของเบอร์เกนจะยังยิ้มอยู่ แต่จิ่งหลิวเยว่กับเจียงสื้อสื้อก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นที่ส่งตรงมา
ทั้งคู่ถึงกับกลืนน้ำลายพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“โซเฟย่า คุณจะไปไหนเหรอครับ?” เบอร์เกนเอ่ยถามออกมา
“ฉัน……” แววตาของเจียงสื้อสื้อขยับเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี
“ผมกำลังหลบผู้หญิงคนนั้นอยู่ครับ พอไม่มีทางเลือกจึงต้องพาเธอหนีมาด้วยครับ”
ยังดีที่จิ่งหลิวเยว่หัวไว ที่สามารถนึกเหตุผลนี้ขึ้นมาได้
แต่ไม่รู้ว่าเบอร์เกนจะยอมเชื่อรึเปล่า
“จริงเหรอครับ?” เบอร์เกนจ้องมองพวกเขาด้วยความสงสัย
จิ่งหลิวเยว่ฉีกปากยิ้ม “ใช่ครับ คุณเบอร์เกน”
เบอร์เกนเดินเข้าไปใกล้ มายืนอยู่ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อ ก้มหน้าลง สายตาที่เคร่งขรึมจ้องอยู่บนใบหน้าของเธอ
“โซเฟย่า ที่เขาพูดมามันจริงมั้ยครับ?”
เจียงสื้อสื้อมองเขาแวบหนึ่ง ก้มหน้าลง แล้วตอบ “ค่ะ” ไปเบาๆ
เบอร์เกนเงียบไป
บรรยากาศดูกดดันขึ้นมาทันที
เจียงสื้อสื้อกับจิ่งหลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ทั้งคู่กลัวเบอร์เกนจะไม่เชื่อ
สักใหญ่ เบอร์เกนก็ค่อยๆ พูดออกมาว่า “ผมเชื่อใจคุณครับ”
หลังคำพูดนั้นดังขึ้น เจียงสื้อสื้อกับจิ่งหลิวเยว่ก็แอบโล่งอกไปทั้งคู่
แต่คำพูดต่อไปของเบอร์เกน ก็ทำให้พวกเขาต้องรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
“โซเฟย่า ถึงผมจะเชื่อใจคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหลอกผมได้นะครับ”