“ฉัน……” เหลียงซินเวยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ก็จริง เธอไปเจอเรื่องอะไรมากันนะ?
“พูดไม่ออกเหรอ?” เจียงสื้อสื้อนึกว่าเธอพูดไม่ออก จึงได้ให้กำลังใจไปเบาๆ ว่า “เธอมีอะไรก็พูดออกมาเลย ไม่ต้องคิดมาก”
เธออ่อนโยนขนาดนี้ พอเหลียงซินเวยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังหลอกเธอ ในใจก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
“พี่สื้อสื้อคะ ความจริงฉัน…” เธออยากที่จะพูดความจริง แต่ใบหน้าของฟางยู่เชินก็แวบเข้ามาในหัว ได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วพูดไปว่า “ฉันเจอปัญหาเรื่องหัวใจค่ะ”
“เรื่องหัวใจอย่างนั้นเหรอ?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? พูดให้ละเอียดกว่านี้หน่อยได้มั้ย?”
“ฉะ……ฉันมีคนที่ชอบแล้วค่ะ” เหลียงซินเวยก้มหน้าลง สองมือประสานกันด้วยความกังวล
เธอมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ ดังนั้นมันจึงไม่ถือว่าโกหก ในใจยังไงก็รู้สึกดีขึ้นดีขึ้นบ้าง
เจียงสื้อสื้อไม่รีบร้อนที่จะถามต่อ แค่จ้องเธออย่างเงียบๆ เท่านั้น
สักพัก ถึงได้ค่อยๆ พูดออกมาว่า “เป็นคนที่ฉันรู้จักรึเปล่า?”
พอได้ยินแบบนั้น เหลียงซินเวยก็เงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาของเธอที่มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว จากนั้นก็ต้องหลบตาด้วยความละอายใจ “ถะ ถือว่าใช่มั้ง”
เจียงสื้อสื้อยิ้มๆ แล้วถามต่อไปว่า “แค่รู้จักเองเหรอ?”
เหลียงซินเวยกัดริมฝีปาก แต่ไม่ได้ตอบ
เจียงสื้อสื้อคิดๆ ดู “เวยเวย การที่เธอมีคนที่ชอบมันไม่เคยเป็นปัญหาเลย สรุปเธอเจอปัญหาอะไรกันแน่?”
เหลียงซินเวยกำมือแน่น ลังเลไปแป๊บหนึ่ง ถึงได้พูดออกมาเบาๆว่า “ฉันชอบ……พี่ฟางค่ะ”
เธอต้องรวบรวมความกล้าอย่างมหาศาลกว่าจะมีความกล้ามากพอที่จะพูดมันออกมาได้
แต่หลังจากพูดออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที
เจียงสื้อสื้อตอบสนองแค่เลิกคิ้วบางๆ ขึ้นเท่านั้น และไม่ได้ดูตกใจอะไรมากมาย ราวกับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว
แต่เธอรู้มาก่อนแล้วจริงๆ
“ชอบพี่ชายของฉันแล้วมันมีปัญหาตรงไหนเหรอ?” เธอมองเหลียงซินเวยด้วยความสงสัย
“ขะ……เขากำลังจะหมั้นกับคุณเย่ไม่ใช่เหรอคะ?”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เจียงสื้อสื้อแย้มปากแล้วพูดไปว่า “สรุปเธอคิดจะยอมแพ้แล้วใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ” เหลียงซินเวยพยักหน้าเบาๆ
“ทำไมล่ะ?”
เหลียงซินเวยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง “ฉันมันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว จะกล้าไปหวังสูงแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ”
“นี่เป็นความรู้สึกจริงๆ ของเธออย่างนั้นเหรอ?” เจียงสื้อสื้อจ้องเขม็งไปที่เธอ
เหลียงซินเวยตอบ “ค่ะ” ไปเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เวยเวย เรื่องของความรักมันสิ่งที่จะเอายศถาบรรดาศักดิ์มาเปรียบเทียบสักหน่อย แต่มันต้องใช้หัวใจต่างหาก” เจียงสื้อสื้อหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าเธอรู้สึกชอบเขาจริงๆ แล้วทำไมถึงไม่ลองดูล่ะ บางทีเขาก็อาจจะชอบเธอก็ได้ไม่ใช่รึไง?”
“เขาชอบฉันอย่างนั้นเหรอ?” เหลียงซินเวยได้ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น “เขาจะมาชอบฉันได้ยังไงคะ?”
จากฐานะของฟางยู่เชิน มีผู้หญิงดีๆ มากมายรอให้เขาเลือกอยู่ แล้วเขาจะมาสนใจคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอได้ยังไง?
“ทำไมเธอถึงต้องดูถูกตัวเองขนาดนั้นด้วย?”
เหลียงซินเวยส่ายหน้าเบาๆ “พี่สื้อสื้อคะ ฉันไม่ได้ดูถูกตัวเอง ฉันแต่รู้ข้อเสียของตัวเองเท่านั้น”
“รู้ข้อเสียของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?” เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เวยเวยอย่าดูถูกตัวเอง เธอนั้นดีมากจริงๆ”
ตอนแรกที่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองชอบฟางยู่เชิน ก็เพราะตอนนั้นมันนึกถึงเรื่องอื่นไม่ได้เท่านั้น แต่มาตอนนี้ พอได้ยินคำว่า “เธอนั้นดีมากจริงๆ” จมูกของเหลียงซินเวยก็รู้สึกเมื่อยล้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เธอรู้มาตลอดว่าตัวเองกับฟางยู่เชินนั้นอยู่โลกคนละใบกัน เธอจึงไม่กล้าหวังสูงและไม่กล้าคาดหวังด้วย
“เวยเวย ในเมื่อเธอชอบเขา เธอก็ควรกล้าหาญกว่านี้หน่อย บางทีอาจมีเซอร์ไพรส์ก็ได้”
ถึงน้ำเสียงของเธอจะอ่อนโยนมาก แต่กลับรู้สึกได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ข้างใน
หางตาของเหลียงซินเวยเปียกปอน เธอรีบสูดจมูก บังคับน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป แล้วยิ้มออกมา “พี่สื้อสื้อคะ นี่พี่กำลังเชียร์ให้ฉันไปสารภาพรักก่อนเหรอคะ?”
“ประมาณนั้น” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “สิ่งสำคัญคือ ฉันไม่อยากให้เธอพลาดความรักช่วงนี้ไป”
เพราะเธอกับพี่ชายนั้นชอบเวยเวย บางทีถ้าเวยเวยเป็นฝ่ายเดินหน้าก่อน ทั้งคู่ก็อาจจะมีบทสรุปที่ดีก็ได้
เหลียงซินเวยเม้มปาก “แล้วถ้าเกิดว่า เขาไม่ชอบฉันล่ะคะ?”
“เป็นไปไม่ได้”
เนื่องจากเจียงสื้อสื้อตอบเร็วเกินไป ทันใดนั้นก็รู้ตัวว่าได้พูดผิดไป จึงรีบพูดเสริมไปว่า “ฉันหมายความว่า พี่ชายค่อนข้างประทับใจในตัวเธอ ไม่มีความรู้สึกที่ไม่ชอบอยู่เลย”
ที่แท้ฟางยู่เขินนั้นรู้สึกประทับใจในตัวเธอมาก
เหลียงซินเวยอดไม่ได้ที่จะแย้มมุมปากขึ้น
พอเห็นแบบนั้น เจียงสื้อสื้อจึงได้ลองถามไปว่า “เธออยากลองดูรึเปล่า?”
“ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันค่ะ”
เหลียงซินเวยยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อนอยู่ดี เพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ
เจียงสื้อสื้อมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ความรักนั้นมันไม่รอใคร ถ้าพลาดไปแล้วอย่ามานั่งเสียใจทีหลังล่ะ”
“ฉันรู้ค่ะ”
เหลียงซินเวยยิ้มให้เธอ
เจียงสื้อสื้อก็เชียร์ต่อไปลำบากแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะดูเหมือนบังคับเธอเลย
“ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?” เจียงสื้อสื้อถาม
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เหลียงซินเวยพยักหน้า
เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่แรกแล้ว
“แล้วเธออยู่คนเดียวได้รึเปล่าล่ะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
เหลียงซินเวยขมวดคิ้ว “พี่สื้อสื้อพูดมาแบบนี้แสดงว่าพี่จะไปแล้วใช่มั้ยคะ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาด้วยความเกรงใจ “ความจริงฉันยังมีธุระอย่างอื่นต้องไปทำอีก”
ยังไงเธอก็อยากไปสนามบินด้วยตนเองสักรอบ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สบายใจ
“แต่ว่า……” เหลียงซินเวยรู้สึกลำบากใจขึ้นมาแล้ว
ถ้าเธอยอมให้พี่สื้อสื้อกลับไป แล้วเธอจะไปพูดกับพี่ฟางยังไง
แต่พี่สื้อสื้อก็มีธุระต้องไปทำ จะไปกล้ารั้งเธอไว้ได้ยังไงล่ะ?
เจียงสื้อสื้อเห็นเธอกำลังทำหน้าลำบากใจอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? ดูเหมือนจะกำลังลำบากใจมากเลย?”
“พี่สื้อสื้อคะ ฉะ……ฉันยังมีเรื่องอย่างอื่นให้พี่ช่วยอีกค่ะ” สุดท้ายเหลียงซินเวยก็ยังตัดสินใจที่จะช่วยฟางยู่เชินต่อ
“ว่ามาซิ”
“อีกไม่กี่วันศูนย์การค้าที่ร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่จะจัดงานฉลองปีใหม่ค่ะ พอถึงตอนนั้นจะมีงานเลี้ยงตอนกลางคืนด้วย ฉันเลยอยากขอพี่ให้พาฉันไปซื้อชุดราตรีสักชุดค่ะ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าร่วมงานเลี้ยง ฉันไม่รู้อะไรเลย กลัวจะทำอถไรที่น่าขายหน้าเข้า ฉันจึงอยากขอให้พี่ช่วยค่ะ”
เหลียงซินเวยพูดออกไปในรวดเดียว แล้วมองเจียงสื้อสื้อด้วยความตื่นเต้น
เธอน่าจะรับปากมั้งนะ?
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ได้สิ ฉันจะไปกับเธอ”
“ขอบคุณค่ะพี่สื้อสื้อ”
ยังดีที่เธอยอมรับปาก ถ้าเธอไม่ยอมรับปาก ก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมารั้งเธอไว้อีกแล้ว
“จะไปซื้อตอนไหนเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถาม
“ตอนนี้ ไปตอนนี้เลยค่ะ” เหลียงซินเวยยืนขึ้น “ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเราก็ไปกันเลยค่ะ”
พอดูเธอที่เดินเข้าห้องไป เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
จู่ๆ เธอก็มีความรู้สึกขึ้นมาว่าตัวเองนั้นเป็นเหมือนพี่สาวของเวยเวยเลย
ในตอนนั้นเอง มือถือของเวยเวยที่วางอยู่บนโต๊ะชาก็ได้ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อหันไปมอง แล้วเบิ่งตากว้างด้วยความสงสัย ที่แท้ก็เป็นพี่ชายนี่เองที่โทรมา
แต่ว่า พี่ชายจะโทรหาเวยเวยตอนนี้ทำไมนะ?
เธอลังเลไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา
พอรับสาย เสียงของฟางยู่เชินในสายก็ดังขึ้นมาทันที “เวยเวย เป็นยังไงบ้างครับ? สื้อสื้อไปหาคุณแล้วรึยัง?”
“พี่คะ นี่ฉันเองค่ะ”
พอได้ยินเสียงของเจียงสื้อสื้อ ฟางยู่เชินก็รู้สึกตกใจทันที ทำไมเธอถึงมารับสายของเขาได้ล่ะ?
“พี่คะ ไม่นึกเลยนะคะว่าพี่จะเป็นห่วงเวยเวยขนาดนี้”
น้ำเสียงที่หยอกล้อดังขึ้น ฟางยู่เชินตั้งสติได้จึงได้ขำแห้งๆ ไปทีหนึ่ง “ฉันเป็นห่วงเธอต่างหาก ไม่ใช่เป็นห่วงเวยเวยสักหน่อย”
“จริงๆ เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อไม่ยอมเชื่อ
“ในเมื่อเธอไปถึงแล้ว งั้นฉันก็วางเลยแล้วกัน”
ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อได้ทันตั้งตัว สายก็ถูกตัดไปแล้ว
เอามือถือลงมา จ้องไปยังหน้าจอที่ดับลง เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ดูเหมือนพี่ชายจะมีใจให้เวยเวยแล้วจริงๆ