เสียงด้านนอกเงียบไป
ซ่างกวนหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก ลืมตาขึ้น ก็สบตาเข้ากับสายตาที่มองมาด้วยความสงสัย
เธอยกยิ้ม “คุณมีเรื่องอยากจะถามฉันเยอะมากใช่ไหมคะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า
เธอก้มหน้าลง แล้วเม้มปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ว่าคุณอยากจะถามอะไร ขอให้จำไว้ว่าฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ ฉันรักคุณจริงๆ รักคุณมาก”
อย่างที่เจียงสื้อสื้อพูดไว้ เขาไม่ได้ลืมความทรงจำในอดีตไปทั้งหมด อย่างน้อยความทรงจำในส่วนลึกของเขายังมีอดีตของเขากับเจียงสื้อสื้ออยู่
ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่พูดแบบนั้นออกมา
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็ยิ้มเยาะกับตัวเอง
เจียงสื้อสื้อพูดถูก เธอกลัวแล้วจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินมองเธอ แววตาของเขาลึกล้ำสุดจะคาดเดา มองไม่เห็นอารมณ์ใดๆของเขาเลย
ไม่รู้ว่าเขามองผิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่ารอบตัวของเธอครอบคลุมไปด้วยความเศร้าโศก หัวใจของเขาสั่นเครือเล็กน้อย
เขาก้าวไปข้างหน้า แล้วเอื้อมมือออกไปและกอดเธอไว้
กลิ่นกายเย็นสบายที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาพุ่งเข้ามาในจมูกของเธอ ขอบตาของเธอเริ่มร้อนผ่าวโดยควบคุมไม่ได้
ซ่างกวนหยวนขยำเสื้อของเขาไว้แน่น ฝังใบหน้าของเธอไว้ในอ้อมกอดของเขา แล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา
เธอกลัวจริงๆ ว่าเขาจะจำเรื่องทุกอย่างขึ้นมาได้ แล้วทิ้งเธอกลับไปหาเจียงสื้อสื้อ
แม้ว่าเธอจะแย่งชิงความรักครั้งนี้มาด้วยวิธีไร้ยางอาย แต่เธอก็ไม่ยอมคืนเขากลับไปแน่ๆ
“หยวนหยวน อย่าร้องไห้” จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้น แล้วลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน
ซ่างกวนหยวนออกจากอ้อมกอดของเขา ยกมือเช็ดน้ำตาทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณจะทิ้งฉันไปไหมคะ” เธอถาม
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า“ไม่ครับ”
คำตอบนี้ ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจเลย
เธอคิดอยู่สักพัก จึงถามออกมาอีก “คุณรู้สึกยังไงตอนที่เห็นเจียงสื้อสื้อคะ”
“รู้สึกยังไงอะไรครับ” จิ้นเฟิงเฉินไม่เข้าใจความหมายที่เธอถาม
“ก็หมายความว่าตอนเห็นเธอคุณรู้สึกคุ้นเคยหรือเปล่า”
จิ้นเฟิงเฉินนิ่งคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบตามความจริง “รู้สึกคุ้นเคยอยู่เหมือนกันครับ”
หัวใจของซ่างกวนหยวนหดหู่ ในความทรงจำส่วนลึกของเขายังคงไม่ลืมเจียงสื้อสื้อไป
พอเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป จิ้นเฟิงเฉินจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ซ่างกวนหยวนยิ้มแหย แล้วพูดต่อ “ที่จริงแล้ว ในบทสนทนาที่พวกเราคุยกัน คุณน่าจะพอเดาอะไรได้บ้างแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ผมรู้ว่าคุณเจียงสื้อสื้อกับผมเคยรู้จักกันมาก่อน และความสัมพันธ์คงไม่ธรรมดาด้วย”
ครั้งแรกที่เห็นคุณเจียงสื้อสื้อที่สนามบิน เขาก็เดาอะไรได้บ้างแล้ว
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบเจียงสื้อสื้อเท่าไหร่ เขาจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย
หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ เขาจึงมั่นใจได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเจียงสื้อสื้อคงไม่ธรรมดา
ซ่างกวนหยวนยิ้ม แล้วยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “อืม พวกคุณเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อนค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่แปลกใจเลย เขาแค่ถามออกมาเสียงเรียบ “ผมกับเธอรักกันมากอย่างนั้นเหรอครับ”
ซ่างกวนหยวนไม่ตอบเขา แต่ถามขึ้นมาแทน “ตอนนี้คุณรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเธอแล้ว คุณจะกลับไปหาเธอไหมคะ”
กลับไปหาเจียงสื้อสื้ออย่างนั้นเหรอ
คิ้วคมขมวดเข้าหากันแน่น ในสมองของจิ้นเฟิงเฉินปรากฏภาพที่เจียงสื้อสื้อกำลังร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
“คุณจะกลับไปหาเธอไหมคะ” ซ่างกวนหยวนถามซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับจ้องมองเขาอย่างจริงจัง ภายในใจรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมา
เธอกลัวที่จะได้ยินคำตอบที่บอกว่าจะกลับไปของเขา
“ไม่ครับ” จิ้นเฟิงเฉินวางมือไว้บนไหล่ของเธอ แล้วเอนตัวลงไปสบตากับแววตาที่หลงทางของเธอ และพูดอย่างอ่อนโยน “ชีวิตของผมคุณเป็นคนช่วยไว้ แล้วผมเองก็ลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว จะกลับไปหาเธอได้ยังไง”
ซ่างกวนหยวนหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ เธอเอนตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เฟิงเฉิน ฉันรักคุณมากจริงๆ คุณอย่าทิ้งฉันไปนะคะ”
“ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินลูบผมนุ่มของเธอเบาๆ เขาหลับตาลง ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ที่แท้จริงของเขาได้
หลังจากออกจากบ้านตระกูลซ่างกวน เจียงสื้อสื้อก็นิ่งเงียบมาตลอดทาง
“พี่สะใภ้ครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” จิ้นเฟิงเหราเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เจียงสื้อสื้อเหลือบตามองเขา แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“วางใจได้ครับ เราจะหาวิธีพาพี่ชายกลับมาได้อย่างแน่นอน” จิ้นเฟิงเหราพูดปลอบใจ
“ฉันรู้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ในแววตาของเธอเศร้าซึม “ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ยอมกลับมา”
จิ้นเฟิงเหรานิ่งคิดสักพัก “พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ครับ ดูปฏิกิริยาของพี่ชายผมในวันนี้ เขาน่าจะยังไม่ลืมคุณไปทั้งหมด ขอแค่คุณปรากฏตัวต่อหน้าเขาบ่อยๆ พยายามบอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้เขาฟัง อาจจะทำให้เขานึกขึ้นมาได้ก็ได้นะครับ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างขมขื่น “ดูจากสถานการณ์ของตอนนี้ ฉันกลัวว่าคงจะยากที่จะได้เจอพี่ชายของคุณอีกครั้ง”
โดยเฉพาะเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น ซ่างกวนหยวนจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นอย่างแน่นอน
“ต้องมีวิธีสิครับ”
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “หวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ”
……
ตอนที่ฟางยู่เชินรู้ว่าเจียงสื้อสื้อไปบ้านตระกูลซ่างกวน เขาพูดออกมาตรงๆว่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นเกินไป
“สื้อสื้อ พี่บอกให้น้องรออยู่ที่บ้านอย่างเชื่อฟังไม่ใช่เหรอ แล้วน้องไปที่บ้านตระกูลซ่างกวนทำไมกัน” ฟางยู่เชินไม่เข้าใจ
“เป็นผมเองที่ขอให้พี่สะใภ้ไปด้วย” จิ้นเฟิงเหราพูด “พี่อย่าโทษเธอเลยครับ”
ฟางยู่เชินยิ้มด้วยความเหนื่อยใจ “เฟิงเหรา ฉันไม่ได้โทษเธอ ฉันแค่อยากจะบอกว่าวันนี้พวกนายทำแบบนี้ มันจะทำให้ ซ่างกวนหยวนระมัดระวังตัวมากขึ้น ถึงตอนนี้เราคงเข้าบ้านตระกูลซ่างกวนยากขึ้น”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ตรงจุดนี้เราก็คิดไว้เหมือนกัน ขอโทษจริงๆครับ เป็นพวกเราที่ไม่คิดอะไรรอบคอบ”
“ไม่เป็นไร” ฟางยู่เชินถอนหายใจอย่างแรง “ตอนนี้เราคงพึ่งพาซ่างกวนเชียนได้เท่านั้นแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็เงยหน้าขึ้นมอง “เขาได้พูดอะไรออกมาไหมคะ”
“เขาโทรมาหาพี่ แล้วบอกอย่างชัดเจนว่าเขาจะช่วยพวกเรา แต่ให้พวกเราอย่าเพิ่งรีบร้อนไป”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “อะไรคืออย่าเพิ่งรีบร้อนคะ”
ฟางยู่เชินนิ่งคิดอยู่สักพัก “ความหมายของเขาก็คือ ซ่างกวนหยวนจะไม่เดินจากออกจากเมืองหลวงเร็วขนาดนั้น มีเวลาให้พวกเราเยอะพอ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มเยาะ “ถึงจะมีเวลาเพียงพอแล้วจะทำอะไรได้ค่ะ ซ่างกวนหยวนไม่ยอมให้เราเข้าใกล้เฟิงเฉินเลยด้วยซ้ำ”
“ตอนนี้มันเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่ต่อไปก็ไม่แน่”
คำพูดของฟางยู่เชินปลุกความหวังในหัวใจของเจียงสื้อสื้อขึ้นมา เธอจึงรีบถาม “พี่คะ พี่มีวิธีใช่ไหมคะ”
“ถือว่ามี”
“วิธีไหน” จิ้นเฟิงเหราเองก็ใจร้อนเช่นกัน
ฟางยู่เชินยิ้มบาง “ซ่างกวนเชียนบอกกับฉัน ว่าที่บ้านของเขาต้องการคนรับใช้เพิ่มหลายคน”
“แล้วยังไงคะ”
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเหราดูงุนงง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง
“ที่พวกนายเขาเรียกว่าร้อนใจจนทำอะไรไม่คิด ซื่อบื้อไปกันหมดแล้วหรือไง” ฟางยู่เชินมองหน้าพวกเขาอย่างเหนื่อยใจ
จิ้นเฟิงเหราตาเป็นประกาย แล้วเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง “นี่นายวางแผนที่จะส่งคนเข้าไปในบ้านตระกูลซ่างกวนอย่างนั้นเหรอ”
“เดาถูกแล้ว” ฟางยู่เชินพยักหน้า
“ใครคะ” เจียงสื้อสื้อถาม
ฟางยู่เชินจ้องเธอด้วยสีหน้าจริงจัง รอยยิ้มที่มุมปากของเขายิ่งลึกขึ้นอีกหลายส่วน ก่อนจะอ้าปากพูด “น้องไง”
เจียงสื้อสื้อมึนงงไปทันที “ฉันเหรอคะ”
“พี่ พี่พูดล้อเล่นใช่ไหม ซ่างกวนหยวนรู้จักพี่สะใภ้ผม แล้วเธอจะเข้าไปในบ้านตระกูลซ่างกวนได้ยังไงกัน”
พอต้องเผชิญคำถามของจิ้นเฟิงเหรา ฟางยู่เชินก็ยิ้มบางๆ “วิธีเป็นคนที่คิดขึ้นมา”
ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น ก็หมายความว่าเขาได้เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก “พี่คะ หนูจะทำตามที่พี่บอกทุกอย่างค่ะ”
ขอแค่สามารถเข้าไปในบ้านตระกูลซ่างกวน และได้เจอเฟิงเฉิน เธอยอมทำทุกอย่าง