เล่นป้องกันเข้มงวดขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อนึกว่าคงจะไม่ได้เจอจิ้นเฟิงเฉินในเวลาอันสั้นนี้แน่ๆ จึงรู้สึกกระวนกระวายใจ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ช่วงบ่ายเธอจะได้เจอกับเขา
ขณะที่เธอกำลังทำความสะอาดห้องอาหาร จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินก็เดินเข้ามา แล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ทราบว่าน้ำส้มอยู่ตรงไหนครับ”
เธอหันหลังให้ประตู พอเธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เธอรีบหันกลับไป ใบหน้าที่ตราตรึงเข้าไปในกระดูก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ
“เฟิง…” เธอเรียกชื่อเขาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ทราบว่าน้ำส้มอยู่ตรงไหนครับ”
จิ้นเฟิงเฉินถามซ้ำ ขัดจังหวะเธอพูดพอดี น้ำเสียงที่เหินห่างและสุภาพของเขา ทำให้เธอได้สติกลับมาทันที
เธอควบคุมอารมณ์เศร้าของเธอไว้ แล้วเม้มปากยิ้มละไม “น้ำส้มอยู่ในตู้เย็นค่ะ ให้ฉันไปเอามาให้คุณไหมคะ”
จิ้นเฟิงเฉินยกยิ้มแล้วตอบ “ไม่เป็นไรครับ ผมไปเอาเองได้”
ยืนมองเขาเดินเข้าไปในครัว เจียงสื้อสื้อก็บีบฝ่ามือของเธอแน่น เพื่อระงับความรู้สึกไม่เจ็บปวดภายในอก
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องมองเขาในฐานะเจ้านายของที่นี่ แล้วลืมไปชั่วคราวว่าเขาเป็นเฟิงเฉินของเธอ
จิ้นเฟิงเฉินเดินออกมาพร้อมกับน้ำส้มในมือ เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเธอ ก่อนจะมองเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามยิ้มๆ “คุณมาใหม่เหรอครับ”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกประหลาดใจ “คุณรู้ว่าฉันมาใหม่เหรอคะ”
“ผมก็กำลังถามคุณอยู่นี่ไง” จิ้นเฟิงเฉินคิดว่าเธอซื่อบื้อเล็กน้อย
“อ๋อ” เจียงสื้อสื้อก็นึกขึ้นมาได้ทันที “ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งมาใหม่”
“หยวนหยวนบอกผมว่ามีสาวใช้เข้ามาใหม่หลายคน ผมก็นึกว่าจะอายุค่อนข้างสูง คิดไม่ถึงว่าจะอายุน้อยขนาดนี้”
เจียงสื้อสื้อหุบยิ้ม “อย่างนั้นเหรอคะ”
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินเปิดน้ำส้มขึ้นมาดื่ม แล้วถามออกไปลอยๆ “คุณเป็นคนเมืองหลวงเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วคุณรู้ไหมว่าที่เมืองหลวงมีที่เที่ยวที่สนุกที่ไหนบ้าง”
“คุณอยากจะออกไปเที่ยวเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อไม่ได้ตอบเขา แต่กลับถามลองเชิงดู
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าตามความจริง “ถูกต้องครับ อยู่บ้านมันน่าเบื่อ ผมอยากออกไปเดินเล่น”
“คุณหนูยอมให้คุณออกไปเหรอคะ”
ดูจากความระมัดระวังของซ่างกวนหยวน ต้องไม่ยอมให้เขาออกไปข้างนอกแน่นอน เพราะตอนนี้ตระกูลจิ้นกับตระกูลฟางต่างก็รู้ว่าเขากลับมาแล้ว
“ไม่ยอม” จิ้นเฟิงเฉินเม้มริมฝีปากของเขา ดูไร้เดียงสาแต่กลับอ่อนโยนด้วย “เธอคงกลัวอะไรบางอย่าง จึงไม่ยอมให้ผมออกไปข้างนอกคนเดียว”
เพราะแย่งชิงคนรักของคนอื่นมา ซ่างกวนหยวนถึงได้กลัว
กลัวจะเสียเขาไป
เจียงสื้อสื้อแสยะยิ้ม “ถ้าคุณต้องการล่ะก็ วันหลังฉันจะแอบพาคุณออกไปเดินเล่นเองค่ะ”
ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินเป็นประกายขึ้นมาทันที “คุณพูดจริงเหรอครับ”
“จริงค่ะ แต่ต้องรอให้คุณหนูไม่อยู่บ้านก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ตกลงตามนี้นะครับ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ได้ค่ะ ตกลงตามนี้”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มราวกับเด็กไร้เดียงสา
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าเขาความจำเสื่อมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะเธอไม่เคยเห็นเขายิ้มได้สบายใจและมีความสุขขนาดนี้มาก่อน
เธอมองเขาอย่างลึกซึ้ง อยากจะจดจำท่าทางของเขาในตอนนี้ไว้ในสมอง
“เฟิงเฉินคะ”
เสียงของซ่างกวนหยวนดังมาจากข้างนอก
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อเปลี่ยนไปทันที จะให้ซ่างกวนหยวนเห็นไม่ได้ว่าเธอกับจิ้นเฟิงเฉินเจอกันแล้ว
ดังนั้น เธอจึงพูดเสียงต่ำ “อย่าบอกว่าคุณเจอฉันนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินดูงุนงงกับคำพูดของเธอมาก“หมายความว่ายังไงครับ”
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะว่าหมายความว่ายังไง ทำตามที่ฉันพูดก็พอแล้ว”
พอพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็รีบเข้าไปซ่อนในห้องครัว
ซ่างกวนหยวนเดินเข้าไปในห้องอาหาร เห็นจิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่ในนั้น จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ผมหิวน้ำ อยากจะดื่มน้ำส้มครับ” จิ้นเฟิงเฉินยกน้ำส้มในมือขึ้นดื่ม
ซ่างกวนหยวนพยักหน้า แล้วมองไปรอบๆ “คุณเห็นคนอื่นอีกไหมคะ”
“ผม…” จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงคำพูดของเจียงสื้อสื้อขึ้นมา จึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่ครับ”
“จริงเหรอคะ” ซ่างกวนหยวนรู้สึกไม่เชื่อ
จิ้นเฟิงเฉินยกยิ้ม “จริงครับ ผมอยู่คนเดียว”
ซ่างกวนหยวนมองไปรอบๆ อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีคนอื่นอยู่จริงๆ
เธอแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพาจิ้นเฟิงเฉินเดินออกไป “ฉันพาคุณออกไปเดินเล่นค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินตอบรับพร้อมกับมองกลับไปที่ห้องครัว
เห็นแค่เจียงสื้อสื้อโผล่หน้าออกมา
เขายิ้ม แล้วยกนิ้วขึ้นมาทำท่าทาง “โอเค”
เธอยิ้ม ดวงตาของเธอยิ้มเป็นรูปพระจันทร์ ดูน่ารักมาก
มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขา เร็วจนจิ้นเฟิงเฉินไม่ทันสังเกต
รอยยิ้มของเธอค่อยๆ จางลง
เมื่อตะกี้มันคืออะไรกันแน่
พอเดินออกจากบ้าน ซ่างกวนหยวนหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน ถึงพบว่าสีหน้าของเขาผิดปกติไป
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอรีบถาม
จิ้นเฟิงเฉินลืมตาขึ้นมามองเธอ นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “เมื่อตะกี้มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของผม”
พอซ่างกวนหยวนได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วรีบถามต่อ “คืออะไรคะ”
“มันเร็วมากครับ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “คุณคิดว่ามันจะเป็นอะไรครับ”
ที่แท้เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ซ่างกวนหยวนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเอ่ยพูด “ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ช่างเถอะค่ะ เราไปเดินเล่นตรงนั้นกันเถอะนะคะ”
พอเธอพูดแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่คิดอะไรมากอีก ก่อนจะถูกเธอพาไปที่สวนหลังบ้าน
……
ในที่สุดก็ได้เจอกับเฟิงเฉินสักที
เจียงสื้อสื้อเดินออกจากห้องครัว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ถึงแม้เขาจะลืมเธอไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ต่อต้านตนเอง
นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
หวังว่าเวลาต่อจากนี้ เธอจะได้เจอเขาบ่อยๆ
พ่อบ้านเดินเข้ามา เห็นเธอนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้เพียงลำพัง เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วถามออกมา “ซูหยุน เธอยิ้มอะไร”
เสียงที่ดังขึ้นมาทำให้เจียงสื้อสื้อได้สติกลับมา พอเห็นพ่อบ้าน ก็รีบลุกขึ้นยืน “ลุงจาง”
“ยิ้มอะไรอยู่” พ่อบ้านถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
เจียงสื้อสื้อเกาศีรษะ แล้วตอบอย่างเคอะเขิน “ไม่มีอะไรค่ะ”
“ไม่ว่าจะยิ้มอะไร แต่ตอนทำงานต้องจริงจัง รู้ไหม”
“ฉันรู้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
พ่อบ้านหันมองออกไปข้างนอก ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบถาม “เมื่อตะกี้คุณชายเฟิงเฉินเข้ามาในห้องครัวใช่ไหม”
เจียงสื้อสื้อแสร้งทำเป็นตื่นตกใจ“เหรอคะ ทำไมฉันไม่เห็นมันล่ะคะ”
“ไม่เห็นก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณหนูรู้เข้า เธอเจอปัญหาแน่ๆ” พ่อบ้านถลึงตามองเธ “จากนี้ไป ถ้าเห็นคุณชายเฟิงเฉินเข้ามาในห้องครัว เธอต้องหลบหน้าไว้ อย่าให้เขาเห็น”
เจียงสื้อสื้อส่งเสียง “อ้อ”ออกมา แล้วถามด้วยความสงสัย “ลุงจางคะ ทำไมคุณหนูไม่ให้ฉันไปเจอกับคุณชายเฟิงเฉินล่ะคะ”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรจะถาม” พ่อบ้านสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงต่อว่า “จำไว้ว่าอยู่ที่นี่ พูดให้น้อยทำให้มากรับรองว่าจะไม่มีปัญหา เธอเป็นแค่สาวใช้ อย่าคาดเดาเกี่ยวกับความคิดของเจ้านาย เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อก้มหน้าลง
เห็นแก่ที่เธอเชื่อฟัง พ่อบ้านก็อดที่จะพูดเพิ่มเติมไม่ได้ “ซูหยุน ถึงแม้ตระกูลซ่างกวนคุณชายเป็นผู้นำตระกูล แต่ที่จริงแล้วคุณชายใส่ใจคุณหนูมาก และมักจะฟังคำพูดของเธอเสมอ”
“ลุงจาง ฉันรู้ค่ะ ต่อไปนี้ฉันจะพูดให้น้อยทำให้มาก จะไม่สร้างปัญหาให้ลุงจางแน่นอนค่ะ” เจียงสื้อสื้อรับประกันกับเขา
พ่อบ้านยิ้มอย่างพอใจ “ฉันเชื่อเธอ”
เขามองไปรอบๆ แล้วเอ่ยพูด “ทำงานต่อเถอะ ฉันจะออกไปแล้ว”
หลังจากที่ลุงจางออกไป เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง ดูเหมือนเธอจะต้องระวังให้มากกว่านี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะสูญเปล่าจนหมด