ทานอาหารเช้าแล้ว เจียงสื้อสื้อขึ้นชั้นบนไปกับป้าเฉิน
“ซูหยุน ที่นี่คือห้องของคุณหนู ข้าวของในห้องล้วนมีราคาแพงมาก เธอต้องระมัดระวังหน่อย อย่าทำเสียหาย รู้มั้ย” ป้าเฉินกำชับ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ”
“งั้นเธอค่อยๆทำความสะอาดไปนะ ฉันจะลงไปชั้นล่าง มีเรื่องอะไรก็เรียกฉัน”
หลังจากมองเห็นป้าเฉินเดินลงไปชั้นล่างแล้ว เจียงสื้อสื้อจึงได้เดินเข้าห้อง มองไปรอบๆ
การตกแต่งด้วยโทนสีเทา-น้ำเงิน บวกกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรป การตกแต่งสไตล์ยุโรปนั้นสวยงามมากทีเดียว ซึ่งยังเข้ากับสุนทรียศาสตร์ของซ่างกวนหยวนอีกด้วย
แต่ว่าห้องนี้เป็นห้องที่จิ้นเฟิงเฉินพักอยู่ชั่วคราว
คิดมาถึงตรงนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในอากาศมีกลิ่นสดชื่นบริสุทธิ์เฉพาะตัวของจิ้นเฟิงเฉินอยู่จริงๆ
เธอมีความสับสนขึ้นมาในใจทันที ตอนนี้ผู้ชายของเธอนอนอยู่บนเตียงของผู้หญิงอื่น แม้พวกเขาจะไม่ได้นอนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ภายในใจก็ยังมีความไม่สบายใจอยู่บ้างเล็กน้อย
เธอมองไปยังเตียงใหญ่ตรงกลางห้องนั้น ดวงตาค่อยๆหรี่เล็ก ไม่ได้ ต้องคิดหาวิธีให้เฟิงเฉินฟื้นความทรงจำ ไม่อย่างนั้นเป็นแบบนี้ต่อไปเธอต้องตายเพราะความหึงหวงก่อนแน่
มีห้องแต่งตัวเสริมขึ้นมาในห้อง เจียงสื้อสื้อใช้เวลาครึ่งวันจึงทำความสะอาดเสร็จ
ตอนที่เดินออกจากห้อง เธอหันกลับไป มองห้องทั้งห้อง มุมปากยกขึ้น แม้จะไม่สบายใจ แต่ก็หวังว่าทุกวันเฟิงเฉินจะนอนหลับสบายดี
ดังนั้น เธอจึงตั้งใจทำความสะอาดเป็นพิเศษ ทุกซอกทุกมุมก็ไม่ปล่อยผ่าน
“ซูหยุน เธอทำความสะอาดเสร็จแล้วเหรอ” ป้าเฉินขึ้นมาชั้นบนพอดี มองเห็นเธอยืนอยู่ตรงประตู ก็เดินมาถาม
“อืม ทำเสร็จแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อหันมายิ้มกับเธอ
“งั้นก็ลงไปชั้นล่างเถอะ อย่ามายืนอยู่ที่นี่”
ป้าเฉินกลัวว่าถ้าซ่างกวนหยวนกลับมาเห็นว่าเธอยังอยู่ที่ชั้นบน จะโกรธ ถึงเวลาก็จะพลอยทำให้ตนเองเดือดร้อนไปด้วย
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อปิดประตูเบาๆ
ใกล้จะเย็นแล้ว ซ่างกวนหยวนและจิ้นเฟิงเฉินถึงจะกลับมา
พอเข้าประตู ซ่างกวนหยวนก็ถาม “ทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
พ่อบ้านรีบตอบว่า “ทำความสะอาดตามที่คุณสั่งแล้วครับ”
ซ่างกวนหยวนพยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นก็ดี”
เจียงสื้อสื้อพอได้ยินว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งออกไป
เธอไม่เห็นเขาหนึ่งวัน ในใจก็คิดถึงเขาจนแทบทำให้เธอตายได้
แต่เธอเพิ่งจะวิ่งมาที่ประตูห้องครัว ก็ถูกป้าเฉินรั้งตัวไว้
“เธอจะไปไหน” ป้าเฉินขมวดคิ้ว มองเธออย่างระแวงสงสัย
เจียงสื้อสื้อใจเย็นลงทันที หัวเราะแห้งๆ “เปล่าค่ะ”
พูดจบ เธอกลับไปที่ข้างอ่างน้ำ ล้างผักที่เมื่อครู่ยังล้างไม่เสร็จต่อ
ป้าเฉินตามมา กำชับว่า “เธออย่าลืมว่าคุณหนูไม่ชอบให้เธอไปปรากฏตัวต่อหน้าท่าน เธออย่าทำทั้งที่รู้ว่ามันผิดจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นจะพลอยทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปด้วย”
เจียงสื้อสื้อฉีกยิ้มมุมปาก “อืม ฉันรู้แล้วค่ะ”
ป้าเฉินมองเธออย่างพินิจพิจารณา แล้วจึงหมุนตัวกลับไปทำงานตัวเอง
เจียงสื้อสื้อจ้องมองน้ำไหล คิ้วเรียวขมวด จะปล่อยให้ซ่างกวนหยวนมาขัดขวางเธอไม่ให้พบกับจิ้นเฟิงเฉิน เพียงเพราะไม่ชอบเธอไม่ได้
เธอต้องคิดหาวิธีไปพบจิ้นเฟิงเฉินให้ได้
สายตาของเธอกวาดตามองไปยังผักที่ล้างเสร็จแล้วอยู่ข้างๆอ่างน้ำนัยน์ตาส่องแสงเปล่งประกาย มุมปากค่อยๆยกขึ้น
เธอรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรดี
ตอนกลางคืน ซ่างกวนเชียนกลับมา
ซ่างกวนหยวนและจิ้นเฟิงเฉินนั่งลงเตรียมจะรับประทานอาหารค่ำพอดี
พอเขาเข้ามาที่ห้องอาหาร ก็เอ่ยปากถามว่า “วันนี้พวกคุณไปโรงพยาบาลแล้วเหรอ”
ซ่างกวนหยวนไม่เงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า”อืม”
ซ่างกวนเชียนเคยชินกับท่าทีของเธอ ลากเก้าอี้ตรงข้ามเธอออกมานั่งลง สายตามองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ชินกับการพักอยู่ที่นี่หรือยัง”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ชินแล้วครับ”
“งั้นก็ดีแล้ว” ซ่างกวนเชียนมองไปรอบๆ “ใช่แล้ว ผมไม่ได้หาคนรับใช้ใหม่มาคนหนึ่งเหรอ ทำไมไม่เห็นเลย”
“พวกเธอต่างก็ทำงานยุ่งกันอยู่” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆตอบ
ซ่างกวนเชียนพยักหน้า สายตามองไปที่จิ้นเฟิงเฉินต่อ “ในบรรดาคนรับใช้ใหม่นี้ ผมเลือกคนที่ฉลาดมีไหวพริบเอาไว้คนหนึ่ง เพื่อดูแลนาย มีเรื่องอะไรต้องการให้ช่วยก็บอกเธอได้เลยนะ”
“ดูแลผมเหรอครับ” จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองซ่างกวนหยวน คิ้วเรียวขมวดมุ่น “ไม่มีนี่ครับ ไม่มีคนรับใช้มาดูแลผมนะ”
“ไม่มีเหรอ” ซ่างกวนหยวนหันไปมองพ่อบ้านด้วยสายตาสงสัย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขากำชับเอาไว้แล้วเหรอ
พ่อบ้านสบสายตากับเขา ก็รีบก้มศีรษะทันที ตอบด้วยความสัตย์ว่า “คุณหนูบอกว่าไม่จำเป็นครับ ผมก็เลยไม่ได้จัดเตรียมคนมา”
เวลานี้ เสียงที่เย็นชาของซ่างกวนหยวนก็ดังขึ้นในห้องอาหารที่ใหญ่โต “เฟิงเฉินมีฉันดูแลก็พอแล้ว ไม่ต้องรบกวนพี่”
ได้ยินดังนั้น ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว ”หยวนหยวน เธอต้องเกรงใจกันขนาดนี้เลยเหรอ พี่ก็แค่อยากให้เธอผ่อนคลายสบายลงหน่อย”
“ความหวังดีของคุณ ฉันจะรับไว้ด้วยใจ”
ซ่างกวนหยวนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อไป จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ทานข้าวเถอะค่ะ”
ซ่างกวนเชียนเห็นท่าทางที่ไม่อยากจะพูดอะไรกับเขาของเธอ ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ผุดขึ้นที่ก้นบึ้งหัวใจ
ตกลงต้องรอถึงเมื่อไหร่กัน ที่เธอจะยอมปล่อยวางอคติที่มีต่อเขาได้
ตอนที่ทานอาหารไปได้ครึ่งหนึ่งนั้น จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินก็ถามว่า “ในน้ำแกงทำไมถึงมีผักชีได้”
ทุกคนต่างมองไปในชามของเขา ตอนที่มองเห็นผักชีลอยอยู่ในน้ำแกง ซ่างกวนเชียนก็ขมวดคิ้ว “คุณไม่กินผักชีเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่กิน แต่ไม่ชอบครับ” จิ้นเฟิงเฉินทำหน้ารังเกียจ
ซ่างกวนหยวนหันไป สายตาดุร้ายพุ่งไปที่พ่อบ้าน “อาหารค่ำวันนี้ใครเป็นคนเตรียม”
“คือคนที่ห้องครัวเตรียมครับ” ทันใดนั้นพ่อบ้านก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เรื่องนี้คงไม่ได้เกี่ยวกับซูหยุนอีกหรอกนะ
ตอนนี้ ซ่างกวนเชียนพูดว่า “พ่อบ้าน เรียกคนครัวทั้งหมดมา”
พ่อบ้านเหลือบมองไปยังซ่างกวนหยวนด้วยจิตใต้สำนึก ตอบว่า”ครับ” แล้วหมุนตัวไปที่ห้องครัว
ตอนที่ได้ยินว่าซ่างกวนเชียนให้คนครัวทั้งหมดออกไป เจียงสื้อสื้อมีสีหน้าดีใจ
ในที่สุดก็ได้พบเฟิงเฉินแล้ว
เธอเดินตามหลังพวกของป้าเฉินไปที่ห้องอาหาร เปลือกตายกขึ้นเบาๆ สายตามองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน
วินาทีที่มองเห็นเขา หัวใจที่กระวนกระวายมาทั้งวันก็ได้รับการปลอบโยนทันที
ซ่างกวนเชียนกวาดสายตามองไปยังหลายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง หยุดสายตามองที่เจียงสื้อสื้อนานหลายวินาที จึงเลื่อนไปมองที่อื่น
แต่ตอนที่ซ่างกวนหยวนมองเห็นเจียงสื้อสื้อนั้น ดวงตาหรี่มอง สีหน้าเย็นเยือกขึ้นมาเล็กน้อย
“น้ำแกงในคืนนี้ใครเป็นคนทำ” ซ่างกวนเชียนถามเสียงดุ
ป้าเฉินกับอีกหลายๆคนหันหน้าไปมองทางเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อยกมือด้วยตนเอง “คุณชายคะ น้ำแกงฉันเป็นคนทำค่ะ”
ซ่างกวนเชียนเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ อึ้งตะลึงแล้วจึงตั้งสติกลับมา ถามอีกว่า “เธอไม่รู้เหรอว่าคุณชายเฟิงเฉินไม่ชอบกินผักชี”
“ไม่ชอบกินผักชีเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อตกตะลึง จากนั้นก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รีบก้มหน้า อธิบายอย่างตื่นตระหนกว่า “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณชายเฟิงเฉินไม่กินผักชี ถ้าฉันรู้ ก็คงไม่ใส่ผักชีไปในน้ำแกงหรอกค่ะ”
ซ่างกวนเชียนถอนหายใจ “อย่างนั้นต่อไปก็ระวังหน่อย อย่าทำผิดแบบนี้อีก”
“ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า
“ไปได้แล้ว”
ตอนที่หมุนตัวเดินจากไปนั้น เจียงสื้อสื้อมองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน ก็พบว่าเขาก็กำลังมองตนเองอยู่
นัยน์ตาคู่นั้นยังคงลึกล้ำดำขลับเหมือนเช่นเดิม