ซ่างกวนหยวนมองเจียงสื้อสื้อเดินจากไป คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงมองไปยังผู้ชายที่นั่งตรงข้ามอย่างระแวง
“ทำไมพี่ถึงอยากให้ซูหยุนคนนั้นมาดูแลเฟิงเฉินด้วย”
ซ่างกวนเชียนที่กำลังคีบอาหารอยู่ชะงัก ก่อนจะกลับเป็นปกติทันที ริมฝีปากบางขยับ “พี่เพิ่งบอกไปแล้วว่า เธอเป็นคนที่ฉลาดมีไหวพริบที่สุดในบรรดาคนรับใช้ใหม่”
“จริงเหรอ” ซ่างกวนหยวนหรี่ตา “ทางที่ดีพี่อย่าคิดวางแผนอะไรจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นฉัน……”
“ไม่อย่างนั้นเธอจะทำไม” ซ่างกวนเชียนตัดบทเธอ วางตะเกียบลงมองมาที่เธอ หัวเราะเยาะ “เธอคิดว่าจะไม่ปล่อยพี่เอาไว้เหรอ หรือว่าจะยึดเอาอำนาจการบริหารของซ่างกวนกรุ๊ปกลับไปล่ะ”
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วแน่น
ความจริงแล้วเธอก็แค่คิดจะเตือนเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรเขาจริงๆ
“ผมอิ่มแล้ว พวกคุณค่อยๆทานไปแล้วกัน”
ซ่างกวนเชียนลุกขึ้น เดินออกจากห้องอาหารไปโดยไม่หันมามองเลย
“พี่ชายคุณโกรธเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
ซ่างกวนหยวนยิ้มอ่อนๆ “ไม่ต้องสนใจเขา พวกเรากินเสร็จแล้วก็ขึ้นชั้นบนกัน”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ได้”
ทานอาหารเสร็จแล้ว ซ่างกวนหยวนกับจิ้นเฟิงเฉินก็ขึ้นชั้นบน กลับไปที่ห้อง
มองไปทั่วทั้งห้อง จิ้นเฟิงเฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “ปัดกวาดเช็ดถูได้สะอาดมากเลยนะ ซูหยุนคนนั้นมีไหวพริบดีมาก เหมือนที่พี่ชายคุณบอก”
น้ำเสียงของเขาฟังแล้วดูเหมือนสนิทสนมคุ้นเคยกับซูหยุนคนนั้นมาก
ซ่างกวนหยวนหรี่ตามอง “คุณจำเธอได้เหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินหวนนึกถึงคำพูดที่ซูหยุนกำชับไว้ อธิบายว่า “ผมแค่สูญเสียความทรงจำ ไม่ได้ว่าความจำไม่ดี คนที่เคยเห็นก็ต้องจำได้แน่นอนสิ”
“ต่อไปอยู่ห่างๆเธอหน่อย”
ซ่างกวนหยวนหมุนตัวเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดกล่องเครื่องประดับออก ดวงตาจ้องมองไปยังเครื่องประดับที่วิจิตรประณีตด้านใน นัยน์ตาเปล่งแสงสว่างวาบ
“ทำไม” จิ้นเฟิงเฉินเดินมา ถามด้วยความอยากรู้
เขารู้สึกว่าซูหยุนคนนั้นก็ไม่เลว และยังให้ความรู้สึกที่สบายใจกับเขา ไม่มีอะไรน่ารังเกียจเลยสักนิด
“อยากฟังความจริงมั้ย” ซ่างกวนหยวนหมุนตัวมา สายตาจับจ้องมาที่เขา
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “แน่นอนว่าอยากฟังความจริง”
“ฉันไม่ชอบหล่อน”
จิ้นเฟิงเฉินอึ้งตะลึง โพล่งออกมาตามสัญชาตญาณว่า “ทำไมล่ะ เธอไม่ดีตรงไหน”
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “เฟิงเฉิน นี่คุณกำลังทวงความยุติธรรมแทนหล่อนเหรอ”
“ไม่ใช่ ผมก็แค่ถามเท่านั้นเอง” จิ้นเฟิงเฉินจับศีรษะ ยิ้มอย่างเคอะเขิน
“ไม่ชอบใครสักคน นั่นก็เพราะว่าอีกฝ่ายไม่มีอะไรดี”
ซ่างกวนหยวนปิดกล่องเครื่องประดับ ยิ้มอย่างอ่อนโยนกับเขา “ฉันยังมีธุระต้องไปทำ ไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณแล้วนะคะ คุณเองก็พักผ่อนอยู่ในห้องนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินส่งเสียง “อืม” ”คุณอย่าทำงานจนดึกเกินไปล่ะ ต้องพักผ่อนเร็วหน่อย”
“ฉันรู้ค่ะ”
ในสายตาของจิ้นเฟิงเฉิน ซ่างกวนหยวนยิ้มพลางเดินออกไป
วินาทีที่ประตูปิดลงนั้น ใบหน้าเธอก็เย็นยะเยือกลงทันที
……
เจียงสื้อสื้อเก็บของในห้องครัวเสร็จ ก็เตรียมกลับไปพักที่ห้องของตนเอง
ตอนที่ผ่านบันไดนั้น เธอเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นสอง แววตาเศร้าเล็กน้อย
ผู้ชายของเธอตอนนี้กำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
แม้เขาจะลืมเธอไปแล้ว ก็โทษเขาไม่ได้ แต่เธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวด
รอให้เขาฟื้นความทรงจำกลับมา ถึงตอนนั้นเธอค่อยคิดบัญชีกับเขา
คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เธอสามารถจินตนาการได้ว่า ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินรู้เรื่องตัวเองกับซ่างกวนหยวน จะต้องรู้สึกเสียใจมาก ถึงเวลาต้องมีสีหน้าท่าทางตลกมากแน่นอน
คิดแบบนี้ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
เธอหมุนตัว ยกขาเตรียมเดินไปที่ห้อง
ตอนนี้เอง ก็มีเสียงของซ่างกวนหยวนดังอยู่ด้านบนศีรษะเธอ
“ซูหยุน เธอหยุดก่อน”
เจียงสื้อสื้อชักเท้ากลับ หันไปมองตามเสียง ก็เห็นซ่างกวนหยวนค่อยๆเดินลงบันไดมาทีละก้าวๆ สายตาเย็นเยือกจ้องมองเธอเขม็ง
เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างที่ก้นบึ้งหัวใจอย่างไม่รู้ตัว
คุณหนูคนนี้คงไม่คิดจะมาหาเรื่องเธออีกนะ
ในใจคิดเช่นนี้ แต่ปากกลับเรียกเธออย่างเคารพนอบน้อมว่า “คุณหนู”
ซ่างกวนหยวนเดินมาตรงหน้าเธอ มองเธออย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเย็นชา ริมฝีปากแดงขยับ “วันนี้ตอนเธอทำความสะอาดห้องของฉัน เห็นอะไรหรือเปล่า”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “คุณหนู ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหนูหมายความว่าอะไร คุณช่วยพูดให้เข้าใจหน่อยได้มั้ยคะ”
ซ่างกวนหยวนสองมือกอดอก หมุนตัวเดินไปทางห้องรับแขกพลาง พูดไปพลางว่า “ฉันเพิ่งกลับไปที่ห้อง พบว่าสร้อยคอหายไปเส้นหนึ่ง”
นัยน์ตาเจียงสื้อสื้อสว่างวาบ นี่เธอคิดจะใส่ร้ายป้ายสีตนเองเหรอ
เธอเดินไป ก้มหน้า “ฉันไม่เห็นสร้อยคออะไรเลยค่ะ และก็ไม่รู้ว่าสร้อยอะไรด้วยค่ะ”
“ไม่รู้เหรอ” ซ่างกวนหยวนหมุนตัว หรี่ตามอง ในตาฉายความดุร้ายออกมา “ซูหยุน เธอรู้มั้ยว่าพูดโกหกในบ้านตระกูลซ่างกวนจะมีจุดจบยังไง”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าอย่างตื่นตระหนก “คุณหนู ฉันไม่ได้โกหกนะคะ ที่ฉันพูดเป็นความจริง!”
ซ่างกวนหยวนส่งเสียงฮึ่มในลำคอ นั่งลง ขาสองข้างไขว่ห้าง พูดเสียงดุดันว่า “ฉันจะให้โอกาสเธออีกหนึ่งครั้ง ขอแค่เธอพูดความจริง ครั้งนี้ฉันก็จะไว้ชีวิตเธอ”
ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็จะต้องบีบเธอ ให้ยอมรับในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำเหรอ
เจียงสื้อสื้อบีบมือ จากนั้นก็คลายออก เงยหน้าขึ้น พูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “คุณหนู วันนี้ฉันก็ทำตามคำสั่งของคุณหนู ทำความสะอาดห้องของคุณให้สะอาดเรียบร้อย แต่ฉันไม่เห็นสร้อยเส้นไหนของคุณเลยนะคะ”
ซ่างกวนหยวนจ้องเธอตาไม่กะพริบ คิดไม่ถึงว่าเธอจะปากแข็งมากทีเดียว
เวลานี้ ซ่างกวนเชียนเดินลงมาจากบันได มองเห็นพวกเธอสองคน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เอ่ยถามว่า “พวกเธอกำลังทำอะไรกัน”
ซ่างกวนเชียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของซูหยุน
ตอนแรกที่เธอเข้ามาบ้านตระกูลซ่างกวนได้อย่างราบรื่น เพราะซ่างกวนเชียนรับปากกับพี่ชายเธอว่า จะช่วยเหลือเธอ ไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดอะไรแน่นอน
คิดมาถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อก้มหน้า ตอบไปตามความจริง “คุณชาย คุณหนูบอกว่าเธอทำสร้อยคอหายค่ะ เธอสงสัยว่าฉันเป็นคนขโมยไปค่ะ”
ซ่างกวนเชียนมองเธอแวบหนึ่ง แล้วมองไปที่ซ่างกวนหยวน ถามว่า “หยวนหยวน เธอทำสร้อยคออะไรหาย”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ ฉันจะจัดการเอง” ซ่างกวนหยวนเหล่มองเขาอย่างเย็นชา แสดงความหมายว่าไม่อยากให้เขามายุ่งวุ่นวายเรื่องของเธออย่างชัดเจนบนใบหน้า
“ในเมื่อเรื่องมันเกิดในบ้านซ่างกวน งั้นก็ต้องเกี่ยวกับพี่”
ซ่างกวนเชียนมองไปยังเจียงสื้อสื้อ ถามว่า “เธอตอบด้วยความซื่อสัตย์ ว่าเธอได้หยิบสร้อยคอของคุณหนูไปหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
ซ่างกวนเชียนพยักหน้า หันไปมองซ่างกวนหยวน “พี่เชื่อว่าเธอไม่ได้หยิบสร้อยของน้องไป ไม่อย่างนั้นลองไปหาดู อาจจะอยู่ที่ซอกมุมไหนในห้อง”
“เธอบอกว่าไม่ได้ทำ พี่ก็เชื่อเหรอ” ซ่างกวนหยวนหัวเราะเยาะ สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยการดูถูก “ซ่างกวนเชียน คุณยอมเชื่อคนนอกคนหนึ่ง มากกว่าที่จะยอมเชื่อฉันเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อเธอ ” ซ่างกวนเชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “แต่ว่าพี่ไม่อยากใส่ร้ายใครส่งเดช อีกอย่างซูหยุนดูไปแล้วก็ไม่เหมือนคนที่จะขโมยของได้”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เข้าใจมั้ย” ซ่างกวนหยวนลุกขึ้นยืน จ้องมองเจียงสื้อสื้ออย่างเยือกเย็น “ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอเป็นคนเอาสร้อยคอไปใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที เธอไม่รู้ว่าทำไมซ่างกวนหยวนถึงได้ไม่ชอบเธอขนาดนี้ ถึงขั้นคิดวิธีแบบนี้ออกมาใส่ร้ายเธอ