ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1795 : จุดสูงสุดของชีวิต

ตอนที่ 1795 : จุดสูงสุดของชีวิต

  แม้ว่าปราณสุสานจะกวาดไปทั่วและหายไปในพริบตา แต่ก็ทำให้ผู้คนใจสั่นและรู้สึกอึดอัดได้

  ปราณสุสานอันน่ากลัวนี้แม้แต่จางลู่ก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้า เขารู้สึกหวั่นใจ นี่ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆในโกลาหลเลย

  เขตตะวันออกตอนบน, เขตตะวันออกตอนล่าง, เขตใต้ตอนบนและเขตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นราชารึแม้แต่คนธรรมดาต่างก็รับรู้ถึงมัน !

   ปราณสุสานนี่แกร่งจริงๆ !” เนี่ยเวิ่นแสดงสีหน้าหนักใจออกมา ปราณสุสานนี้แข็งแกร่งซะจนเขายังรับรู้ได้ถึงอันตราย

  ต้นกำเนิดของปราณสุสานนี้อยู่ใกล้กับโลกป่า มันต้องมาจากสุสานสวรรค์แน่

  จางลู่คิ้วขมวด  จิตสุสานงั้นรึ ?”

  เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ จางลู่ก็หนักใจขึ้นมา  หากจิตสุสานออกมาจากสุสานและเข้ามายังโกลาหล งั้นชีวิตของทั้งโกลาหลก็จะตกอยู่ในอันตราย

  จางลู่หวังว่าปราณสุสานนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องผิดพลาด ไม่งั้นแล้วโกลาหลจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

   ข้าจะออกไปตรวจสอบดู ค่อยคุยกันทีหลัง” จางลู่ได้เดินทางไปยังต้นกำเนิดของปราณสุสานเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ แม้ว่าจะกลัวจิตสุสานแต่ครั้งนี้ยังไงเขาก็ต้องไปตรวจสอบสถานการณ์

  จางลู่พุ่งออกมาจากกำแพงโลกและปรากฏตัวที่โกลาหลทันที

  แม้ว่าปราณสุสานจะกวาดออกมาแค่ชั่วครู่และหายไปในทันที แต่ในโกลาหลนั้นก็ยังหลงเหลือคลื่นพลังของมันอยู่

  ตอนที่จางลู่กำลังจะไปตรวจสอบ เขาก็ได้รับข้อความจากจางหยู  ไม่ต้องไป รออยู่ที่โลกป่า”   จางลู่ถามขึ้นมา  เจ้าหมายความว่ายังไง ?”

   เจ้าจะรู้เองในไม่ช้า” จางหยูเหมือนจะอารมณ์ดี

  จางลู่สับสนอย่างมาก แต่ก็ยังเชื่อฟังคำสั่งของจางหยูและกลับไปที่สำนักคังเฉียง

  ที่ลานสำนัก

  ตอนนั้นเองในลานก็เต็มไปด้วยผู้คน หยวนเทียนจี, เย่ฟาน, อู่โม่และคนอื่นๆรวมไปถึงอาจารย์กับศิษย์ทุกคน ต่างก็มารวมตัวกันที่นั่น แม้ว่าจำนวนจะไม่มากนักแต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 หยวนเทียนจีและศิษย์สายตรงคนอื่นๆก็ขึ้นไปถึงระดับร้อยเท่าแล้ว

  จางเฮ่าหลันยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมขมวดคิ้วด้วยสีหน้ากังวล

  ที่ด้านล่างภูเขาร้างรวมไปถึงเมืองทะเลทราย ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมา

  ทุกคนรับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวนี้ มีแต่ต้องมาอยู่ใกล้กับภูเขาร้างที่มีสำนักคังเฉียงเท่านั้นที่พวกเขาจะรู้สึกสบายใจได้

  จ้านเทียนเกอ, หลินเป่ยชาน, เกลดันและคนอื่นๆรวมไปถึงซานเหอและเหยียนอู้ อีกทั้งพวกหุ่นเชิดที่โดนช่วยมาต่างก็มารวมตัวกันที่ตีนเขา

  สำหรับปราณสุสานที่แผ่ออกมาเมื่อตะกี้ พวกหุ่นเชิดนั้นรับรู้มันได้ดีที่สุด !

  ไม่มีใครรู้ถึงความน่ากลัวของมันได้ดีไปกว่าพวกเขาได้ ไม่มีใครกลัวมันไปมากกว่าพวกเขา

  ตอนที่จางลู่กลับไปที่สำนัก ศิษย์และอาจารย์ต่างก็พากันโล่งอก นอกจากจางเฮ่าหลัน, เฉินลู่ลู่กับตายายของจางหยูแล้ว คนที่เหลือต่างก็ทำความเคารพจางลู่แล้วตะโกนออกมา  เจ้าสำนัก !”

   เจ้ารู้รึไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?” จางเฮ่าหลันถามขึ้นมาด้วยความกังวล

  ทุกคนพากันมองไปที่จางลู่ ปราณสุสานเมื่อตะกี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวกันจริงๆ

  จางลู่ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะหัวเราะออกมา  ไม่ต้องกังวล มันไม่ใช่เรื่องแย่ รอสักครู่แล้วทุกคนจะรู้เองว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

  เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็สบายใจและไม่กังวลอีกต่อไป พวกเขาเชื่อในตัวจางหยู เป็นธรรมดาที่จะไม่สงสัยในคำพูดของจางลู่ เพราะในสายตาพวกเขาแล้วจางลู่ก็คือจางหยู

  ผ่านไปสักพักตอนที่ทุกคนกำลังเดาว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นก็มีเงาหนึ่งพุ่งผ่านกำแพงโลกป่ามา

  ต่อมาศิษย์และอาจารย์ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น  ฮาฮา นายท่าน ในที่สุดข้าก็ก้าวขึ้นเป็นราชาได้ !”

  นี่คือเสียงของเสี่ยวเสีย

  ทุกคนพากันมองไปที่เสี่ยวเสียที่ปรากฏตัวอยู่บนไหล่ของจางลู่  เสี่ยว…เสี่ยวเสียรึ ?”

  เมื่อคิดถึงคำพูดของจางลู่เมื่อตะกี้ ในหัวของทุกคนก็เกิดความคิดที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมา พวกเขาพากันมองไปที่เสี่ยวเสียด้วยสีหน้าตะลึง  เสี่ยวเสีย ตะกี้เจ้าเป็นคนทำรึ ?”

  ปราณสุสานอันน่ากลัวนั้นแม้แต่ราชาก็ยังรู้สึกอึดอัดและตัวสั่น นี่เป็นฝีมือของเสี่ยวเสียรึ ?

   ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้เกียจคร้าน ” จางลู่เองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ภายนอกนั้นเขายังแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมา

   พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน ?” เสี่ยวเสียเห็นทุกคนมารวมตัวกันจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา

   เจ้ายังไม่ตอบคำถามเราเลย !” หยวนเทียนจีจ้องเขม็งไปที่เสี่ยวเสีย

   เจ้าหมายถึงปราณสุสานรึ ?” เสี่ยวเสียยิ้มออกมา  ใช่ เป็นของข้าเอง ข้าไม่คิดว่าตอนที่ข้าขึ้นเป็นราชา ข้าจะควบคุมปราณสุสานได้ แม้แต่ร่างกายข้าก็ยังประกอบขึ้นมาจากปราณสุสาน เป็นยังไง ข้าแกร่งรึไม่?”

  มันราวกับภูมิใจก่อนจะมองไปที่จางลู่อย่างกับจะบอกว่า  ชมข้าสิ ชมข้าเร็วข้า”

   เจ้านี่ช่าง…” ศิษย์และอาจารย์ต่างก็พากันอึ้งแต่สุดท้ายพวกเขาก็อดบ่นกันออกมาไม่ได้  เจ้าทำให้เรากังวล ”

  จางลู่พูดขึ้นมา  เจ้ามั่นใจรึว่าเป็นแค่ราชา ?”

  คำถามนี้ทำให้ทุกคนหรือแม้แต่เสี่ยวเสียต่างก็รู้สึกสับสน

  อย่าโทษจางลู่ที่สงสัยเลย เพราะเขาพบว่าตัวเขาเองไม่อาจจะมองเสี่ยวเสียออกได้ เสี่ยวเสียเหมือนกับเงาที่แทบไม่ต่างจากจิตสุสาน ยิ่งเสี่ยวเสียควบคุมพลังของตัวเองไม่ให้รั่วไหลออกมา มันก็ยิ่งคาดเดาไม่ได้กว่าจิตสุสานเสียอีก

   น่า…น่าจะเป็นแบบนั้น? ” เสี่ยวเสียไม่มั่นใจ  แต่ข้ารู้สึกว่าข้าน่าจะฆ่าราชาทั่วไปได้ง่ายๆ”

  มันตามจางหยูไปเจอกับราชาหลายคนแต่ก็ยังกล้าพูดแบบนั้นออกมา มันเห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียนั้นน่ากลัวจริงๆ

  ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันอึ้งยิ่งกว่าเก่า

   ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด ” จางลู่มองไปที่เสี่ยวเสียด้วยสีหน้าซับซ้อน  ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะขึ้นมาถึงขอบเขตนี้ได้…”

   อะไรคือขอบเขตการสร้างไร้จำกัด?” ทุกคนต่างก็สับสน

   ขอบเขตของราชาแบ่งเป็นราชาทั่วไปกับการสร้างไร้จำกัด ” จางลู่พูดขึ้นมา  ในโกลาหลนั้นมีแค่สามคนที่ขึ้นไปถึงระดับนี้ได้ หนึ่งคือจิตสุสานสวรรค์, สองคือต้นไม้โกลาหล, สามคือไห่อู่เซิง และตอนนี้คงต้องเพิ่มอีกคนไปด้วย ”

  เมื่อได้ยินที่จางลู่พูดมา เสี่ยวเสียก็ตื่นเต้นและแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง  ข้าเสี่ยวเสีย ขึ้นมาอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัดแล้ว!”

  หลังจากที่โดนกดขี่มานาน ในที่สุดมันก็ยิ่งใหญ่สักที !

  ทั้งโกลาหลมีขอบเขตการสร้างไร้จำกัดแค่เพียงสามคน มันคือคนที่สี่รึ ?

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท