“ได้ เธอไม่ยอมพูดความจริงใช่มั้ย อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายนะ”
ซ่างกวนหยวนจ้องมองเธออย่างเย็นยะเยือก ส่งเสียงเรียกป้าเฉิน
“ป้าเฉิน คุณมาบอกสิว่า หล่อนเป็นคนเอาสร้อยคอไปหรือเปล่า”
“นี่……” ป้าเฉินมองเจียงสื้อสื้ออย่างไม่สบายใจ แล้วมองไปที่ซ่างกวนหยวนอีก พูดอ้ำๆอึ้งๆว่า “ความจริงแล้วฉัน……ฉันก็……ไม่แน่ใจ”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่างกวนหยวนหน้าบึ้งขึ้นมาทันที พูดเสียงดุว่า “ป้าเฉิน!”
ป้าเฉินอาศัยไหวพริบ โพล่งออกมาว่า “ค่ะ ฉันเห็นซูหยุนหยิบสร้อยคอของคุณหนูไป”
“ป้าเฉิน คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังพูดอะไร” มองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
ป้าเฉินหลบเลี่ยงสายตาเธอ ก้มหน้า สองมือกุมกันไว้ด้านหน้าอย่างกระสับกระส่าย
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้วแน่น “ป้าเฉิน ที่คุณพูดเป็นความจริงใช่มั้ย”
ตัวตนที่แท้จริงของซูหยุน เขารู้ดี ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเธอไม่มีทางขโมยสร้อยคอของหยวนหยวนเด็ดขาด
แต่ป้าเฉินกลับยืนยันว่าเธอเป็นคนหยิบไปอีก เรื่องนี้กลายเป็นยุ่งยากซับซ้อนขึ้นมาเลย
คิดมาถึงตรงนี้ เขามองไปยังซ่างกวนหยวน เห็นมุมปากเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มสะใจ เขาก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรได้ในชั่วพริบตา
“เป็นความจริงค่ะ คุณชาย” ตอนที่ป้าเฉินตอบ เธอก้มหน้าก้มตา ไม่กล้ามองเขา
“แจ้งตำรวจเถอะ” ซ่างกวนหยวนพูด
ได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อหันหน้าไป พูดอย่างตระหนกว่า “คุณหนู ฉันไม่ได้เอาสร้อยคอของคุณไปจริงๆนะคะ ป้าเฉินเธอโกหก!”
ซ่างกวนหยวนหัวเราะเยาะ “ป้าเฉินอยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวนมาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว ฉันไม่เชื่อเธอ แล้วจะเชื่อใคร”
“ฉัน……” เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าควรจะแก้ตัวให้ตัวเองอย่างไรในตอนนี้
ซ่างกวนหยวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมที่จะแจ้งตำรวจ
“เดี๋ยวก่อน” ซ่างกวนเชียนพุ่งไปกดที่มือเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว “แจ้งตำรวจไม่ได้”
ซ่างกวนหยวนเงยหน้า จ้องมองเขาอย่างเย็นเยือก “ทำไม คุณคิดจะช่วยเธอเหรอ”
“หยวนหยวน นี่มันเรื่องอะไรกัน ในใจเธอรู้ดีที่สุด” ซ่างกวนเชียนมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเธอ เสียงถอนหายใจดังออกมาจากริมฝีปาก “หล่อนก็แค่คนใช้คนหนึ่ง เธอจะกลั่นแกล้งหล่อนแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
“ฉันกลั่นแกล้งหล่อนเหรอ” เสียงแหลมสูงซ่างกวนหยวนดังขึ้นมา “หล่อนเป็นคนขโมยสร้อยคอของฉันนะ!”
“ฉันไม่ได้ขโมยนะคะ!” เจียงสื้อสื้อเถียงกลับไป เธอเองก็เริ่มโกรธบ้างแล้ว แต่ยังอดทนเอาไว้ได้ “ฉันไม่ได้ขโมยสร้อยคอของคุณเลยนะคะ”
“หึ” ซ่างกวนหยวนหันไปมองเธอ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูถูก “นี่เธอไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่มั้ย”
เจียงสื้อสื้อยืดหลังตรง พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันไม่ได้ขโมยก็คือไม่ได้ขโมย”
“ดี!” ซ่างกวนหยวนพยักหน้า ยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับไม่ได้เย็นชาเหมือนกับนัยน์ตา “ป้าเฉิน ไปหาที่ห้องเธอ ค้นให้หมดทุกซอกทุกมุมก็ห้ามปล่อย”
ป้าเฉินมองเจียงสื้อสื้อ จากนั้นก้มหน้า “ค่ะ”
เธอหมุนตัวเดินจากไปทันที
ซ่างกวนเชียนถอนหายใจ “หยวนหยวน ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นจริงๆ”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าซ่างกวนหยวนมองอะไรออกหรือ
แต่……
เขามองใบหน้าเจียงสื้อสื้อที่ผ่านการตกแต่งปลอมแปลงมาอย่างจริงจัง ขมวดคิ้ว ไม่มีพิรุธเลยสักนิดเดียว
“ซ่างกวนเชียน มีขโมยในบ้าน นอกจากคุณไม่ช่วยฉันจัดการแล้ว คุณยังคิดจะช่วยหัวขโมยอีกด้วย ฉันจะสงสัยได้มั้ยว่าคุณกับหล่อนมีความลับอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้”
สายคมกริบของซ่างกวนหยวนจ้องมาที่เขา
“ผมกับเธอจะมีความลับอะไรได้” ซ่างกวนเชียนละสายตากลับไป “แต่พี่รู้ดีมากว่านี่มันเกิดเรื่องอะไร”
พูดจบ เขาก็มองเธอด้วยความสงสัยอย่างลึกซึ้ง
ซ่างกวนหยวนเบนหน้าหนี หลบเลี่ยงสายตาของเขา “ที่นี่คือบ้านตระกูลซ่างกวน พี่คิดว่าพี่ก็น่าจะมีส่วนตัดสินใจได้บ้างนะ”
“มีแน่นอน แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง คิดจะให้เห็นอกเห็นใจคนอื่นก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง”
เจียงสื้อสื้อมองซ่างกวนเชียน รู้ว่าเขากำลังช่วยตนเอง แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาอาจจะช่วยอะไรเธอได้ไม่มาก
ด้วยนิสัยรอบคอบระมัดระวังตัวของซ่างกวนหยวน คงต้องเตรียมกับดักเอาไว้เรียบร้อยแล้วรอแค่เธอเข้าไปติดกับ เธอต้องหาวิธีช่วยเหลือตัวเอง เพื่ออยู่บ้านตระกูลซ่างกวนต่อไปให้ได้
ตอนนี้เอง ป้าเฉินเดินพรวดพราดเข้ามา “คุณหนู ฉันเจอสร้อยคอเส้นนี้อยู่ใต้หมอนของซูหยุนค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นของคุณหนูหรือเปล่า”
ได้ยินดังนั้น ซ่างกวนหยวนก็รีบพูดว่า “หยิบมาให้ฉันดูหน่อย”
ป้าเฉินส่งสร้อยคอที่หาเจอไปให้
เจียงสื้อสื้อมองเห็นสร้อยคอเส้นนั้น มุมปากก็กระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น นี่วางแผนทุกอย่างไว้เป็นอย่างดีแล้วนี่ ถึงขนาดที่ว่านำสร้อยคอไปไว้ที่ใต้หมอนของเธอเอาไว้ก่อนแล้วด้วย
วินาทีที่หยิบสร้อยคอ ซ่างกวนหยวนก็พูดทันทีว่า “ใช่ นี่คือสร้อยคอของฉัน”
จากนั้น เธอก็หันหน้าไปทางเจียงสื้อสื้อ แววตาดุร้ายมากกว่าปกติ “ตอนนี้มีทั้งพยานและหลักฐาน เธอยังกล้าเถียงอีกมั้ย”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว พูดเสียงดังฟังชัดว่า “ฉันไม่ได้ขโมยสร้อยคอของคุณ และก็ไม่รู้ว่าสร้อยเส้นนี้ไปอยู่ใต้หมอนของฉันได้ยังไง”
“ป้าเฉิน แจ้งตำรวจ ฉันไม่เชื่อว่าเธออยู่ต่อหน้าตำรวจจะยังกล้าปากแข็งแบบนี้อยู่มั้ย” ซ่างกวนหยวนหรี่ตามอง ในดวงตาแฝงด้วยความโหดเหี้ยม
เจียงสื้อสื้อฉีกยิ้มมุมปากเบาๆ สบตาเธออย่างไม่กลัวเกรง “คุณหนู ตำรวจมา ฉันก็ยังตอบเหมือนเดิม ใช่แล้ว ไม่ได้มีกล้องวงจรปิดเหรอคะ พวกเราสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ ดูสิว่าฉันเป็นคนขโมยไปหรือเปล่า”
เธอเอ่ยถึงกล้องวงจรปิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่มองเห็นได้ว่าสีหน้าของซ่างกวนหยวนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
เห็นชัดว่าเธอลืมไปว่ามีกล้องวงจรปิด
ซ่างกวนหยวนมองไปที่ป้าเฉิน ฝ่ายหลังอึ้งตะลึง จากนั้นก็ตั้งสติกลับมา พูดว่า “สองวันนี้กล้องวงจรปิดเสียค่ะ”
เสียเหรอ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ
ซ่างกวนเชียนก็ไม่เชื่อ เขาเรียกพ่อบ้านมา พอถามดูก็รู้ว่ากล้องวงจรปิดไม่ได้เสีย
ป้าเฉินสีหน้าซีดเผือด แก้ตัวว่า “ฉันได้ยินคนอื่นบอกว่าเสียค่ะ”
“ได้ยินใครบอกล่ะ” พ่อบ้านถามตามสัญชาตญาณ
“คือ……” ป้าเฉินพูดชื่อใครไม่ออก เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอบอกว่าใคร จะต้องถูกเรียกมาถามต่อหน้าอย่างกระจ่างทันที ถึงเวลาก็ได้แต่เป็นการยืนยันว่าเธอกำลังโกหก
เห็นเรื่องราวเป็นไปไม่เหมือนกับที่ตนเองคาดคิดเอาไว้ ซ่างกวนหยวนก็ได้แต่หาขั้นบันไดให้ตัวเองลง “ในเมื่อสร้อยก็หาเจอแล้ว งั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะนะ”
แต่เจียงสื้อสื้อไม่พอใจ ที่เธอพูดประโยคเดียวก็จบเรื่องไปง่ายๆ ไม่สามารถชดเชยให้กับความไม่เป็นธรรมที่ตนเองได้รับเลย
เธอพูดว่า “ไม่ได้ค่ะ ฉันยังอยากจะดูกล้องวงจรปิดค่ะ”
จำเป็นต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เธอ
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว ตอนนี้ถ้าดูกล้องวงจรปิด ก็จะเห็นว่าความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นการจัดฉากของหยวนหยวนทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าไม่ดูล่ะ ก็ไม่ยุติธรรมกับเจียงสื้อสื้ออีก
คิดไปคิดมา สุดท้ายเขาก็ยังเลือกซ่างกวนหยวน
“ซูหยุนฉันรู้ว่าเธอน้อยเนื้อต่ำใจมาก เดือนนี้ฉันจะให้พ่อบ้านจ่ายเงินเดือนเพิ่มเป็นการชดเชยให้เธอ”
เจียงสื้อสื้อไม่อยากยอมรับ แต่คำพูดต่อมาของซ่างกวนเชียนทำให้เธอต้องยอมรับ
“ฉันคิดว่าเธอก็คงไม่อยากไปจากบ้านตระกูลซ่างกวนนะ ถูกมั้ย”
นัยยะที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น ก็คือถ้าเธอยังคงยืนกรานอยู่อีก อาจจะทำให้ซ่างกวนหยวนโกรธ ถึงเวลาด้วยนิสัยของซ่างกวนหยวน ต้องไม่ยอมให้เธออยู่ที่บ้านตระกูลซ่างกวนต่อไปเด็ดขาด
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” เจียงสื้อสื้อยอมตกลงแล้ว