นายท่านหญิงมองเห็นพวกเขามา ใบหน้าที่หมองคล้ำในตอนแรกก็สว่างสดใสขึ้นมาทันที ถามอย่างดีใจว่า “พวกเธอมาได้ยังไง”
“อยากมาเยี่ยมคุณย่าค่ะ”ซ่างกวนหยวนกุมมือเย็นเฉียบของเธอไว้ ใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “คุณย่าคะ ร่างกายคุณย่าดีขึ้นบ้างมั้ยคะ”
นายท่านหญิงพยักหน้า “ดีขึ้นมากแล้ว ได้เห็นหลาน โรคอะไรย่าก็หายหมดแล้ว”
เธอตบมือซ่างกวนหยวนเบาๆ มองไปยังจิ้นเฟิงเฉินอีก ความรักที่ไม่อาจบรรยายด้วยคำพูด “เฟิงเฉิน มานี่”
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปอย่างเชื่อฟัง “คุณย่า”
นายท่านหญิงกุมมือเขามาวางทับบนมือซ่างกวนหยวน ตบเบาๆ พูดว่า “ต่อไปหยวนหยวนก็ฝากให้คุณดูแลด้วยนะ อย่าทำให้ย่าผิดหวังล่ะ”
“ครับ คุณย่า”
นายท่านหญิงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดกับซ่างกวนหยวนว่า “หยวนหยวน หลานไปที่โรงอาหารช่วยย่าซื้อโจ๊กหน่อย ย่าหิวแล้ว”
“ค่ะ”
ซ่างกวนหยวนอยากให้จิ้นเฟิงเฉินไปเป็นเพื่อนตนเอง แต่กลับถูกนายท่านหญิงขัดขวางไว้ “เฟิงเฉินอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนย่านะ”
ซ่างกวนหยวนเข้าใจแล้ว คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับเฟิงเฉิน จึงแยกเธอออกไป
“ค่ะ หนูไปเอง”
ซ่างกวนหยวนหมุนตัวเดินออกไป แล้วปิดประตูเบาๆ
ภายในห้องก็เงียบลงทันที
“เฟิงเฉิน คุณนั่งลงก่อน”นายท่านหญิงแสดงความหมายให้เฟิงเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เตียง
จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
นายท่านหญิงยิ้มให้เขา เผยให้เห็นความคิดถึงบนใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัย “ยังจำตอนที่หยวนหยวนเป็นเด็กได้ ติดย่าอย่างฉันคนนี้ที่สุด”
“แต่น่าเสียดาย……”นายท่านหญิงถอนหายใจ ถามว่า “คุณเคยได้ยินหยวนหยวนเล่าเรื่องในตอนเด็กให้ฟังบ้างมั้ย”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า “ไม่เคยครับ”
“จริงเหรอ”นายท่านหญิงยิ้มอย่างขมขื่น “นั่นก็เพราะเธอมีความทรงจำที่ไม่ดีในช่วงนั้น”
พูดมาถึงตรงนี้ นายท่านหญิงก็นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง “คุณรู้มั้ยว่าเสี่ยวเชียนกับหยวนหยวนไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ ”
ไม่ใช่พี่น้องแท้เหรอ
จิ้นเฟิงเฉินแปลกใจมาก ส่ายหน้า “ผมไม่รู้ครับ”
“เสี่ยวเชียนคือเด็กที่ฉันเอากลับไปที่บ้านตระกูลซ่างกวน ตอนนั้นหยวนหยวนยังอายุไม่ถึงสิบขวบเธอตั้งตัวเป็นศัตรูกับเสี่ยวเชียนอย่างมาก คิดว่าเขาจะมาแย่งพ่อกับแม่ของตนเองไป”
นายท่านหญิงพูดแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินจึงเข้าใจว่าทำไมซ่างกวนหยวนถึงได้มีท่าทีเย็นชาต่อซ่างกวนเชียนอย่างมากมาตลอด
“ต่อมาพ่อของหยวนหยวนก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เธอก็ยิ่งไม่ชอบเสี่ยวเชียน คิดว่าเสี่ยวเชียนทำให้พ่อแม่เธอตาย”
พูดมาถึงตรงนี้ นายท่านหญิงหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน “พ่อหนุ่ม หลายปีมานี้ เพราะคุณ ทำให้ฉันได้พบกับหยวนหยวนอีกครั้งได้พบกับรอยยิ้มที่อยู่ในใจตัวเอง
ดังนั้น คุณต้องดีต่อหยวนหยวนให้มากๆ นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของย่า”
แววตาอ้อนวอนขอร้องของหญิงชราเข้ามาในสายตา จิ้นเฟิงเฉินจู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่ไม่มีรูปร่างเข้ามาปะทะใบหน้า
เห็นเขาไม่พูดอะไร นายท่านหญิงคิ้วขมวด “ทำไมเหรอ คุณทำไม่ได้เหรอ”
“ไม่ใช่ครับ”มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ “คุณย่าครับ คุณย่าวางใจเถอะครับ ผมจะพยายามดีต่อหยวนหยวนให้มากที่สุด”
ได้ยินเขารับปาก นายท่านหญิงจึงเผยให้เห็นรอยยิ้มอีกครั้ง พยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นก็ดีเหลือเกิน”
พูดจบ จู่ๆ เธอก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง จิ้นเฟิงเฉินรีบลุกขึ้นโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ยื่นมือไปลูบหลังเขา ให้เธอรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น
ไออยู่พักหนึ่ง นายท่านหญิงจึงหยุดลง ถอนหายใจอย่างโล่งอกยาวๆ ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาตรงหางตาเพราะอาการไอ ยิ้มอย่างหมดหนทาง”โรคคนแก่ ทุกครั้งที่ไอก็เหมือนกับจะเอาปอดออกมาด้วยอย่างนั้น”
“คุณหมอบอกว่ายังไงครับ”จิ้นเฟิงเฉินถาม
“หมอบอกว่าหาสาเหตุของโรคไม่ได้ ไม่มีทางรักษา อีกอย่างฉันก็อยู่ได้อีกไม่นาน อดทนหน่อยอีกไม่นานก็ผ่านไปแล้ว”
ได้ยินคำพูดของนายท่านหญิง หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นไปได้ แน่นอนว่าเขาอยากให้นายท่านหญิงมีชีวิตอยู่นานอีกหน่อย
ซ่างกวนหยวนซื้อโจ๊กกลับมา มองเห็นนายท่านหญิงกำลังพูดคุยกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างร่าเริง มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาล้วนเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญที่สุดในชีวิตนี้
เธอเดินไป วางโจ๊กที่ห่อกลับมาไว้บนชั้นเหนือหัวเตียง ถามด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่คะ คุยกันท่าทางมีความสุขขนาดนี้เลย”
“กำลังคุยเรื่องตอนที่เธอยังเด็ก”นายท่านหญิงตอบด้วยรอยยิ้ม
พอซ่างกวนหยวนได้ยิน ก็แกล้งปั้นหน้า ทำเป็นไม่พอใจมากอย่างนั้น พูดว่า”คุณย่า เรื่องอะไรไม่เล่า ทำไมต้องเล่าเรื่องตอนเด็กของหนูด้วยล่ะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินคิดว่าเธอโกรธจริงๆ จึงดึงมือของเธอมา พูดว่า “ผมอยากรู้เรื่องของคุณให้มากอีกหน่อย ก็เลยให้คุณย่าเล่า”
ท่าทางจริงจังของเขา ทำให้ซ่างกวนหยวนขำ เธอดีดที่ศีรษะเขาเบาๆ “ตาทึ่ม ฉันไม่ได้ถือสาอะไร ฉันก็แค่ล้อพวกคุณเล่นเท่านั้นเอง”
ได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พวกเธอสองคนรีบกลับเถอะ ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างย่าตลอดเวลาหรอก”นายท่านหญิงไม่อยากให้พวกเขามาเสียเวลากับตนเอง
“คุณย่า นี่คุณย่าไล่พวกเราเหรอคะ”ซ่างกวนหยวนแกล้งถามอย่างไม่พอใจ
นายท่านหญิงยิ้ม “ย่าไม่อยากเป็นก้างขวางคอ”
ซ่างกวนหยวนและจิ้นเฟิงเฉินต่างก็ยิ้ม
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นพวกเราก็ไปนะคะ วันหลังค่อยมาเยี่ยมคุณย่าใหม่”
“ไปเถอะ”แม้ในใจนายท่านหญิงจะทำใจไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รั้งพวกเขาไว้
“คุณย่า พวกเราไปแล้วนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินก้มศีรษะให้เธอ
“จำคำที่ฉันพูดกับคุณไว้นะ”นายท่านหญิงกำชับ
“ผมจะจำไว้ครับ”
“ย่าเชื่อใจคุณ”
ส่งพวกเขาออกกไปด้วยสายตา พอประตูปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงชราจางหายไปทันที เปลี่ยนเป็นคร่ำเคร่งขึ้นมา
เธอนึกถึงเรื่องที่ซ่างกวนเชียนบอกกับเธอ
“คุณย่าครับ คนที่หยวนหยวนจะแต่งงานด้วยตอนนี้ ความจริงแล้วก่อนหน้าที่เขาจะสูญเสียความทรงจำเขามีครอบครัวแล้ว ”
เธอหลับตาลง สองมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มค่อยๆ กำแน่นขึ้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะเกลี้ยกล่อมให้ซ่างกวนหยวนยอมปล่อยเขาไป แต่ครั้งนี้……
สวรรค์เบื้องบน โปรดอภัยในความเห็นแก่ตัวของเธอด้วย
เธอคิดแค่เพียงว่าก่อนที่จะตาย จะได้เห็นหลานสาวที่ตนเองรักมีความสุขเป็นของตัวเอง
……
บนรถระหว่างทางกลับไป ซ่างกวนหยวนหันข้างไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ ถามหยั่งเชิงว่า “คุณย่าพูดอะไรกับคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินหันไปมอง “อยากรู้เหรอ”
ซ่างกวนหยวนเบะปาก “คุณไม่อยากพูด ฉันก็ไม่บังคับคุณหรอก”
เห็นชัดว่าเธออยากรู้
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเบาๆ “งั้นก็ดี ผมก็ไม่พูดแล้ว”
“จิ้นเฟิงเฉิน!”
“คุณไม่ใช่บอกว่าไม่บังคับผมเหรอ”จิ้นเฟิงเฉินแกล้งทำท่าไม่เข้าใจ
“ฉัน……ฉันบอกว่าไม่บังคับคุณ คุณก็จะไม่บอกจริงๆ เหรอ”ซ่างกวนหยวนทำปากจู๋ ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ
จิ้นเฟิงเฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ขำออกมา “คุณอยากรู้ก็บอกผมมาตรงๆ ผมจะบอกคุณ”
ซ่างกวนหยวนกัดริมฝีปาก “งั้นคุณย่าพูดอะไร”
“คุณย่าบอกว่า ให้ผมดูแลคุณให้ดี ห้ามรังแกคุณ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ปล่อยผมแน่”
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “แค่นี้เหรอ”
“แล้วจะมีอะไรอีก คุณคิดว่าเธอจะบอกอะไรผม”จิ้นเฟิงเฉินยิ้มพลางย้อนถามเธอ
“ฉัน……”
ความจริงแล้วเธอก็สามารถเดาได้ว่าคุณย่าจะพูดอะไรกับเขา แต่แค่อยากได้ยินเขาพูดกับตนเองจากปากเขา
“แล้วคุณพูดว่ายังไง”ซ่างกวนหยวนถามอีก
“ผมเหรอ……”จิ้นเฟิงเฉินมองทางด้านหน้ารถ มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มบางๆ “ผมบอกว่าผมจะพยายามดูแลคุณให้ดีที่สุด”
มุมปากซ่างกวนหยวนค่อยๆ ยกขึ้น ความหวานชื่นเบ่งบานเต็มไปทั้งหัวใจ