ฟางเสว่มั่นเป็นห่วงเจียงสื้อสื้อ จึงเอ่ยปากอยู่เฝ้าเธอ
แต่กลับถูกปฏิเสธ
“แม่คะ หนูไม่เป็นไรแล้ว อีกอย่างยังมีน้าสะใภ้เล็กอยู่ด้วย แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ใช่ครับ พี่สาม พี่สุขภาพไม่ดี ถ้าอยู่ที่นี่ต่อพวกเรายังต้องดูพี่ด้วย” ซ่างหยิงไม่ใช่ว่าไม่อยากดูแลเธอ แต่ที่พูดแบบนี้ ก็เพื่อให้เธอกลับไปพักผ่อน
“นั่นสินะ…” ฟางเสว่มั่นนิ่งคิดอย่างจริงจัง สุดท้ายก็เลือกที่จะกลับไป
ก่อนจากไป เธอพูดย้ำเตือนซ่างหยิง “หยิงหยิง ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่าลืมบอกพี่ด้วย ห้ามปิดบังพี่อีก”
ซ่างหยิงยิ้มอย่างอ่อนใจ “ได้ค่ะ ฉันจะบอกพี่แน่นอน”
ฟางเสว่มั่นได้ยินแบบนี้ถึงได้วางใจยอมกลับไป
“ดูสิแม่ของหลานเป็นห่วงหลานมากแค่ไหน ต่อไปนี้ห้ามทำอะไรหุนหันพลันแล่นอีก เข้าใจไหม?” ซ่างหยิงมองเจียงสื้อสื้อที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“หลานพักผ่อนก่อนเถอะ คืนนี้น้าจะอยู่เฝ้าหลานเอง” ซ่างหยิงพูด
“ขอบคุณค่ะน้าสะใภ้เล็ก”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” ซ่างหยิงเดินเข้าไปเพื่อช่วยเธอห่มผ้าห่ม แล้วลูบศีรษะของเธอ ก่อนจะจ้องมองด้วยสายตาอ่อนโยน “ขอแค่หลานสุขภาพแข็งแรง เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
ในคืนนี้ ถือได้ว่าเจียงสื้อสื้อนอนหลับนอนหลับได้สงบ
ตอนที่เธอตื่นขึ้นในวันต่อมา ซ่างหยิงตื่นก่อนแล้ว พอหันไปเห็นเธอตื่นแล้ว จึงส่งยิ้มให้”ตื่นแล้วเหรอจ้ะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะน้าสะใภ้เล็ก”
แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในห้องพักคนไข้ ทุกอย่างในห้องสว่างขึ้น แม้แต่อารมณ์ก็ดีขึ้นหลายส่วน
“น้าจะกลับบ้านไปทำโจ๊ก แล้วทำกับข้าวอีกสองอย่าง เอามาให้หลานกิน” ซ่างหยิงกลัวว่าเธอจะไม่ชอบอาหารในโรงอาหารของโรงพยาบาล เธอจึงตัดสินใจกลับบ้านไปทำอาหารมาเอง
“ไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็ได้ค่ะ หนูกินอะไรก็ได้” เจียงสื้อสื้อไม่อยากให้เธอไปไปกลับๆโรงพยาบาล มันเหนื่อยเกินไป
“ไม่ลำบากจ้ะ น้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
หลังจากที่ซ่างหยิงออกไป เจียงสื้อสื้อก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟัน ล้างหน้า แล้วเดินไปนั่งที่ข้างเตียงช้าๆ
เธอมองท้องฟ้าสีครามด้านนอกหน้าต่าง ก่อนที่มุมปากของเธอจะค่อยๆยกยิ้ม อากาศวันนี้ดีมาก
ถ้าเหิงเฉินอยู่ด้วย เขาคงจะพาเธอและลูกๆ ออกไปเที่ยวนอกบ้านแล้ว
พอเธอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยหม่นหมองทันที
เมื่อไหร่เฟิงเฉินของเธอจะกลับมาหาเธอสักที
……
หลังจากที่เหลียงซินเวยส่งอานอานไปที่โรงเรียนแล้ว เธอก็เรียกรถไปที่โรงพยาบาล
เมื่อคืนนี้ เธอได้ยินจากฟางยู่เชินว่าพี่สื้อสื้อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จึงถามอย่างร้อนใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ยู่เชินเล่าเรื่องที่พวกเขาเข้าไปทำลายงานแต่งงานของซ่างกวนหยวนให้เธอฟังแล้ว เธอโกรธจนแทบบ้า
“พี่สื้อสื้อใจร้อนจนไร้สติ คุณก็ไร้สติด้วยเหรอคะ คุณน่าจะห้ามเธอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ พวกคุณจะทำยังไง”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติออกมาได้ จึงเปลี่ยนคำพูด “ไม่ใช่สิ เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ พี่สื้อสื้อเข้าโรงพยาบาลแล้วจริงๆ พวกคุณทำอะไรไม่คิดเลยจริงๆ”
“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างผลลัพธ์ก็ค่อนข้างดี งานแต่งงานถูกเลื่อนออกไปแล้ว สื้อสื้อจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เหลียงซินเวยยังคงคิดว่าพวกเขาทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเกินไปจริงๆ
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล แล้วถามพยาบาล เหลียงซินเวยก็ตรงไปที่ห้องพักคนไข้ที่เจียงสื้อสื้อพักอยู่ทันที
ก่อนจะมา เธอเคยคิดไว้แล้วว่าซ่างหยิงอาจอยู่ที่นั่นด้วย แต่พอเธอเดินเข้าไป เธอก็ยังชะงักไปตอนที่เห็นซ่างหยิง
ตอนที่เห็นเธอ เจียงสื้อสื้อเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เวยเวย”
ส่วนซ่างหยิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ได้มีสีหน้าใจดีเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เห็นเธอ แต่กลับตึงเครียดมาก
เหลียงซินเวยจับสายกระเป๋าแน่นขึ้น เธอเดินเข้าไปหา แล้วกล่าวทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะคุณน้า”
ซ่างหยิงพยักหน้าให้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
สามารถรู้สึกได้ถึงความอึดอัดใจของเธอ เจียงสื้อสื้อจึงเหลือบมองซ่างหยิง ก่อนจะยิ้มแล้วถามออกมา”ทำไมเธอถึงมาที่นี่ล่ะ?”
เหลียงซินเวยเหลือบมอง ไปทางซ่างหยิง และตอบเบาๆ “ยู่เชินบอกฉันค่ะ”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว แล้วบ่นออกมาเบาๆ”พี่ชายนี่ปากมากจริงๆ”
เหลียงซินเวยนึกว่าเธอจะกล่าวโทษฟางยู่เชินจริงๆ จึงรีบพูดอธิบายอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่นะคะ เขาบังเอิญหลุดปากพูดออกมา ฉันก็เลยบังคับถามเขา”
พอเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของเธอ เจียงสื้อสื้อก็หัวเราะออกมาพร้อมกับส่งเสียง “อุ๊บส์”ออกมา “เวยเวย นี่เธอกำลังปกป้องพี่ชายของพี่อยู่ใช่ไหม”
ในเวลานี้เอง เหลียงสซินเวยถึงได้สติกลับมา แล้วพูดอย่างเขินอาย “พี่สื้อสื้อ พี่ไม่ต้องแกล้งฉันสิคะ”
“พี่ไม่ได้แกล้งนะ แค่เห็นพวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกัน ก็ดีใจกับพวกเธอมากแล้ว”
พอพูดออกมาแบบนี้ เธอก็มองไปที่ซ่างหยิง “จริงไหมคะ น้าสะใภ้เล็ก”
“หืม?” ซ่างหยิงชะงัก พอได้สติกลับมา เธอก็มองเข้าไปในดวงตาที่ยิ้มแย้มของเจียงสื้อสื้อ แล้วกระแอมออกมาอย่างอึดอัดใจ “พวกหลานคุยกันไปเถอะ น้าออกไปเดินเล่นสักหน่อย”
พอพูดจบ เธอก็ลุกเดินออกไป
ตอนที่เดินผ่านเหลียงซินเวย เธอก็ไม่มองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงซินเวยค่อย ๆ จางหายไป สีหน้าของเธอหม่นหมองลง
เจียงสื้อสื้อมองอยู่ตลอด เธอจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ดูเหมือนว่าน้าสะใภ้เล็กของเธอยังไม่สามารถยอมรับเวยเวยได้
“เวยเวย ไม่ต้องคิดมากนะ น้าสะใภ้เล็กไม่ได้คิดไม่ดี” เจียงสื้อสื้อยังคงพูดแทนซ่างหยิง
เหลียงซินเวยยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ”
“มานั่งนี่สิ” เจียงสื้อสื้อชี้ไปที่เก้าอี้ข้างเตียง
เหลียงซินเวยเดินไปนั่งลง แล้วถามด้วยความห่วงใย “พี่สื้อสื้อ เป็นยังไงบ้างคะ?”
“ที่จริงฉันไม่เป็นอะไรแล้ว แต่พี่ชายเขาไม่วางใจ ก็เลยขอให้ฉันอยู่ดูอาการในโรงพยาบาลอีกสองสามวัน” เจียงสื้อสื้อหมดหนทางจริงๆ”พวกเขากังวลมากเกินไป”
“ยู่เชินเขาก็หวังดีกับพี่”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็หัวเราะแล้วพูดแซว “ดูสิดูสิ ช่วยแก้ตัวแทนพี่ชายของพี่อีกแล้ว”
“พี่สื้อสื้อคะ พี่ล้อฉันอีกแล้ว” แก้มของเหลียงซินเวยแดงก่ำอย่างผิดธรรมชาติ
“ทำไมถึงขี้อายแบบนี้” เจียงสื้อสื้อตลกขึ้นมา
เหลียงซินเวยรู้สึกว่าถ้าเธอยังคงหัวเราะเยาะตัวเองแบบนี้ต่อไป เธอคงจะลืมจุดประสงค์การมาของเธอ
ดังนั้น เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่สื้อสื้อคะ คราวนี้พี่ทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเกินไปจริงๆค่ะ โชคดีที่พี่ไม่เป็นอะไรมาก ไม่อย่างนั้น เถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าจะทำยังไงคะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงสื้อสื้อจางลงเล็กน้อย พอพูดถึงเรื่องนี้ “แต่ถ้าไม่เสี่ยงแบบนี้ สามีของพี่ก็จะแต่งงานไปกับผู้หญิงคนอื่นนะ”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของพี่นะคะ แต่เราใช้วิธีอื่นได้นี่คะ” เหลียงซินเวยพูด
“ไม่มีวิธีอื่น มันเป็นวิธีสุดท้ายแล้ว” เจียงสื้อสื้อถอนหายใจออกมาอย่างแรง “เธอคิดว่าพี่อยากทำอย่างนั้นเหรอ พี่เองก็ถูกบังคับเหมือนกัน”
เหลียงซินเวยยตระหนักได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรง่ายจนเกินไป จึงรีบพูดขึ้นมา “ขอโทษค่ะ พี่สื้อสื้อ ฉันไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม “แม้ว่ามันจะเสี่ยงอันตราย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เลว”
“งานแต่งงานถูกเลื่อนออกไป ดีจริงๆเลยค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก “ขอแค่งานแต่งงานถูกเลื่อนออกไป พี่ก็ยังมีโอกาส