ซ่างกวนหยวนเห็นว่าสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินผิดปกติไป จึงรู้สึกตื่นตระหนก รีบพูดขึ้นมาก่อน”เจียงสื้อสื้อ เขาลืมเธอไปแล้ว ลืมอดีตไปหมดแล้ว เขาจะใช้ชีวิตอยู่กับเธอได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนที่เขารักคือฉัน!”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็หัวเราะ แล้วพูดอย่างประชดประชันว่า “เธอนี่หลอกตัวเองเก่งจริงๆ เขารักเธออย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าเพราะซาบซึ้งใจที่เธอช่วยชีวิตถึงได้ยอมแต่งงานกับเธอหรือไง ”
“เขารักฉัน” ซ่างกวนหยวนพูดเสียงสูง เหมือนกำลังซ่อนความไม่มั่นใจของตังเองไว้
“อย่างนั้นเหรอ” เจียงสื้อสื้อมองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน”คุณบอกสิคะ ว่าคุณรักเธอจริงหรือเปล่า”
รัก?
จิ้นเฟิงเฉินอยากจะตอบ แต่พอสบตาเข้ากับดวงตาใสสะอาด เขาก็ลังเลเล็กน้อย
“เฟิงเฉินคะ บอกเธอไปสิคะ ว่าคนที่คุณรักคือฉัน” ซ่างกวนหยวนจับแขนจิ้นเฟิงเฉินแน่น แล้วพูดเร่งเร้า”รีบพูดสิคะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มเยาะ “เขาไม่ได้รักเธอ เธอจะให้เขาพูดอะไรล่ะ”
“เธอโกหก” ซ่างกวนหยวนหันกลับ แล้วมองหน้าเธออย่างเย็นชา “เขาเป็นของฉัน เธออย่าได้คิดจะมาทำลายความรักของพวกเรา”
“ความรักของพวกเธออย่างนั้นเหรอ” เจียงสื้อสื้อยิ้มเยาะ “เธอนี่ไร้ยางอายจริงๆ”
“นี่เธอ” ซ่างกวนหยวนกัดฟันกรอดอย่าโกรธแค้น
จากปลายตาของเจียงสื้อสื้อเหลือบไปที่นายท่านหญิงซ่างกวนที่อยู่ข้างล่างเวที แววตาของเธอเย็นชา “ซ่างกวนหยวน งานแต่งงานในวันนี้ไม่มีทางดำเนินงานอย่างราบรื่นแน่นอน หรือก็คือเธอจะไม่มีทางได้แต่งงานกับเฟิงเฉิน จะพูดให้ถูกก็คือ มันจะไม่มีวันเป็นไปได้”
“เจียงสื้อสื้อ มันจะเกินไปแล้วนะ” ซ่างกวนหยวนตะโกนเสียงดัง
“ฉันทำเกินไปเหรอ?” เจียงสื้อสื้อหัวเราะ แต่ในวินาทีถัดมา เธอก็มองมาด้วยแววตาเฉียบคม สีหน้าของเธอฉุนเฉียวมากขึ้น “เธอต่างหากที่ทำเกินไป! เธอขโมยสามีของฉัน พ่อของลูกฉันไป”
แขกที่มาร่วมงานต่างก็กระซิบกระซาบกันเสียงดัง
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูตระกูลซ่างกวน จะทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้”
“จริงด้วย ฐานะอย่างเธออยากจะหาผู้ชายแบบไหนไม่ได้กัน ทำไมถึงไปชอบสามีของคนอื่น แบบนี้ไม่เรียกไร้ยางอายจะเรียกว่าอะไรล่ะ”
แขกที่มาร่วมงานไม่ใช่เป็นญาติก็เป็นเพื่อนของตระกูลซ่างกวน บางคนตีหน้าเป็นมิตรกับตระกูลซ่างกวน แต่แอบไม่พอใจตระกูลซ่างกวนอยู่ในใจ
พอเห็นแบบนี้ จึงใช้โอกาสนี้ ระบายอารมณ์ออกมาอย่างสะใจ
ซ่างกวนหยวนกับซ่างกวนเชียน และนายท่านหญิงซ่างกวนได้ยินทุกคำพูด
สีหน้าของทุกคนจึงดูแย่มาก
โดยเฉพาะนายท่านหญิงซ่างกวน
สิ่งที่เธอให้ความสำคัญมากที่สุดคือหน้าตาทางสังคมของตระกูลซ่างกวน แต่วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลซ่างกวนขายหน้าไปหมดแล้ว
แต่เรื่องนี้เธออนุญาตเอง ถึงจะต้องอับอายขายหน้าแค่ไหน เธอทำได้เพียงกัดฟันทนเท่านั้น
ซ่างกวนหยวนไม่เหมือนกัน เธอทนไม่ได้ที่คนอื่นพูดถึงตัวเองแบบนั้น
เธอก็แค่ไล่ตามความรักของเธอ
ไม่มีความผิดเลยสักนิด
“มัวยืนบื้ออะไรกันอยู่ รีบเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากที่นี่ซะ”
ถ้าเจียงสื้อสื้อถูกไล่ออกไป ทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาวะปกติ
คนพวกนั้นเดินเข้ามาล้อม พอเห็นแบบนี้ ฟางยู่เชินกับกู้เนี่ยนจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แล้วดึงเจียงสื้อสื้อไว้ด้านหลังพวกเขาเพื่อคุ้มครองความปลอดภัย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ซ่างกวนเชียนตะโกนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งพวกเขา แต่คราวนี้พวกเขาไม่ฟังคำสั่งเขา
ดูเหมือนว่าซ่างกวนหยวนจะเอาจริงแล้ว
ฟางยู่เชินกับกู้เนี่ยนแลกเปลี่ยนสายตากัน แล้วเริ่มลงมือ
ทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้าต่อสู้กัน จนล้อมเป็นวง
แขกที่มาร่วมงานต่างกรีดร้อง จนเกิดความโกลาหลขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อพยายามขยับตัวเข้าใกล้จิ้นเฟิงเฉิน แต่มีเงาร่างคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเธอในช่วงโกลาหล เธอรีบถอยหลังกลับ แล้วรู้สึกเหยียบความว่างเปล่า ก่อนที่ร่างกายของเธอจะหงายหลังลงไป
“สื้อสื้อ”
พอฟางยู่เชินเห็นฉากนี้ก็ตกใจมาก รีบวิ่งไปเพื่อคว้าตัวเธอไว้
แต่มีร่างหนึ่งวิ่งผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาชะงักไปเล็กน้อย พอเขาได้สติกลับมา เจียงสื้อสื้อก็ถูกคนคนนั้นดึงเข้าไปในอ้อมแขนแล้ว
บรรยากาศรอบด้านตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างมองไปยังคู่ชายหญิงที่โอบกอดกันอยู่
เจียงสื้อสื้อคิดว่าเธอจะต้องตกจากเวทีแน่ๆ เธอจึงหลับตาลง แล้วรอความเจ็บปวดที่จะต้องได้รับ
ทันใดนั้นก็มีคนมาจับข้อมือเธออย่างแรง แล้วกระชากเธอเข้าหา จนชนเข้ากับอ้อมกอดที่อบอุ่นและแข็งแกร่ง
กลิ่นตัวที่คุ้นเคยโชยเข้ามาทั่วทั้งโพรงจมูกทันที
เธอลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ทำให้ขอบตาของเธอเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาทันที
คือเขา!
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพุ่งเข้าไปช่วยเจียงสื้อสื้อ
มันเหมือนทำไปโดยสัญชาตญาณ
เขาจะไม่ยอมให้เธอได้รับอันตรายใด ๆ แล้วดึงเจียงสื้อสื้อมาปกป้องไว้ด้านหลังเขา
จากนั้น เขาก็มองไปที่ซ่างกวนหยวน ก่อนจะนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นมา “หยวนหยวน เลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนเถอะครับ”
ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้นมา ไม่เพียงแค่ซ่างกวนหยวนเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่ผู้คนที่อยู่ในงานต่างก็ตกตะลึงไปจนหมด
“คุณพูดว่าอะไรนะคะ” ซ่างกวนหยวนนึกว่าเธอได้ยินผิดไป
“ผมบอกว่าเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อน”
“เพื่อเธออย่างนั้นเหรอ” ซ่างกวนหยวนถาม ก่อนจะชี้ไปที่เจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างหลังเขา
“ไม่ใช่ครับ มันเป็นการตัดสินใจของผมเอง”
ซ่างกวนหยวนหัวเราะออกมา แต่ดวงตาของเธอกลับเริ่มเปียกชื้นขึ้นมา เธอมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยน้ำตาคลอเบ้า “คุณบอกเองว่าคุณอยากแต่งงานกับฉัน ทำไมคะ? คุณมานึกเสียใจทีหลังแล้วหรือไง?”
แววตาของจิ้นเฟิงเฉินจับจ้องไปที่เธอ แล้วเอ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันต้องการเวลาคิดทบทวน แบบนี้มันดีสำหรับทุกคน”
“คุณมานึกเสียใจทีหลังจริงๆด้วย” ซ่างกวนหยวนตะโกนใส่เขา
จากนั้น เธอก็ชี้ไปที่เจียงสื้อสื้อ แล้วพูดอย่างเคียดแค้น “ฉันรู้ว่าคุณตัดใจจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ ถึงคุณจะสูญเสียความทรงจำไป คุณก็ยังใส่ใจเธออยู่ดี”
ซ่างกวนหยวนไม่เชื่อคำพูดของเขา เธอเดินตรงเข้าไปหาเจียงสื้อสื้อ
ฟางยู่เชินรีบเดินเข้าไป แล้วปกป้องเจียงสื้อสื้อไว้ข้างหลัง ก่อนจะมองเธออย่างระมัดระวัง
“เจียงสื้อสื้อ อย่าคิดว่าเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น แล้วเฟิงเฉินจะกลับมาหาเธอนะ ไม่มีทาง”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอก็ขยับตัวเข้าใกล้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ขอแค่ฉันต้องการ เขาก็จะลืมเธอไปอีกครั้ง”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็กำหมัดแน่นขึ้นมาทันที
เธอหมายความว่าอะไร?
เธอกำลังขู่ตนเองอยู่อย่างนั้นเหรอ หรือว่าเธอคิดจะทำอะไรเฟิงเฉินอีกครั้ง
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปากของซ่างกวนหยวน “เขาจะไม่มีทางกลับมาหาเธอตลอดชีวิต”
พอคำพูดจบลง เธอออกคำสั่งเสียงดังกับลูกน้องของเธอ “ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม ไล่เธอออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้นเอง มีลูกน้องหลายสิบคนไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน พวกฟางยู่เชินถูกเล่นงานจนไม่สามารถขยับตัวได้
แม้แต่จิ้นเฟิงเฉินก็เริ่มลงมือกับพวกเขาด้วย
พอเห็นว่ามีชายสองคนกำลังจะพุ่งเข้าหาตัวเอง เจียงสื้อสื้อก็หันหลังกลับ แล้วรีบวิ่งออกไป ตั้งใจจะหลบหนี ทันใดนั้นเอง ท้ายทอยของเธอก็ปวดขึ้นมา
ภาพตรงหน้าดับมืด ก่อนที่เธอจะสลบเหมือดลงบนพื้น
“สื้อสื้อ”
ฟางยู่เชินตะโกนเรียก รีบจัดการกับตรงหน้าเพื่อยุติการต่อสู้กับอีกฝ่าย
จิ้นเฟิงเฉินมองตามสายตาเขาไป ก่อนที่หัวใจของเขาจะว่างโหวง ความตื่นตระหนกที่รุนแรงครอบคลุมไปทั่วร่างเขา ในขณะที่เขากำลังจะรีบวิ่งเข้าไป
เขาก็ได้ยินนายท่านหญิงซ่างกวนที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนขึ้นมา “หยวนหยวน”
ซ่างกวนหยวนเป็นลมเป็นลมไปแล้ว