ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1802 : ประนีประนอม

ตอนที่ 1802 : ประนีประนอม
  การฆ่าไห่อู่เซิงด้วยตัวเองนั้นคือสิ่งที่ซุนเหยียนใฝ่ฝันถึง
ตอนแรกเขาคิดว่าในชีวิตนี้เขาคงไม่มีโอกาสเช่นนี้ แต่ตอนนี้จางลู่กลับทำให้เขามองเห็นถึงความหวัง
กึ่งจ้าวโกลาหล แม้ว่าจะยังห่างจากจ้าวโกลาหลแต่ก็ใช่ว่าจะช่วยเขาไม่ได้
เพียงแค่ว่า…มันคุ้มที่จะยอมสูญเสียอิสรภาพของตัวเองและยอมลดเกียรติที่มีกับการแก้แค้นดีรึไม่ ?
มันเห็นได้ว่าซุนเหยียนลังเลอย่างมาก เขาอยากที่จะแก้แค้น เขาอยากจะกระทืบไห่อู่เซิง แต่เขาจะกลายเป็นคนรับใช้ของคนอื่น
“ ไม่อาจจะเปลี่ยนเงื่อนไขได้รึ ?” ซุนเหยียนถามขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง
ตัดสินจากท่าทีของเขาแล้ว เขาน่ะหวั่นไหวอย่างมาก ความเชื่อมั่นของเขาถึงกับสั่นคลอน
จางลู่ส่ายหน้าและพูดขึ้น “ หากคิดจะให้ข้าช่วยก็มีแค่เงื่อนไขนี้เท่านั้น”
เขาเห็นว่าซุนเหยียนลังเลจึงได้เติมเชื้อไฟเข้าไปต่อ “ ภักดีกับข้า มันทำให้เจ้าอับอายรึไง ? เจ้าอยากจะรักษาเกียรติที่เหลืออยู่อันน้อยนิดของเจ้ารึ ?”
ซุนเหยียนไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ เจ้าควรจะรู้ว่าเมื่อเจ้าเข้าไปในร่างของจิตปนเปื้อนและควบคุมปราณสุสาน เจ้าก็ไม่ใช่ร่างแยกของจ้าวโกลาหลอีก เกียรติที่เจ้าเคยมีหมดสิ้นไปแล้ว เจ้าคือตัวเจ้าเอง !” จางลู่พูดเปิดแผลในใจซุนเหยียน “ หากเจ้ายับยั้งตัวเองไม่ฆ่าเหล่าผู้ควบคุมและยังครองสติตัวเองได้ ข้าจะเคารพเจ้าในฐานะร่างแยกของจ้าวโกลาหลและถึงกับชื่นชมเจ้า”
แต่เมื่อพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงของจางลู่ก็เปลี่ยนไป “ แต่เจ้าไม่อาจจะต้านทานความเย้ายวนได้ ในอีกความหมายคือเจ้าได้หักหลังร่างหลักของตน เจ้าได้หักหลังความเชื่อของตน ! คนแบบเจ้าจะยังเหลือเกียรติอยู่อีกรึ ? เจ้ามีส่วนไหนที่น่าเคารพกัน ?”
คำพูดของจางลู่ ราวกับมีดอันแหลมคมที่แทงเข้าไปในใจซุนเหยียน
แผลที่ปิดมานานถูกเปิดออกอีกครั้ง
“ ไม่ต้องพูดแล้ว ! ข้ารับปาก !” ซุนเหยียนกำหมัดด้วยความปวดใจ ตัวของเขาถึงกับสั่นไหว
จางลู่พูดถูก เกียรติที่ซุนเหยียนมีนั้นหายไปตั้งแต่ที่เขาได้เสียร่างไปแล้ว ตอนนี้เขามีความคิดเพียงอย่างเดียวในหัวซึ่งก็คือการแก้แค้น !
แม้ว่าจะฆ่าไห่อู่เซิงไม่ได้ แต่เขาก็ต้องถลกหนังอีกฝ่ายให้ได้ !
ซุนเหยียนมองไปที่จางลู่แล้วพูดขึ้น “ หากเจ้าช่วยข้าจัดการปัญหาเรื่องร่างได้จริงๆรึสร้างร่างที่แข็งแกร่งซึ่งเข้ากับจิตของข้าได้ ข้าจะภักดีกับเจ้า !”
“ เจ้าตัดสินใจได้ดี” จางลู่หัวเราะออกมา“ เชื่อข้าเถอะ เจ้าจะดีใจที่ตัดสินใจเช่นนี้”
ซุนเหยียนใจเย็นลงทันที “ ข้ารับปากกับเจ้าแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะทำได้รึไม่ อีกอย่างเจ้าจะพาข้าออกไปจากสุสานสวรรค์ได้ยังไง ?”
สุสานสวรรค์มีบาเรียขังซุนเหยียนเอาไว้ บทบาทของมันคือกันไม่ให้ปราณสุสานรั่วไหลออกไป มันไม่ได้ส่งผลต่อการเข้ามาของผู้คน แม้ว่าจางลู่จะเคยพาหุ่นเชิดออกไปได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพาซุนเหยียนออกไปได้ ยังไงซะ ซุนเหยียนและหุ่นเชิดนั้นก็มีแก่นแท้ที่ต่างกัน
เขาคือต้นกำเนิดปราณสุสาน !
“ ข้ายังไม่เคยลองแต่คิดว่าน่าจะเข้าท่า” จางลู่ยิ้มออกมา “ สุสานสวรรค์นั้นแข็งแกร่งก็จริงแต่ยังไงซะมันก็เป็นแค่สิ่งก่อสร้าง”
ซุนเหยียนมองไปที่จางลู่ “ หวังว่าจะได้ผล”
จางลู่ไม่มัวพูดไร้สาระและได้สร้างรูหนอนที่เชื่อมต่อกับโลกตันเถียนขึ้นมาบนหัวทั้งสอง
“ ส่งพวกหุ่นเชิดเข้าไปก่อน” จางลู่บอกกับซุนเหยียน
เขาต่อรองกับซุนเหยียนมาแล้ว เขาจะได้ตัวเหล่าหุ่นเชิดพวกนี้ไป
ซุนเหยียนไม่ได้ค้าน เมื่อตัดสินใจจะเป็นพันธมิตรกับจางลู่แล้ว งั้นหุ่นเชิดพวกนี้ก็ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจางลู่จะจัดการกับพวกนี้ยังไงเขาก็ไม่คัดค้าน
จางลู่ได้ส่งพวกนั้นเข้าไปและไม่รังเกียจที่จะช่วยพวกนั้น สำหรับเขาแล้วการควบคุมคนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากนั้นสักพักหุ่นเชิดทุกคนก็หายไปจากสุสานสวรรค์
“ ตาเจ้าแล้ว” จางลู่มองไปที่ซุนเหยียน
ซุนเหยียนหันหลังกลับไปมองสุสานสวรรค์ที่เป็นเหมือนคุกสำหรับเขา สุดท้ายเขาก็บินผ่านรูหนอนไป เขากังวลอย่างมาก เขากังวลว่าเมื่อบินผ่านรูหนอนนี้ไป ร่างกายของเขาจะหายไป
เมื่อเห็นแบบนั้นจางลู่ก็โล่งอก ผลลัพธ์เป็นแบบที่เขาเดาเอาไว้ ที่นี่ไม่อาจจะหยุดรูหนอนของเขาได้
“ ไปกันเถอะ” จางลู่บอกกับเสี่ยวเสีย
เมื่อพูดจบจางลู่ก็เตรียมจะกลับไปยังโลกตันเถียน
แต่เขายังไม่ทันได้เดินทางผ่านรูหนอน เสี่ยวเสียที่อยู่บนไหล่เขาก็ได้พูดขึ้นมา “นายท่าน ข้าอยู่ต่อได้รึไม่ ?”
“ อยู่ต่อรึ ?”
“ ท่านก็เห็น มันมีปราณสุสานจำนวนมากที่นี่…มันไม่เสียเปล่ารึหากข้าไม่กินมัน ?” เสี่ยวเสียอ้อนวอน “ หากข้ากลืนกินมัน จะเป็นการลดอันตรายของพวกมันลงอย่างมาก”
เมื่อคิดถึงปราณสุสานทั้งหมดที่นี่แล้ว เสี่ยวเสียก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล
เมื่อไม่มีซุนเหยียนและหุ่นเชิดแล้ว สุสานแห่งนี้ก็ยังมีปราณสุสานไม่รู้จบ หากเสี่ยวเสียได้กินปราณสุสานเหล่านี้ทั้งหมด แม้ว่าในอนาคตมันจะมีตัวตนที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดนั้นกำเนิดขึ้นมา แต่มันก็ต้องใช้เวลากว่าจะเติบโตถึงระดับนั้นได้
“ ได้ ” จางลู่ไม่ได้คัดค้าน ปราณสุสานนี่มีประโยชน์ต่อเสี่ยวเสีย แต่สำหรับเขาแล้วมันได้มีประโยชน์อะไรเลย “ เจ้าอยู่ต่อกินปราณสุสานให้เสร็จ เมื่อกินเสร็จแล้วเจ้าค่อยบอกข้า ข้าจะมารับเจ้าเอง”
“ ขอบคุณนายท่าน !” เสี่ยวเสียตื่นเต้นขึ้นมา
จางลู่หันหลังและหายเข้าไปในวังวน
จากนั้นวังวนก็ค่อยๆหายไป
ที่บรรพกาลของโลกบรรพกาล
หุ่นเชิดหลายแสนคนยืนเรียงกันอยู่ตรงหน้าจางหยู แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ซุนเหยียน
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของจางหยู ซุนเหยียนก็รู้สึกกดดันขึ้นมา
จิตของเขาสั่นไหวราวกับเผชิญหน้ากับจ้าวโกลาหล ไม่สิ จางหยูทำให้เขากดดันได้มากกว่าจ้าวโกลาหลเป็นสิบรึร้อยเท่า !
ความแข็งแกร่งแบบนี้กลับทำให้ซุนเหยียนสบายใจขึ้นมาได้ !
เขาถึงกับสงสัยว่าจางหยูนั้นไม่ใช่กึ่งจ้าวโกลาหลแต่ได้ขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหลแล้วรึอาจจะแกร่งกว่าร่างหลักของเขาอีก!
“ เป็น…แบบนี้ได้ยังไง ? เขาเป็นจ้าวโกลาหลรึ ? ทำไมเขาถึงน่ากลัวแบบนี้ได้ !” ซุนเหยียนอึ้ง
เขาคิดเสมอว่าความแข็งแกร่งของจางหยูนั้นทัดเทียมกับตน แต่ตอนนี้หุ่นเชิดหลายแสนคนที่นำมานั้นไม่อาจจะขยับตัวได้แม้แต่น้อย มันทำให้เขารู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจางหยู ที่เหนือกว่าที่เขาประเมินเอาไว้
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท