ครั้งนี้ ซ่างกวนหยวนไม่ได้ไล่ตามไปและก็ไม่ได้ขวางเขา
เธอยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่แต่งหน้าอย่างวิจิตรงดงามในเวลานี้หม่นมืด
เห็นได้ชัดว่า จิ้นเฟิงเฉินได้รับผลกระทบจากเจียงสื้อสื้อจนเปลี่ยนไป
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะฟื้นคืนความทรงจำแล้วกลับไปอยู่ข้างกายเจียงสื้อสื้อ
หัวใจของเธอก็เริ่มตื่นตระหนก
ไม่ได้นะ!
เธอไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเป็นอันขาด
ซ่างกวนหยวนต่อสายโทรศัพท์ และไม่นานก็มีการรับสาย
“ฉันต้องการยาปริมาณมาก” เธอพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
“คุณ…แน่ใจเหรอ?” อีกฝ่ายลังเลเล็กน้อย
ยาที่มีฤทธิ์ทำให้ความจำเสื่อมชนิดนี้ไม่มีในท้องตลาด ทั้งยังเป็นยาต้องห้าม
เมื่อกินแล้วจะส่งผลต่อร่างกาย หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กลายเป็นผู้บกพร่องทางสติปัญญาได้
ดังนั้นเมื่อซ่างกวนหยวนเอ่ยปากว่าต้องการยาจำนวนมาก อีกฝ่ายจึงอยากยืนยันอีกครั้ง
“แน่ใจ ในสองวันนี้หาทางส่งมาให้ฉันด้วย”
ซ่างกวนหยวนรู้ดีถึงผลข้างเคียงของยามากกว่าใคร แต่ถึงจุดนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่น
ต่อให้จิ้นเฟิงเฉินจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อน เธอก็ต้องการให้เขามาอยู่ข้างกายตัวเอง!
……
เมื่อเดินออกมานอกวิลล่า ก็มีคนเข้ามาขวางจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้ทันที
“หลีกไป!”
จิ้นเฟิงเฉินตวาดลั่น เขาจ้องไปยังคนตรงหน้าอย่างดุดัน รังสีอำมหิตแผ่ออกมารอบกาย
คนสองคนที่ขวางเขาอยู่พลันตื่นตระหนกแล้วหลีกทางให้เขาอย่างว่าง่าย
จิ้นเฟิงเฉินเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนนั้นค่อย ๆ ได้สติกลับมา พวกเขามองหน้ากัน ทำไมถึงรู้สึกว่าคุณชายเฟิงเฉินเปลี่ยนไป?
เมื่อออกมาจากตระกูลซ่างกวน จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายไปไม่น้อย
เขาเดินออกจากเขตวิลล่า โบกรถที่ริมถนนแล้วตรงไปยังบ้านใหญ่ตระกูลฟางทันที
……
เจียงวสื้อสื้อวางโทรศัพท์และถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แต่วินาทีถัดมาก็ใจหายอีกครั้ง
ซ่างกวนหยวนคงไม่พบอะไรเข้าหรอกใช่ไหม?
ถ้าหากพบการติดต่อของเธอกับเฟิงเฉินเข้าแล้วจะเก็บมือถือให้ไม่ให้เธอติดต่อเฟิงเฉินได้อีกหรือเปล่า!
แต่ก็หวังว่าคงไม่
เจียงสื้อสื้อแอบภาวนาในใจ
ผ่านไปประมาณ30นาที เจียงสื้อสื้อกำลังเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าและเถียนเถียน ทันใดนั้นซ่างหยิงก็พุ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าแตกตื่น
“สื้อสื้อ เฟิงเฉินกลับมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็ลุกขึ้นจากพื้นอย่างฉับพลันแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง
เขากลับมาแล้ว!
เจียงสื้อสื้อสั่นไปทั้งตัว ฝีเท้าซวนเซก่อนล้มตัวลงไปด้านหน้า
“ระวัง!” จิ้นเฟิงเฉินเร่งฝีเท้าพุ่งมาประคองเธอไว้ได้ทัน
กลิ่นอายสะอาดที่คุ้นเคยโชยเข้าในโพรงจมูก เบ้าตาของเจียงสื้อสื้อพลันแดงเรื่อขึ้นมา
เธออ้าแขนทั้งสองถือโอกาสกอดเอวของเขาไว้ เธอซุกหน้าเข้าในอ้อมกอดของเขาแล้วปล่อยโฮออกมา
จิ้นเฟิงเฉินยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก มือที่ยกขึ้นมาแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
ซ่างหยิงที่จูงเด็กน้อยทั้งสองลงมาข้างล่างก็ได้เห็นฉากนี้เข้าพอดี อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ? กอดเธอสิ!”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วกอดเจียงสื้อสื้อตามคำพูด
เมื่อเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนเห็นแด๊ดดี้ของตน บนใบหน้าเล็กอ่อนเยาว์พลันปรากฏรอยยิ้มสดใส พวกเขาปล่อยมือของซ่างหยิงและกำลังจะวิ่งเข้าไป
“พวกเธอรอก่อน!” ซ่างหยิงรีบจับทั้งสองเอาไว้ “ให้หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ของพวกหนูได้คุยกันหน่อย”
“โอเคฮะ”
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนมองดูจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับซ่างหยิงอย่างไม่เต็มใจนัก
ผ่านไปพักหนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน สายตาจับจ้องที่สันกรามอันงดงามของเขา เธอสูดจมูกแล้วเอ่ยถาม “นายไม่ได้บอกว่าจะมาพรุ่งนี้หรอกเหรอ?”
เพราะร้องไห้มา เสียงของเธอจึงค่อนข้างแหบแห้ง
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้ามองดวงตาที่ร้องไห้จนแดงของเธอแล้วปวดใจอย่างมาก เขาอดยกมือขึ้นมาช่วยเธอเช็ดน้ำตาไม่ได้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ยัยโง่ ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันก็มาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ความอบอุ่นของเขา ทำให้เจียงสื้อสื้อกลั้นน้ำที่รื้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างยากลำบาก
เธอผละออกจากอ้อมแขนของเขา ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วยกยิ้ม “โอเค ฉันไม่ร้องแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินแย้มยิ้ม “ไม่ร้องไห้ก็ดีแล้ว”
ในตอนนั้นเอง เถียนเถียนก็พุ่งเข้ามากอดขาของเขาเอาไว้
“แด๊ดดี้ หนูคิดถึงแด๊ดดี้”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าลง เมื่อเห็นใบหน้าน้อย ๆ ที่น่าสงสารของเถียนเถียน หัวใจก็อ่อนยวบ
เขาคุกเข่าลงแล้วกอดเธอเอาไว้ นิ่งเงียบไปสองวินาทีจึงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “แด๊ดดี้ก็คิดถึงหนูนะ”
“จริงเหรอคะ?” เถียนเถียนถามเสียงเจื้อยแจ้ว “งั้นทำไมเด๊ดดี้ถึงไม่กลับมาบ้านเลยล่ะคะ หม่ามี๊ พี่ชายแล้วก็หนูคิดถึงแด๊ดดี้มาก ๆ มาก ๆ เลยนะ!”
เสี่ยวเป่าเองก็เดินเข้ามาแล้วยืนอยู่ตรงหน้าเขา มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
จิ้นเฟิงเฉินยกริมฝีปาก ยิ้มให้เขา
เสี่ยวเป่ากำกำปั้นเล็ก ๆ ของเขาแน่น ดึงน้ำตากลับเข้าไปอย่างสุดชีวิต
แด๊ดดี้เคยพูดไว้ ลูกผู้ชายจะเสียน้ำตาไม่ได้
ดังนั้นเธอจะร้องไห้ไม่ได้ จะร้องไห้ต่อหน้าแด๊ดดี้ไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางอดทนไม่ร้องไห้ของเสี่ยวเป่า จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกปวดร้าวในใจ เขาพลันรู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปจริง ๆ
ถึงจะเสียความทรงจำ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาคือพ่อของพวกเขาได้
เขาควรจะมาหาพวกให้เร็วกว่านี้
“ขอโทษนะ” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยเสียงเบา
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “นายไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันกับลูกไม่ต้องการให้นายรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น”
“เอาล่ะ เฟิงเฉินกลับมาได้ก็เป็นเรื่องที่ดี มีความสุขกันหน่อย” ซ่างหยิงพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว
ได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็แย้มยิ้มออกมา “น้าสะใภ้พูดถูกแล้ว พวกเราต้องมีความสุขกันหน่อย”
ดังนั้นเธอจึงพูดกับเสี่ยวเป่า “ลูกรัก ระหว่างที่แด๊ดดี้ไม่อยู่นี้ ลูกต่อโมเดลไปเยอะแล้วใช่ไหม?”
“อื้ม” เสี่ยวเป่าพยักหน้า
“งั้นลูกไปเอามาให้แด๊ดดี้ดูหน่อยสิจ้ะ”
“ฮะ” เสี่ยวเป่าหมุนตัววิ่งขึ้นข้างบน
ซ่างหยิงตะโกนไล่หลังไป “ช้า ๆ หน่อย ระวังอย่าหกล้มล่ะ”
“แด๊ดดี้ หนูเรียนเต้นรำใหม่ที่โรงเรียนอนุบาลมาด้วยค่ะ หนูเต้นให้แด๊ดดี้ดูดีไหมคะ?”
ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อเอ่ยปาก เถียนเถียนก็พูดขึ้นเอง
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มพลางยิ้มหน้า “ดีสิ”
ถึงปากจะตกลงไปแบบนั้น แต่เขาก็หันไปมองเจียงสื้อสื้อโดยไม่รู้ตัว
เจียงสื้อสื้อพลันเข้าใจความหมายของเขาในทันที เธอหัวเราะแล้วพูด “ไปห้องนั่งเล่นกันเถอะ”
เมื่อไปนั่งกันที่ห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้ว เถียนเถียนก็เดินไปตรงหน้าพวกเขา เธอยกกระโปรงขึ้นแล้วโค้งคำนับ “แด๊ดดี้หม่ามี๊ หนูจะเต้นให้ดูนะคะ!”
เจียงสื้อสื้อกอดแขนของจิ้นเฟิงเฉินอย่างสนิทสนมแล้วเอนตัวพิงเขา
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ผลักเธอออก นัยน์ตาวาบประกายอ่อนโยน
เถียนเถียนเต้นรำขึ้นมาเหมือนกับผีเสื้อตัวน้อย ๆ
เสี่ยวเป่าแบ่งกันหอบโมเดลหลายชิ้นกับซ่างหยิงเดินเข้ามา
“แด๊ดดี้ นี่คือโมเดลรถยนต์ที่ผมต่อฮะ” เสี่ยวเป่าวางโมเดลที่ประกอบเสร็จแล้วลงบนโต้ะกาแฟทีละชิ้นราวกับกำลังมอบสมบัติล้ำค่า
“พี่คะ หนูยังเต้นรำไม่เสร็จเลยนะ”
เถียนเถียนที่ถูกขัดจังหวะพูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ
เสี่ยวเป่าเกาหัวอย่างเก้อเขิน
“เถียนเถียน ลูกเต้นได้ยอดเยี่ยมมาก แม่กับแด๊ดดี้ของหนู้ต่างเห็นกันแล้วล่ะจ้ะ” เจียงสื้อสื้อพูด
“แด๊ดดี้ จริงเหรอคะ?” เถียนเถียนมองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อื้ม ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
เมื่อได้รับคำชมของจิ้นเฟิงเฉิน เถียนเถียนก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงทันที เธอโผเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
“เถียนเถียนชอบแด๊ดดี้ที่สุดเลย!”
เห็นอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ “เถียนเถียน หม่ามี๊น้อยใจนะ ทำไมหนูไม่พูดว่าชอบหม่ามี๊ที่สุดบ้างล่ะ?”