เพล้ง!
แก้วน้ำหล่นลงพื้น แตกกระเด็นออกเป็นชิ้น ๆ
เจียงสื้อสื้อส่งเสียงอุทานแล้วก้มตัวลงจะเก็บมัน
จิ้นเฟิงเฉินที่เห็นดังนั้นก็รีบดึงเธอเอาไว้ “รอก่อน ฉันทำเอง”
เจียงสื้อสื้อแววตาวูบไหวเล็กน้อย เธอพูด “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเก็บเอง”
ขณะที่ทั้งสองกำลังแย่งกันเก็บเศษแก้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ร้องโอดโอยออกมา
มือของเขาถูกบาดเข้าแล้ว
เจียงสื้อสื้อหน้าถอดสี คว้ามือของเขาไว้ เธอเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลแล้วถามขึ้น “ทำไมไม่ระมัดระวังเอาซะเลย?”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่แผลเล็ก ๆ เอง” จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้เธออย่างปลอบโยน
เจียงสื้อสื้อเหลือบมองเขาอย่างโกรธเคือง “เลือดไหลแล้วยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก”
เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าช่วยเขาเช็ดเลือดอย่างเบามือ แล้วหยิบพลาสเตอร์ยาออกมาแปะให้เขาอย่างระมัดระวัง
เธอเอ่ยขอโทษภายในใจอย่างเงียบ ๆ
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินจับจ้องที่ดวงหน้างดงามของเธอ ก็อดมองอย่างเคลิบเคลิ้มไม่ได้
“เสร็จแล้ว” เมื่อเจียงสื้อสื้อแปะพลาสเตอร์ลงบนแผลของเขาเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นและได้มองเข้าไปในแววตาลึกซึ้งของเขา เธออึ้งไปเล็กน้อยก่อนได้สติกลับมาในทันทีโค้งขึ้น “ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ?”
จิ้นเฟิงเฉินถูกเสียงของเธอดึงสติกลับมา เขารีบละสายตา หูแดงเรื่อขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
เจียงสื้อสื้อเมื่อเห็นเข้าก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
เธอก้มหน้ามองผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดในมือแล้วถอนหายใจลับ ๆ ต้องการได้เลือดของเขามา ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายก็มากไปหน่อย
เธอเก็บผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋าแล้วหยิบตะเกียบคีบซี่โครงหมูใส่ในถ้วยของเขา “นายผอมหมดแล้ว กินเยอะ ๆ หน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเธอเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ “เธอเองก็กินเยอะ ๆ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อื้ม”
……
เมื่อกินเสร็จและออกมาจากร้านอาหาร เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนก็นึกว่าจะต้องแยกกับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ทั้งสองคนดึงมือของเขาไว้ซ้ายข้างขวาข้าง ดวงหน้าน้อย ๆ อ่อนเยาว์ทั้งสองนั้นใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้ว
เมื่อเห็นฉากนั้น เจียงสื้อสื้อก็ปวดใจ ขอบตาเปียกชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
เธอยกยิ้มแล้วเอ่ยถามเบา ๆ “เสี่ยวเป่า เถียนเถียน พวกหนูเป็นอะไรไปจ้ะ?”
“หนูไม่อยากแยกจากกับแด๊ดดี้” เถียนเถียนพูดเสียงเบา
“ผมก็เหมือนกัน” เสี่ยวเป่าเห็นด้วย
เจียงสื้อสื้อเงยขึ้นมองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน
เห็นเขาเองก็มีสีหน้าอาวรณ์เช่นกัน
“หรือว่าพวกเธออยากไปเที่ยวที่ไหนอีกไหม? ฉันไปด้วยได้นะ” จิ้นเฟิงเฉินพูด
เขาเองก็อาลัยอาวรณ์ที่จะแยกจากพวกเขาเช่นเดียวกัน ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะอยู่ข้างกายพวกเขาไปตลอด
“พวกลูกอยากไปไหนจ้ะ?” เจียงสื้อสื้อถามเด็กน้อยทั้งสอง
เด็กน้อยทั้งสองมองกันไปมาแล้วคิดกันอย่างจริงจัง
พักไปครู่หนึ่ง เถียนเถียนก็ยกมือขึ้น “หนูอยากไปพิพิธภัณฑ์ค่ะ”
“พิพิธภัณฑ์?” เจียงสื้อสื้อค่อนข้างประหลาดใจ ตอนแรกเธอคิดว่าพวกเขาจะอยากไปสวนสนุกเสียอีก
“อื้ม” เถียนเถียนพยักหน้าแรง ๆ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “โอเค งั้นเราไปพิพิธภัณฑ์กัน”
ระหว่างทางไปพิพิธภัณฑ์ เถียนเถียนกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูเจียงสื้อสื้อ “หม่ามี๊ ในพิพิธภัณฑ์จะมีภาพที่คุณพ่อชอบไหมคะ?”
เจียงสื้อสื้อพลันเดาอะไรได้บางอย่าง เธอหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ไหว “เพราะงั้นที่พวกลูกอยากไปพิพิธภัณฑ์ ก็เพราะแด๊ดดี้เหรอจ้ะ?”
เสี่ยวเป่าส่งเสียง “อื้ม” เบา ๆ “ถ้าแด๊ดดี้ได้เห็นของที่ชอบแล้วอาจจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ได้”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าความคิดของเด็กน้อยทั้งสองช่างไร้เดียงสาเสียจริง แต่ก็ไม่ใจแข็งพอจะทำให้พวกเขาผิดหวังอีก
เธอลูบหัวน้อย ๆ ของพวกเขาอย่างอ่อนโยน “พวกหนูสุดยอดมากจ้ะ”
เด็กน้อยทั้งสองที่ได้รับคำชมเชยก็มองหน้ากันและยิ้มออกมาอย่างดีใจในเวลาเดียวกัน
……
มาถึงพิพิธภัณฑ์ เมื่อซื้อตั๋วแล้ว จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อก็จูงมือลูกฝั่งละหนึ่งคนแล้วเดินเคียงข้างกันเข้าไป
ระหว่างทาง เถียนเถียนมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงหน้าเล็กเยาว์วัยมีคำว่าแปลกใหม่เขียนอยู่เต็มไปหมด
“แด๊ดดี้ นั่นคืออะไรคะ?” เธอชี้ไปยังรูปปั้นที่อยู่ห่างไปไม่ไกล
จิ้นเฟิงเฉินมองตามทิศทางที่เธอชี้ไป มุมปากก็ยกขึ้นและแนะนำรูปปั้นนั้นอย่างใจเย็น
ไม่ว่าเถียนเถียนจะถามอะไร เขาก็สามารถอธิบายได้อย่างมีน้ำอดน้ำทน
บนใบหน้าหล่อเหลานั้นไร้ซึ่งความหงุดหงิดแม้แต่น้อย
เจียงสื้อสื้อมองไปที่พวกเขาเบ้าตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกราวกับว่าเธอได้กลับไปเมื่อก่อน ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องมากมายขนาดนั้นขึ้นก็คงจะดีไม่น้อย
พิพิธภัณฑ์มีสถานที่ให้คนได้ถ่ายรูปหมู่โดยเฉพาะ เถียนเถียนดึงจิ้นเฟิงเฉินเดินไปทางนั้น และยังไม่ลืมจะหันกลับมาพูดกับเจียงสื้อสื้อ “หม่ามี๊ เร็วเข้า”
เจียงสื้อสื้อหลุดหัวเราะอย่างจนใจ “ไม่เป็นไร ที่นั่นไม่หนีไปไหนหรอกจ้ะ”
ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ฝีเท้าของเธอกับเสี่ยวเป่าก็ยังเร่งเร็วขึ้น
มาถึงสถานที่ถ่ายรูปหมู่ เถียนเถียนอ้าแขนให้จิ้นเฟิงเฉิน “แด๊ดดี้อุ้มหนูหน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเธอขึ้นมาทันที
“หม่ามี๊ เข้ามาใกล้ ๆ สิคะ” เถียนเถียนกำกับเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อสีหน้าจนใจ แต่ก็ยังเข้าไปใกล้จิ้นเฟิงเฉินอย่างว่าง่าย ส่วนเสี่ยวเป่าก็ยืนอยู่ข้างหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคน
คนที่ช่วยพวกเขาถ่ายรูปตะโกนว่า “ยิ้มอย่างมีความสุขหน่อยนะคะ”
เมื่อคำพูดนั้นดังขึ้น เจียงสื้อสื้อและเด็กทั้งสองก็ฉีกยิ้มออกมา ส่วนจิ้นเฟิงเฉินนั้นเพียงแค่ยกยิ้มบาง ๆ เท่านั้น
หลังจากถ่ายเสร็จ เถียนเถียนก็ให้จิ้นเฟิงเฉินปล่อยเธอลง แล้วพูดกับเสี่ยวเป่า “พี่ชาย พวกเราให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ถ่ายกันตามลำพังกันสักใบเถอะ”
เสี่ยวป่าวพยักหน้าเห็นด้วย “โอเค”
เด็กน้อยทั้งสองจูงมือกันเดินไปด้านข้าง แล้วพูดกับคนที่ถ่ายรูป “คุณน้า ช่วยถ่ายให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊หนูสักใบนะคะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้จ้ะ”
เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินสบตากันเล็กน้อยแล้วเข้ามาใกล้กัน
“แด๊ดดี้ กอดหม่ามี๊ไว้สิคะ” เถียนเถียนตะโกนขึ้น
รอบ ๆ นั้นเงียบมาก เมื่อเธอตะโกนออกมาแบบนั้น ทุก ๆ คนจึงหันมามองกันหมด
รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเป้าสายตา เจียงสื้อสื้อทำตัวไม่ถูก เธอเอ็ดเบา ๆ “เถียนเถียน อย่าเสียงดังขนาดนั้นสิ จะรบกวนคนอื่นเขานะ”
เถียนเถียนมุ่ยปากด้วยความน้อยใจ “หนูก็แค่อยากให้แด๊ดดี้กอดหม่ามี๊เท่านั้นเอง”
จิ้นเฟิงเฉินจะทนเห็นเถียนเถียนน้อยใจได้ที่ไหน เขาจึงโอบเอวเจียงสื้อสื้อเข้ามาใกล้ตัวเองอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
เจียงสื้อสื้อหันไปมองเขาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ
ก็เห็นเขาเลิกคิ้วขึ้น “เธอคือภรรยาของฉัน ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมสักหน่อย”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ไม่แน่นอนอยู่แล้ว”
คนถ่ายที่เห็นฉากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกดชัตเตอร์ พวกเขาทุกคนดูดีมาก ภาพที่มองกันและกันด้วยความรักอันลึกซึ้งนั้นสวยงามมากจริง ๆ
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินถ่ายรูปกันอีกหลายรูป ตอนที่ได้เห็นรูปภาพ อารมณ์ของเจียงสื้อสื้อค่อนข้างซับซ้อน
ในภาพ รอยยิ้มอย่างดีใจและมีความสุขมาก
ส่วนเขานั้นแม้ว่าจะแค่ยกยิ้มที่มุมปาก แต่ก็ดูออกว่าเขาเองก็ดีใจมาก
เธอหวังให้เวลาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ เขาที่ต้องกลับไปตระกูลซ่างกวน จะได้อยู่กับเธอและลูกตลอด
เมื่อออกมาจากพิพิธภัณฑ์ ก็ช่วงค่ำแล้ว
เวลาที่ต้องแยกจากมาถึงแล้ว
ความสุขที่มีทั้งหมดก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไป เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนขอบตาแดงเป็นกระต่ายไปแล้ว
“เสี่ยวเป่า เถียนเถียน” จิ้นเฟิงเฉินย่อตัวลง ยกมือลูบหัวน้อย ๆ ของพวกเขาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พ่อจะมาหาพวกหนูอีกนะ”
“แด๊ดดี้” เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา