จิ้นเฟิงเฉินลงจากรถ เดินมายังเบื้องหน้าของซ่างกวนหยวน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เธอไม่ต้องพยายามดิ้นรนหรอก ตอนนี้พวกเขาฟังแค่คำพูดฉันเท่านั้น”
ได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนหยวนเบิกตาโพลงอย่างตกใจ “นายกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ?”
เป็นคนของเธอแท้ ๆ ทำไมถึงได้……
“นายทำอะไรกับพวกเขา?” ซ่างกวนหยวนถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
มุมปากจิ้นเฟิงเฉินกระตุกยิ้มถากถางเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ทว่าเอ่ยเป็นคำสั่ง “เอาตัวเธอไป”
ซ่างกวนหยวนกระวนกระวาย ตะโกนร้องเสียงดัง “จิ้นเฟิงเฉิน ชีวิตของนายฉันเป็นคนช่วยเอาไว้ นายกลับปฏิบัติต่อฉันแบบนี้เหรอ?”
“เธอวางใจได้ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” จิ้นเฟิงเฉินหันหลังให้เธอ ในน้ำเสียงนั้นราบเรียบไร้ระลอกคลื่น
“ไม่ทำอะไรฉันงั้นเหรอ?” ซ่างกวนหยวนเผยรอยยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นเปี่ยมด้วยความประชดประชัน “จิ้นเฟิงเฉิน ฉันดูถูกนายมากเกินไปจริง ๆ ”
“พักอยู่ที่บ้านพักตากอากาศดี ๆ อย่าทำเรื่องจำพวกที่ทำให้คนอื่นไม่ชอบอีก”
ซ่างกวนหยวนถูกส่งไปที่บ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งที่ชานเมือง นี่เป็นการจัดการชั่วคราวของจิ้นเฟิงเฉิน
เขามองดูซ่างกวนยวนถูกพาขึ้นตึกแล้วขังให้เข้าไปอยู่ในห้อง เขาถึงหันตัวแล้วจากไป
……
เจียงสื้อสื้อคิดว่าอาจจะต้องผ่านไปสักช่วงเวลาหนึ่งถึงจะพบกับจิ้นเฟิงเฉินได้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ พวกเขาได้พบกันอีกแล้ว
ตอนที่แม่บ้านพาเขามายังเบื้องหน้าตัวเอง พริบตาหนึ่งเธอนึกว่าเป็นภาพลวงตาเสียอีก เธอจึงหยิกที่ต้นขาตัวเองแรง ๆ หนึ่งที มันเจ็บจนเบ้าตาเธอแดงเรื่อขึ้นมาทันที
ทว่าในวินาทีถัดไป เธอก็ไม่สนใจความเจ็บ ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “นายมาได้ยังไง?”
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้อนรับเหรอ?””
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา “ต้อนรับ ต้อนรับอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นเธอยิ้ม จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ้มอย่างอดไม่อยู่
ตอนที่เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนเห็นจิ้นเฟิงเฉิน ก็กระโจนเข้าหาอย่างตื่นเต้น
จิ้นเฟิงเฉินย่อตัวลงนั่งยอง ๆ มือหนึ่งโอบไว้คนหนึ่ง
“แด๊ดดี้ ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” เถียนเถียนเอ่ยถามเจื้อยแจ้ว
“แด๊ดดี้กลับบ้านแล้ว ดีใจหรือเปล่า?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เถียนเถียนพยักหน้า “ดีใจ ดีใจอยู่แล้ว แต่ว่าหม่ามี๊ดีใจมากที่สุด”
เธอหันศีรษะมองยังเจียงสื้อสื้อ
แก้มของเจียงสื้อสื้อย้อมด้วยสีแดงปลั่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ “นายอย่าไปฟังเด็กน้อยพูดจาเพ้อเจ้อ พวกเขาดีใจยิ่งกว่าฉันอีก”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธอ สายตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ “ฉันพูดจริง ๆ นะ ฉันกลับบ้านครั้งนี้ ไม่ใช่แค่อยู่เป็นเพื่อนพวกเธอวันเดียว”
คำพูดนี้เปล่งออกมา เจียงสื้อสื้อตกตะลึงก่อน จากนั้นตื่นตกใจด้วยความดีใจ “นาย……นายพูดจริงงั้นเหรอ? ซ่างกวนหยวนหล่อนยอมให้นายกลับมาเหรอ?”
“เธอไม่ต้องสนใจหล่อนหรอก เอาเป็นว่า ฉันจะไม่กลับไปตระกูลซ่างกวนแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินเลือกที่จะปิดบังเรื่องซ่างกวนหยวน เพราะไม่อยากให้เธอกังวล
เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าในระหว่างนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ขอเพียงเขากลับมาก็ดีแล้ว
น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาตามมุมดวงตา เธอรีบยกมือเช็ด ปาดน้ำตาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ”
……
พอกู้เนี่ยนรู้ว่า BOSS กลับมาแล้ว ก็รีบมาตระกูลฟางทันที
พริบตานั้นที่เห็นจิ้นเฟิงเฉิน กู้เนี่ยนที่เป็นถึงผู้ชายเบ้าตาก็แดงไปหมด
เขายกมือเช็ดมุมตาที่ชื้นแฉะ มุมปากกระตุกยิ้มขึ้น “คุณท่านจิ้น ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”
“เขาคือ?” จิ้นเฟิงเฉินหันศีรษะ มองเจียงสื้อสื้อด้วยความฉงน
เขาจำผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าไม่ได้ แค่รู้สึกว่ามีความรู้สึกที่คุ้นเคยอยู่
“เขาเป็นผู้ช่วยของนาย กู้เนี่ยน” เจียงสื้อสื้อตอบ
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าอย่างนึกออกได้ทันดี สายตาขยับไปบนร่างของกู้เนี่ยน มุมปากยกขึ้นเป็นรัศมีวงกลมจาง ๆ เหมือนกับไม่ได้ยิ้ม “ช่วงเวลานี้ที่ฉันไม่อยู่ ลำบากนายแล้วสินะ”
“ไม่ลำบากเลยสักนิดครับ ขอเพียงคุณกลับมาอย่างปลอดภัย ผมไม่ลำบากเลยสักนิดจริง ๆ ครับ” กู้เนี่ยนเอ่ย
จิ้นเฟิงเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น “จากนี้อาจจะต้องรบกวนนายแล้ว เพราะฉันจดจำเรื่องในอดีตไม่ได้ จำเป็นต้องให้นายบอกฉันทีละเล็กทีละน้อย ฉันควรทำอะไรบ้าง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็กุมมือของเขาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายไม่ต้องรีบร้อนคิดว่าต้องทำอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพักผ่อน เรื่องของบริษัทมีเฟิงเหราอยู่ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเธอรักตัวเองมาก จึงอธิบายแบบยิ้ม ๆ “ฉันไม่ได้เป็นห่วง แต่หวังจะใช้โอกาสนี้นึกเรื่องในอดีตให้ออก”
“ถ้าหากนายอยากรู้เรื่องในอดีต ฉันค่อย ๆ บอกนายได้นะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “เอาสิ”
ตกเย็น ทั่วบ้านใหญ่ตระกูลฟางปกคลุมด้วยเสียงหัวเราะปิติยินดี
สำหรับการกลับบ้านของจิ้นเฟิงเฉินนั้น ซ่างหยิงดีใจมาก ๆ ตั้งใจลงมือทำอาหารเต็มโต๊ะด้วยตัวเองเป็นพิเศษ ยังทำก๋วยเตี๋ยวไล่ความโชคร้ายหนึ่งชามให้จิ้นเฟิงเฉินทานด้วย
“กินแล้วช่วยขจัดโชคไม่ดี จากนี้จะได้ราบรื่น” ซ่างหยิงเอ่ย
จิ้นเฟิงเฉินมองดูก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “น้าสะใภ้ครับ ผมจะกินเยอะขนาดนี้ไหวได้ยังไง?”
“ให้สื้อสื้อช่วยเธอกินด้วยไง” ซ่างหยิงใช้สายตามองไปยังเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “ฉันก็กินเยอะขนาดนั้นไม่ไหวนะ”
ฟางยู่เชินที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยช่วยเหลืออย่างอดไม่ได้ “แม่ ชามใหญ่ตั้งขนาดนั้น ต่อให้เป็นพวกเราหลายคนก็กินไม่หมดหรอกมั้ง?”
“แกเงียบปากไป” ซ่างหยิงถลึงตามองเขาแวบหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ ก็เพราะเธอดีใจมากเกินไป ถึงได้เผลอทำมาเยอะขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง?
ซ่างหยิงมองไปยังจิ้นเฟิงเฉินพลางเอ่ย “งั้นเธอกินได้เท่าไหนก็กินเท่านั้น ได้ความหมายก็พอแล้ว”
ได้ยินแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินถอนหายใจโล่งอกทันที
“น้องเขย นายกลับมาครั้งนี้ จะไม่กลับไปตระกูลซ่างกวนแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?” ฟางยู่เชินเอ่ยปากถาม
“ไม่กลับแล้วล่ะครับ” จิ้นเฟิงเฉินมองเจียงสื้อสื้อ “ในเมื่อผมเป็นคนของตระกูลจิ้น ก็ควรกลับตระกูลจิ้น”
ฟางยู่เชินคิดสักพักหนึ่งแล้วจึงถาม “งั้นซ่างกวนหยวนจะหยุดเท่านี้เหรอ?”
เมื่อเอ่ยถึงซ่างกวนหยวน ซ่างหยิงก็อารมณ์เสีย “แกนี่นะ วันที่มีความสุขแบบนี้ ไม่พูดถึงหล่อนจะได้ไหม?”
ฟางยู่เชินหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “แม่ แต่ก่อนชอบหล่อนมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นเป็นเพราะฉันตาบอดน่ะสิ!”
ถ้าหากซ่างหยิงนึกถึงเรื่องในอดีตที่เธอยังอยากเป็นคนกลางจับคู่ให้ลูกชายกับซ่างกวนหยวน ก็แทบอยากจะตบตัวเองสักทีหนึ่ง
นี่เป็นเรื่องน่าอัปยศของเธอชั่วชีวิตเลยจริง ๆ
นึกไม่ถึงว่าจะถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอก
ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว พูดประโยคหนึ่งที่มีความหมายลึกซึ้ง “หวังว่ามันจะมีแค่ครั้งเดียว”
ซ่างหยิงฟังความหมายลึกซึ้งในคำพูดเขาไม่ออก เธอเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “แกวางใจเถอะ จะมีเพียงครั้งเดียว”
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อเข้าใจ เธอมองฟางยู่เชินแล้วลอบถอนหายใจ
“เฟิงเฉิน รีบกินตอนยังร้อนนะ” ซ่างหยิงบอกจิ้นเฟิงเฉิน แล้วหันตัวไปในห้องครัว
หลังจากเธอเดินไป เจียงสื้อสื้อจึงจะเอ่ยปากถามเสียงเบา “พี่คะ พี่กับเวยเวยเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีมากเลยล่ะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “งั้นก็ดีค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ฟางยู่เชินถาม
เจียงสื้อสื้อส่ายหัว “ไม่มีอะไร ก็แค่เป็นห่วงนิดหน่อย”
ฟางยู่เชินเผลอยิ้ม “เรื่องของเรา เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป ตอนนี้น้องเขยกลับมาแล้ว เธอก็คอยอยู่เป็นเพื่อนเขาให้ดีเถอะ”
“ฉันรู้แล้ว” เจียงสื้อสื้อมองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน ริมฝีปากโค้งมนยิ้มเอ่ย “ฉันตั้งใจจะพาเขากับลูกกลับเมืองจิ่น”
ได้ยินการตัดสินใจของเธอ ฟางยู่เชินประหลาดใจมาก “ตัดสินใจดีแล้วเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “บางทีกลับตระกูลจิ้นแล้ว ได้เห็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เขาอาจจะนึกเรื่องอะไรขึ้นได้”
ฟางยู่เชินพยักหน้าเห็นด้วย “ก็เป็นไปได้”
“เอ่อ อีกสองวัน พวกเราก็กลับบ้านแล้ว ระหว่างนี้รบกวนพวกพี่มาตลอดเลย”
เมื่อได้ยิน ฟางยู่เชินทำหน้าบึ้ง แสร้งเอ่ยไม่พอใจ “เธอพูดแบบนี้เห็นกันเป็นคนนอกเหรอ!”
“ฉันไม่ได้เห็นเป็นคนนอก ถ้าหากไม่มีพวกพี่ ฉันก็ไม่รู้จะทนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ยังไง ”
สิ่งที่เจียงสื้อสื้อเอ่ยเป็นคำพูดจริงใจ หากไร้ความช่วยเหลือของพวกเขา เธอก็ไม่มีทางจะยืนหยัดต่อไปจริง ๆ