กินข้าวเย็นเสร็จ ทั้งครอบครัวก็นั่งพูดคุยกัน ในห้องนั่งเล่นมีเสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่ว
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่เงียบๆ มองท่าทางที่ดีอกดีใจมีความสุขของพวกเขา มุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ที่แท้นี่ก็เป็นความรู้สึกของครอบครัวอย่างแท้จริงนี่เอง
นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเวลาที่อยู่ตระกูลซ่างกวน
อบอุ่น สบายใจ
แต่ จู่ๆ ในหัวของเขาก็ปวดขึ้นมา
ปวดขึ้นมากะทันหัน
เขาพูดเสียงอู้อี้ออกมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่ เจียงสื้อสื้อที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วก็หันหน้าไป เห็นเขาใช้มือค้ำหัวอยู่ สีหน้าท่าทางเจ็บปวด ก็ตกใจจนหน้าซีดขาว
“เฟิงเฉิน คุณเป็นอะไร? รู้สึกไม่สบายตรงไหน?”
เธอถามขึ้นอย่างกระวนกระวาย คนอื่นๆ ก็หยุดพูดคุยทันที หันมองมา
“เฟิงเฉิน!”
“พี่ใหญ่!”
ตามมาด้วยเสียงร้องตกใจ จิ้นเฟิงเฉินสลบไปแล้ว
“รีบเรียกหมอเร็วเข้า!”แม่จิ้นน้ำเสียงสูงแหลมขึ้นมาเนื่องจากความกลัวและกังวล
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ก็รีบวิ่งไปโทรศัพท์ทันที
จิ้นเฟิงเฉินถูกหามขึ้นมานอนบนเตียง เจียงสื้อสื้อนั่งลงที่ขอบเตียง กุมมือของเขาไว้แน่น น้ำตาร่วงหล่นลงมาราวกับไข่มุก
แม่จิ้นก็เช็ดน้ำตาไม่หยุดไม่หย่อน
สีหน้าของทุกคนต่างก็ดูไม่ดี บรรยากาศในห้องก็หดหู่ขึ้นมาไม่น้อย
ส้งหวั่นชีงเดินเข้าไปข้างหน้า ยกมือขึ้นมาวางลงที่ไหล่ของเจียงสื้อสื้อ ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงเบาๆ “พี่สะใภ้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พี่ใหญ่จะไม่เป็นอะไรแน่นอน”
พอได้ฟังแบบนั้น น้ำตาของเจียงสื้อสื้อก็ร่วงหล่นเร็วขึ้น พูดขึ้นอย่างกล้ำกลืน”โทษฉัน เพราะฉันเอง ถ้าฉันห้ามไม่ให้เขากินยาในตอนนั้น……”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอก็เสียใจจนพูดต่อไปไม่ได้
“กิน กินยาอะไร?”พ่อจิ้นถาม
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก ก่อนจะพูดตอบ”ยาที่พวกโม่เหยียพัฒนาออกมา สามารถช่วยฟื้นความทรงจำได้”
“ทำไมพวกเขาถึงวุ่นวายไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?”พ่อจิ้นถอนหายใจออกมาอย่างแรง”ยานี้เพิ่งจะพัฒนาออกมา ยังไม่รู้เลยว่ามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ก็ให้เฟิงเฉินกินเข้าไปแล้ว ช่างมั่วซั่ววุ่นวายจริงๆ !”
“ขอโทษค่ะ”จู่ๆ เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากให้จิ้นเฟิงเฉินได้ความจำกลับคืนมา ก็คงจะไม่ให้พวกโม่เหยียวิจัยยาออกมา
“เป็นความผิดของหนูเองค่ะ เป็นความผิดของหนูเอง……”เธอตบตัวเองอย่างแรงหนึ่งที
“พี่สะใภ้!”ส้งหวั่นชีงตกใจ รีบคว้ามือของเธอไว้ทันที หันหน้าไปพูดกับพ่อจิ้น”พ่อ ยาก็กินไปแล้ว จะพูดอะไรมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!”
“ฉัน……”พ่อจิ้นยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับถูกแม่จิ้นพูดตัดบทขึ้นมาก่อน”เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว ไม่เห็นหรือไงว่าสื้อสื้อก็เสียใจมากเหมือนกัน?”
จากนั้น แม่จิ้นก็เดินตรงเข้าไป มองแก้มของเจียงสื้อสื้อที่ถูกตัวเองตบจนแดง ถอนหายใจออกมา พูดขึ้นด้วยความปวดใจ”เด็กโง่ ไม่ใช่ความผิดของลูกสักหน่อย ตัวเฟิงเฉินเองก็อยากฟื้นความจำกลับมาเหมือนกัน”
เจียงสื้อสื้อหันมองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน
เขาหลับสองตา สีหน้านิ่งเงียบ มองดูแล้วเหมือนกับกำลังนอนหลับอยู่
ไม่นาน พ่อบ้านก็พาหมอเข้ามา
หลังจากที่หมอตรวจแล้ว ร่างกายของจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร แถมเขาก็ไม่เข้าใจว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงจู่ๆ จะสลบไปกะทันหันได้ยังไง
หมอเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “จริงๆ แล้วแทนที่จะบอกว่าเขาสลบไป บอกว่าเขานอนหลับอยู่น่าจะถูกกว่า อาจจะเพราะเหนื่อยเกินไป พวกคุณรออีกหน่อย บางทีพรุ่งนี้เช้าอาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้”
“คุณหมอ คุณจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้วอย่างนั้นเหรอคะ?”เจียงสื้อสื้อถามขึ้นอย่างไม่วางใจ
หมอพยักหน้า”อื้อ ไม่เป็นไรแม้แต่นิดเดียว”
พอได้ฟังแบบนั้น เส้นประสาทที่ตึงเครียดของเจียงสื้อสื้อก็คลายลง
ดีจัง เขาไม่เป็นอะไร
หลังจากหมอกลับไปแล้ว ส้งหวั่นชีงก็เปิดปากพูดขึ้น”พ่อ แม่ พวกเราออกไปกันเถอะ ให้พี่สะใภ้อยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่ก็พอแล้ว”
พ่อจิ้นพยักหน้า”ได้ พวกเราออกไปกันเถอะ”
“พี่สะใภ้ มีเรื่องอะไรก็เรียกเฟิงเหราเลยนะ”ส้งหวั่นชีงหันหน้ามาพูดกับเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อตอบ”อื้อ”กลับมา”พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่มีฉันก็พอแล้ว”
มองพวกเขาออกไป พอประตูห้องปิด ในห้องก็เงียบสนิทลง
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น ช่วยจิ้นเฟิงเฉินห่มผ้าห่มเสร็จ แล้วก็เข้าไปห้องน้ำ
เธอไม่ได้สังเกตว่าจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่บนเตียงข้างหลังเธอ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา
เขาอยู่ที่ไหน?
จิ้นเฟิงเฉินหันหน้าไปมองทั้งสองด้าน ผ้าม่านที่คุ้นตา การตกแต่งที่คุ้นตา เขายิ้มอย่างโล่งใจออกมา
ที่แท้เขากลับมาถึงบ้านแล้ว
เขารู้สึกว่าตัวเองนอนฝันไปยาวนานมาก
ในฝันเขาก็แต่งงานมีลูกแล้วด้วย
ตอนนี้ตื่นขึ้นมา คิดดูแล้วก็น่าขำไม่น้อย
เขาจะแต่งงานได้ยังไง?
เจียงสื้อสื้อออกมาจากห้องน้ำ เห็นจิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้นมานั่งพอดี ตาก็ถลึงโตทันที ก่อนจะพุ่งเข้าไป
“เฟิงเฉิน คุณตื่นแล้ว!”
เสียงที่ดีใจดังก้องไปทั่วห้อง
จิ้นเฟิงเฉินอึ้งตะลึงไป เขามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
เธอเป็นใคร?
น้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า เจียงสื้อสื้อยิ้ม”ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว คุณทำฉันตกใจแทบแย่”
จิ้นเฟิงเฉินถูกเสียงของเธอดึงสติกลับมา คิ้วที่ดูดีขมวดทันที ริมฝีปากบางๆ เปิดเล็กน้อย”คุณเป็นใคร? คุณมาอยู่ที่ห้องของผมได้ยังไง?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงสื้อสื้อหุบลงทันที เธอมองเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ”คุณจำฉันไม่ได้?”
“ผมต้องจำคุณให้ได้หรือไง?”จิ้นเฟิงเฉินถามเธอกลับ ใบหน้าที่หล่อเหลาถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นชา น้ำเสียงก็เยือกเย็นเช่นเดียวกัน”คุณนึกว่าทำแบบนี้จะสามารถเรียกร้องความสนใจจากผมได้อย่างนั้นเหรอ?”
เขาในตอนนี้ ก็เหมือนเขาในตอนที่พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกัน
เย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์
“ฉันเป็นภรรยาของคุณไง”เจียงสื้อสื้อพูดอย่างนิ่งสงบ
“ภรรยา?”จิ้นเฟิงเฉินหลุดขำออกมา”คุณบ้าไปแล้วเหรอ? หรือว่ากำลังฝันกลางวันกัน!”
“พวกเรามีลูกด้วยกันสองคน ลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายชื่อเสี่ยวเป่า ลูกสาวชื่อเถียนเถียน”เจียงสื้อสื้อยังคงนิ่งสงบ
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว จู่ๆ ในหัวก็มีรูปร่างหน้าตาของเด็กโผล่ขึ้นมา ชัดเจนมาก
ชัดเจนถึงขั้นที่เขารู้สึกตกใจไม่น้อย
“คุณลืมพวกเราอีกแล้วเหรอ?”เจียงสื้อสื้อถามขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้ามอง สบตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าของเธอ
ใจ รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
“ผม……”จิ้นเฟิงเฉินขยับปาก คิดจะพูดออกมาแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ฉันเป็นภรรยาของคุณ เจียงสื้อสื้อ”
“สื้อสื้อ……”จิ้นเฟิงเฉินสบถออกมาจากปากอย่างไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
เขากุมหัว พึมพำออกมา”ปวดหัว ปวดหัว……”
ทำให้เจียงสื้อสื้อตกใจ รีบคว้ามือของเขา ร้องตะโกนออกมา”เฟิงเฉิน คุณอย่าทำให้ฉันตกใจสิ อย่าทำให้ฉันตกใจ……”
เสียงร้องของเธอเข้ามาในหู จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าใจเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับเอาไว้ กดจนเจ็บปวดไปหมด
สื้อสื้อ
สื้อสื้อของเขา
จิ้นเฟิงเฉินปล่อยมือออก เงยขึ้นมอง ภาพของเจียงสื้อสื้อร้องห่มร้องอย่างเจ็บปวดหัวใจผ่านเข้ามาในตา
“หยุดร้องได้แล้ว”เขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่หน้าของเธอเบาๆ
เจียงสื้อสื้อคว้ามือของเขาเอาไว้ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างจริงจัง”เฟิงเฉิน ไม่ว่าคุณจะจำฉันได้หรือว่าจำฉันไม่ได้ มันไม่สำคัญ ฉันแค่อยากให้คุณสุขภาพแข็งแรงก็พอ”
จิ้นเฟิงเฉินยกมุมปากโค้งยิ้ม พูดเบาๆ “ยัยโง่ ผมจะจำคุณไม่ได้ได้ยังไงล่ะ”