“งาน?”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “นี่เกี่ยวอะไรกับเรื่องงานของเธอ?”
อยู่ๆ เหลียงซินเวยก็ตั้งตัวได้ ก็ได้รีบมองลงอย่างร้อนรน พูด “ไม่มีอะไรค่ะ คิดซะว่าฉันพูดไปเลื่อย”
เธอไม่อยากให้ระหว่างเขากับพ่อแม่ของเขามีปัญหา
“ไหนๆ ก็ไม่มีอะไร งั้นทำไมเธอไม่ยอมที่จะแต่งงานกับผม?” ฟางยู่เชินถาม
“รอให้พ่อแม่ของพี่ยอมรับในตัวฉันก่อน ฉันก็แต่งงานกับพี่”
ถึงแม้ว่าพูดแบบนั้น แต่ว่าเหลียงซินเวยรู้ดี นี่มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
“ได้ งั้นพวกเราก็รอจนถึงวันนั้น”
ฟางยู่เชินก็ไม่ค่อยอยากที่จะบังคับเธอ อีกอย่างเขานั้นก็ควรที่จะคิดหาวิธีที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเวยเวย
เขาก็ได้เช็ดน้ำตาของเธอ ยิ้มพูด “รออีกสองวันผมว่างแล้ว พาเธอกับอานอานไปเที่ยวกัน”
เหลียงซินเวยพยักหน้า “ค่ะ”
……
ฟางยู่เชินกลับไปถึงบ้าน เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
เย่เสี่ยวอี้ได้กลับไปแล้ว พ่อแม่ก็ได้ขึ้นไปพักผ่อนแล้ว
เขาก็ได้ถอนหายใจยาวๆ ถือว่าหลบพ้นไปที
เขาก็ได้ค่อยๆ ขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้อง กลับคิดไม่ถึงว่าไฟในนั้นได้สว่างอยู่ คุณแม่ก็ได้นั่งอยู่บนโซฟา
ฟางยู่เชินตกใจไปเลย เดินไป ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้จะทำยังไง “แม่ครับ แม่ทำไมยังไม่นอน?”
ซ่างหยิงมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ยอมรับมาตรงๆ ลูกไปไหนมา?”
“ผมก็ได้โทรประชุมอยู่ที่บริษัทไงครับ” ฟางยู่เชินก็ได้หลบตาเธอ จับจมูกแล้วก็พูด
“ลูกกำลังโกหก” ซ่างหยิงได้พูดออกไปอย่างมั่นใจ
ใจของฟางยู่เชินก็ได้ตกใจ ก็ได้รีบปฏิเสธ “เปล่าครับ”
“แม่เป็นแม่แก เข้าใจแกที่สุด” ซ่างหยิงก็ได้ลุกขึ้น หรี่ตา “ลูกตั้งแต่เล็กจนโต พอโกหกก็จะจับจมูกเป็นนิสัย”
ได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็ได้รีบวางมือลง “แม่ครับ แม่คิดมากไปแล้ว จมูกผมก็แค่คันเล็กน้อย”
“ลูกไปหาเหลียงซินเวยแล้ว ใช่ไหม?” ซ่างหยิงก็ได้ถามออกไปตรงๆ
ฟางยู่เชินก็ได้ก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร
ยอมรับแล้ว
ซ่างหยิงก็ได้โมโหจนหัวเราะ ก็ได้ใช้นิ้วไปจิ้มที่หน้าผากของเขา “เด็กนี่ แกกล้าที่จะคิดว่าคำพูดของแม่เป็นลมทวนหูเหรอ? แม่บอกลูกแล้วว่าต้องตัดขาดกับเหลียงซินเวยอย่างเด็ดขาด ลูกทำได้หรือยัง?”
“แม่ครับ!” ฟางยู่เชินเงยหน้า มองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่หนักแน่น “ผมกับเวยเวยรักกันอย่างจริงใจ แม่ก็ยอมรับพวกเราเถอะครับ”
“ไม่มีทาง! ไม่มีทางแน่นอน!” ซ่างหยิงก็ได้พูดออกไปอย่างเด็ดขาด “ลูกสะใภ้ที่แม่ยอมรับมีแค่เสี่ยวอี้คนเดียวเท่านั้น”
“ผมไม่ได้ชอบเธอ” ฟางยู่เชินพูด “อีกอย่างพรุ่งนี้ผมก็จะทำการแถลงข่าว ยกเลิกสัญญาแต่งงานสองตระกูล”
“ฟางยู่เชิน!” ซ่างหยิงก็ได้โมโหจนตัวสั่น
เห็นว่าคุณแม่ได้โมโหขนาดนี้ ท่าทางของฟางยู่เชินก็ได้อ่อนลง พูดเสียงเบาว่า “แม่ครับ ผมกับเย่เสี่ยวอี้ไม่เหมาะสมกันจริงๆ อีกอย่างที่เขาพูดกันว่าแตงที่ฝืนเด็ดมามันไม่หวาน เพื่อความสุขทั้งชีวิตของผม เรื่องแต่งงานร่วมกันนี้ก็ช่างมันไปเถอะครับ”
“ไม่มีทาง” ซ่างหยิงก็ได้พูดสามคำนี้ออกไปจากปากอย่างเด็ดขาด พูดไปว่า “ลูกต้องแต่งงานกับเสี่ยวอี้ แม่กับพ่อของลูกก็ทำเพื่อลูก”
ฟางยู่เชินก็ได้หัวเราะเบาๆ “แม่ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าทำเพื่อผม แล้วมาเติมเต็มความเห็นแต่ตัวของพวกท่านหรอกครับ”
พอได้ยินคำนี่ ความโมโหที่ซ่างหยิงพยายามสงบลงก็ได้ระเบิดอีกครั้ง “ความเห็นแต่ตัวอะไร? พวกเราก็ทำเพราะให้ลูกยืนที่ฟางซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคง เจอกับความกดดันของพวกผู้บริหารน้อยหน่อย”
“ลูกทำไมถึงได้ไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่กับพ่อของลูกทำล่ะ?”
ซ่างหยิงโมโหจนร้องไห้ออกมา
ฟางยู่เชินก็ได้ถอนหายใจ “แม่ครับ หรือว่าความสุขของผมมันไม่สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอนว่าสำคัญ แต่ว่าเหลียงซินเวยคนนั้นไม่เหมาะกับลูกจริงๆ เธอดูถูกตัวเองแล้วก็เป็นที่อบรมสั่งสอนมาไม่ดี ลูกแต่งงานกับเธอต่อไปต้องลำบากแน่”
“เวยเวยดูถูกตัวเอง? ถูกอบรมสั่งสอนมาไม่ดี?” ฟางยู่เชินหัวเราะ “แม่ครับ คนที่แม่พูดทำไมเหมือนว่าไม่เป็นคนเดียวกันกับที่ผมรู้จักครับ?”
“เวยเวยที่ผมรู้จักใจกว้าง เป็นคนดี หนักแน่น กล้าหาญ เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกนี้”
เขาใช้คำว่า “ดีที่สุดในโลก” มาบรรยายเหลียงซินเวย
ซ่างหยิงรู้สึกว่าเขาตาบอดไปแล้ว ส่ายหน้าพูด “ไม่ได้ แม่ให้แกทำอะไรมั่วๆ ไม่ได้”
“แม่ครับ แม่ลองที่จะยอมรับเวยเวย ต้องพบว่าเธอนั้นดีกว่าเย่เสี่ยวอี้มากๆ แน่ๆ”
ฟางยู่เชินคิดถึงคำพูดที่เวยเวยพูดคืนนี้ ก็อยากที่จะอาศัยจังหวะนี้มาบอกให้คุณแม่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับเวยเวย
สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่จริงจังที่เขามีให้เหลียงซินเวย ซ่างหยิงถึงได้รู้ว่าเรื่องได้จัดการยากกว่าที่ตนคิดไว้มาก
เธอก็เหนื่อยแล้ว ไม่อยากที่จะคุยเรื่องนี้กับเขาต่อ
“ช่างเถอะ ไม่พูดกับลูกแล้ว แม่กลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว”
มองเธอออกไป ฟางยู่เชินยังไม่ลืมที่จะพูดออกไปว่า “แม่ครับ เวยเวยดีมากจริงๆ แม่สามารถลองที่จะรู้จักกับเธอหน่อย”
ซ่างหยิงปิดประตู หยุดคำพูดของเขา
เธอก็ได้เหล่ไปมองห้องสักพัก สีหน้าเคร่งเครียด เห็นทีเหลียงซินเวยไม่ได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาใส่ใจ งั้นก็อย่าหาว่าเธอนั้นใจร้าย
……
เพราะว่าตกงาน ช่วงนี้เหลียงซินเวยก็ได้ไปรับอานอานเองที่โรงเรียนทุกวัน
วันนี้ เธอก็เหมือนกับปกติ ไปรับอานอานที่โรงเรียน พอคุณครูเห็นเธอ ก็ได้ถามด้วยความสงสัย “อานอานถูกรับกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“ถูกรับกลับไปแล้ว?” เหลียงซินเวยขมวดคิ้ว? “ใครรับไปคะ?”
“อีกฝ่ายบอกว่าเป็นคุณย่าของอานอาน”
“คุณย่า? อานอานไม่มีคุณย่านะคะ” เหลียงซินเวยสังเกตว่าเรื่องมันไม่ปกติ ก็ได้รีบถาม “อีกฝ่ายรูปร่างยังไงคะ?”
คุณครูก็ได้ร้อนใจขึ้น รีบพูดไปว่า “อายุน่าจะประมาณห้าสิบ แต่งตัว……”
เรียบเรียงคำพูดสักพัก ก็ได้พูดต่อ “ดูหรูหรา พอดูแล้วก็เหมือนว่าเป็นคนมีฐานะค่ะ!”
หรูหรา?
มีฐานะ?
ในหัวของเหลียงซินเวยก็ได้มีร่างคนคนหนึ่ง เธอก็ได้ทำตาโต ซ่างหยิง?!
ไม่รอให้เธอไปหาถึงบ้าน ซ่างหยิงก็ได้ติดต่อเธอไปก่อน
“อานอานอยู่กับคุณใช่ไหม?” พอได้รับโทรศัพท์ เหลียงซินเวยก็ได้ถามออกไปตรงๆ น้ำเสียงไม่มีความเกรงใจแบบเมื่อก่อนอยู่เลย
ปลายสายก็ได้มีเสียงซ่างหยิงหัวเราะออกมาเบาๆ “คิดไม่ถึงว่าลูกชายของเธอหน้าตาไม่เลว”
“คุณน้าคะ คุณมีเรื่องอะไรก็มาลงที่ฉัน เด็กไม่รู้เรื่องนะคะ!”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซ่างหยิงก็ได้เย็นชาลง “ถ้าเกิดเธอหวังจะให้ลูกชายเธออยู่ดี ก็เลิกกับยู่เชิน”
เหลียงซินเวยหลับตาลง มุมปากยิ้มอย่างขมขื่น พูดอย่างประชด “เพื่อเรื่องนี้ คุณน้าคุณนี่ลงทุนมากจริงๆ นะคะ”
“ต่างก็เป็นคนเป็นแม่ เธอน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ”
เหลียงซินเวยก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองมากๆ “พวกคุณอยู่ที่ไหน?”
ซ่างหยิงก็ได้บอกที่อยู่ไป แล้ววางสายไป
เธอก็ได้หันไปมองอานอานก็ได้ก้มหน้ากินเค้กข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เด็กคนนี้คุณย่าฮะคุณย่าครับแบบนั้น ปากหวานมากๆ ถ้าเกิดไม่เป็นเพราะเหลียงซินเวย เธอก็ชอบเขาพอสมควรอยู่หรอก
อีกอย่าง เธอก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองทำแบบนี้ไปมันผิดหรือถูก
แต่ว่าทำแล้ว ก็ไม่มีเวลาที่จะหันกลับแล้ว
หวังว่าคราวนี้ จะทำให้เหลียงซินเวยตัดขาดกับยู่เชินได้จริงๆ