ไม่นาน อิ้งเทียนที่ตรวจสอบทุกอย่างอยู่ในต่างประเทศก็มีความคืบหน้ามากขึ้น
“คุณชายครับ พวกเราตรวจสอบเจอคนที่ติดต่อกับ เทียนหลังแล้ว เป็นเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่งของซ่างกวนหยวน”
ปัง!
จิ้นเฟิงเฉินตบโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความโมโห “เป็นเธอจริงๆ ด้วย!”
ตอนแรกพวกเขาก็แค่คาดเดาเท่านั้น ไม่กล้ามั่นใจเลยว่าเรื่องครั้งนี้มันจะเกี่ยวข้องกับซ่างกวนหยวน เพราะคิดว่าเธอเองก็น่าจะมีความเกรงกลัวต่อตระกูลจิ้นอยู่บ้าง คงไม่กล้าทำอะไรที่มันเกินไปอย่างนี้
แต่ในความเป็นจริง ซางกวนหยวนไม่ให้ความสำคัญกับตระกูลจิ้นด้วยซ้ำ! จิ้นเฟิงเหรายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาหันไปมองทางจิ้นเฟิงเฉิน “พี่ ครั้งซ่างกวนหยวนทำเกินไป พี่คิดจะทำยังไง?”
สีหน้าของจิ้น้ฟิงเฉินดูเคร่งขรึม ดวงตาของเขาดูเยือกเย็นราวกับน้ำค้าง เขาเม้มริมฝีปากจนกลายเป็นเส้นตรง
ซึ่งสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าที่ดุร้ายจากตัวเขาได้อย่างชัดเจน
จิ้นเฟิงเหรารู้ว่าพี่ชายของเขาโกรธมาก
เขายกริมฝีปากยิ้ม ตอนนี้ ตระกูลซ่างกวนต้องซวยมากแน่ๆ
ในตอนนั้น อิ้งเทียนก็กล่าวว่า “คุณชาย จะให้ทำยังไงครับ บอกผมมาได้เลย”
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เขา ก่อนจะพูดว่า “ไปตรวจสอบเพื่อนสมัยเรียนของซ่างกวนหยวนให้ละเอียด จากนั้นก็ส่งคนไปสะกดรอยตามตระกูลซ่างกวนรวมถึงตัวซ่างกวนหยวน”
“ครับ” อิ้งเทียนรับคำสั่งก่อนจะออกไป
“พี่ พี่คิดที่จะทำยังไง?” จิ้นเฟิงเหราถามด้วยความสงสัย
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว “พี่ก็จะส่งคนไปลักพาตัวซ่างกวนหยวนเหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบ แต่เขาทำแค่หรี่ตาลง และในดวงตาของเขาก็ดูมืดมน
เจตนาของซ่างกวนหยวนเลวร้ายเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ ถ้าเป็นไปได้ เขาต้องทำให้เธอได้ลิ้มรสการที่ไร้อำนาจและความกลัว
……
หาไม่เจอ!
หาที่ไหนก็หาไม่เจอ!
คนที่ฟางยู่เชินส่งมา ไม่มีใครสามารถหาตัวของเหลียงซินเวยและอานอานเจอ
“ยังไม่เจออีกเหรอ?” ซางยู่เชินมองที่ส้งหยาวอย่างผิดหวัง
ส้งหยาวส่ายหัว
“เหอะ” ฟางยู่เชินหัวเราะ และล้มตัวลงบนโซฟา “เธอมีความอดทนจริงๆ พบซ่อนตัวขึ้นมาไม่ว่าฉันจะหายังไงก็หาไม่เจอ”
เมื่อเห็นความเศร้าโศกและความผิดหวังของเขา ส้งหยาวก็รู้สึกอึดอัด เขาจึงพูดปลอบโยนว่า “ประธาน บางทีวันหนึ่งคุณเหลียงอาจจะกลับมาหาคุณด้วยตัวเอง”
“เป็นไปได้เหรอ?” ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้นและมองที่เขา
“แน่นอนว่ามันเป็นไปได้” ส้งหยาวฝืนยิ้ม “คุณเหลียงชอบคุณมาก เธอจะปล่อยความสัมพันธ์นี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร?”
“ชอบฉันมากเหรอ? ปล่อยไม่ได้งั้นเหรอ?” ฟางยู่เชินทำเหมือนว่าได้ยินเรื่องตลก ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา ในรอยยิ้มเต็มไปด้วยความขมขื่น “ถ้าเธอปล่อยไม่ได้จริงๆ เธอคงไม่ซ่อนตัวหรอก และไม่ยอมให้ฉันหาเจอสักที”
บางทีเธออาจจะไม่ชอบเขาเลยก็ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะจากไปอย่างใจร้ายแบบนี้เหรอ?
ส้งหยาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านประธาน นายคิดว่ามันแปลกๆ ไหม?”
“แปลกตรงไหน?”
“จากความสามารถของคุณเหลียง เป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย?”
เมื่อส้งหยาวพูดถึงเรื่องนี้ ฟางยู่เชินก็พบว่า
มีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปจริงๆ
เขาขมวดคิ้ว “หรือว่าจะมีคนช่วยเธอ?”
เขายิ่งคิดก็ยิ่งดูไม่ปกติ
คนที่สามารถทำให้เหลียงซินเวยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้าอย่างนั้นคนที่ช่วยเธอในเมืองหลวงนี้ก็น่าจะเป็นคนใหญ่คนโต
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางยู่เชินก็ลุกขึ้นทันที และสั่งว่า “ส้งหยาว ส่งคนไปจับตาดูเย่เฉินหยุน และรายงานให้ฉันทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น”
“ครับ”
ส้งหยาวหันตัวเดินออกไป
ในห้องทำงานเหลือเพียงแค่ฟางยู่เชิน เขาหรี่ตาลง ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นเย่เฉินหยุนที่ช่วยเวยเวย
……
ตั้งแต่ที่ย้ายมาบ้านใหม่ เหลียงซินเวยกับอานอานก็ออกจากบ้านน้อยครั้งมาก เพราะกลัวว่าถ้าออกไปจะทำให้ฟางยู่เชินหาเธอเจอ
โดยทั่วไปพวกเธอจะออกไปตอนที่เย่เฉินหยุนมาหาเท่านั้น เธอจะนั่งรถออกไปกับเขาบ้าง
ในวันนี้ เย่เฉินหยุนก็มาหาเหลียงซินเวยตามปกติ
“วันนี้จะพาไปปีน” เย่เฉินหยุนสวมชุดลำลองพร้อมรองเท้ากีฬา
เหลียงซินเวยอดไม่ได้ที่จะยิ้มและชมเชย “คุณใส่แบบนี้ ดูเหมือนนักศึกษาเลย”
“เหรอ?” เย่เฉินหยุนยิ้มอย่างเขินอาย “ไม่คิดเลยว่าคนที่อายุใกล้ 30 แบบผม จะโดนคนอื่นชมด้วย”
เหลียงซินเวยยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับอานอาน “หนูก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ อย่าให้คุณลุงเย่รอนานนะ”
“ครับ” อานอานไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเชื่อฟัง
เหลียงซินเวยเห็นว่าเย่เฉินหยุนคอยมองดูอานอานที่ไปที่ห้อง เธอก็ยกริมฝีปากยิ้มและพูดว่า “คุณชอบอานอานมากไหม?”
“แน่นอน ชอบอยู่แล้ว” เย่เฉินหยุนถอนสายตาของเขา ก่อนจะมองไปที่เธอและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมรู้สึกว่าเขาให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับผม”
“อาจเป็นเพราะเขาดูเหมือนพี่สาวฉันมาก” เหลียงซินเวยพูดอย่างตั้งใจ
“ก็เหมือนอยู่บ้าง แต่เขาเป็นลูกชายของเธอ จะมีหน้าตาเหมือนพี่สาวของเธอมันก็เป็นเรื่องปกติ”
เหลียงซินเวยถอนหายใจภายในใจ นี่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อจริงๆ เหรอ
หลายวันมานี้ก็เห็นว่าเขาเข้ากับอานอานได้เป็นอย่างดี และดูสนิทสนมกัน มีหลายครั้งที่เธอเกือบจะบอกความจริงกับเขาไป แต่พอจะพูดสุดท้ายมันก็พูดไม่ออกมา
เธอไม่รู้ว่าถ้าเย่เฉินหยุนรู้ว่าเป็นลูกชายของเขา เขาจะมีท่าทีอย่างไร เขาจะรู้สึกดีใจหรือจะรู้สึกไม่ยอมรับ?
เธอไม่อยากให้อานอานได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ดังนั้น การรักษาสภาพในตอนนี้ไว้มันก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย
……
“ท่านประธาน ได้ข่าวแล้ว” ส้งหยาวไม่ทันได้เคาะประตู เขาก็เดินเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของประธานทันที
“เป็นข่าวของเวยเวยเหรอ?” ฟางยู่เชินถามอย่างรีบร้อน
ส้งหยาวพยักหน้า “ครับ เป็นข่าวของคุณเหลียง”
เมื่อฟางยู่เชินได้ยิน ไปหน้าของเขาก็ดูมีความสุข ก่อนที่จะถามต่อว่า “เธออยู่ที่ไหน?”
“คุณเหลียงอาศัยอยู่ในบ้านพักย่านชานเมือง”
“ชานเมือง?” ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “อยู่แถวชานเมืองเองเหรอ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงหาเธอไม่เจอเลย?”
“ท่านประธาน พวกเราไม่เคยคิดว่าคุณเหลียงจะอยู่ในบริเวณบ้านพัก ในตอนนั้นเราไม่เคยเข้าไปหาเลย”
คำอธิบายของส่งหยาว ทำให้ฟางยู่เชินทำอะไรไม่ถูก
ในตอนแรก ไม่มีใครสงสัยเย่เฉินหยุนเลย
“คนของเราตามเย่เฉินหยุนไปที่บ้านพัก และเห็นว่าเขาเข้าไปในวิลล่าหลังหนึ่ง ไม่นานคุณเหลียงและอานอานก็เดินออกมาด้วยกัน”
“พวกเขาไปไหนกัน” ฟางยู่เชินถาม
“หนานซาน”
หนานซาน?
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว และออกคำสั่งทันที “ฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก ทุกอย่างที่เกี่ยวกับงาน เลื่อนออกไปก่อน”
หลังจากนั้น เขาก็รีบออกจากห้องทำงานไป เขาขึ้นลิฟต์ไปที่ลานจอดรถใต้ดิน และขับรถไปหนานซาน
มือที่กุมพวงมาลัยอยู่ก็กำแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปยังถนนข้างหน้า ตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย รอเขาพาตัวเธอกลับมาให้ได้ก่อน เขาจะต้องสั่งสอนเธอให้หลาบจำ
เธอจากเขาไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย และยังมาบอกอีกว่าชอบเขา รักเขา มันก็แค่เรื่องที่หลอกเขา!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางยู่เชินก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจยังห้ามไม่ได้
เขายังไม่รู้เลย ว่าทำไมเธอถึงได้จากไปอย่างเด็ดขาดแบบนั้น
เรื่องบางสิ่ง ต้องหาเธอให้เจอก่อนมันถึงจะสามารถไขข้อสงสัยได้