ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1801 : เปลี่ยนใจ

ตอนที่ 1801 : เปลี่ยนใจ
  “ หากไห่อู่เซิงเป็นแบบที่เจ้าบอกจริงๆ ข้าไม่ปล่อยเขาไปแน่” จางลู่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ซุนเหยียนเงียบไปชั่วครู่ ตอนแรกเขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ดูเหมือนกังวล สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า “ เจ้าลงมือได้เลย ข้ารับปากว่าจะไม่ต่อต้าน ข้าจะให้เจ้ากิน”
เสี่ยวเสียอยากที่จะลงมือ “ นายท่าน ข้ากินเขาได้เลยรึไม่ ?”
ปราณสุสานจำนวนมากนี้ทำให้เสี่ยวเสียตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หากกลืนกินปราณสุสานทั้งหมดนี้ได้ งั้นความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
“ เจ้าไม่อาจทำได้” ซุนเหยียนมองไปที่เสี่ยวเสียแล้วพูดขึ้น “ แค่เพียงเจ้าไม่อาจจะจัดการข้าได้หรอก”   เสี่ยวเสียไม่เชื่อ “ อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ”
“จิตของข้ามาจากจ้าวโกลาหล ไม่มีใครลบจิตของข้าได้นอกซะจากว่าจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลรึกึ่งจ้าวโกลาหล” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ แม้แต่ไห่อู่เซิงก็ไม่อาจจะฆ่าข้าได้ เจ้าคิดว่าเจ้าเหนือกว่าไห่อู่เซิงอีกรึ ?”
แม้ว่าเสี่ยวเสียจะขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัด แต่หากเทียบกับไห่อู่เซิงที่ขึ้นมาถึงระดับนี้มานานแล้ว มันด้อยกว่าจริงๆ
“ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้แม้ว่าข้าจะยืนเฉยๆก็ตาม” ซุนเหยียนพูดด้วยท่าทีเฉยเมย
เสี่ยวเสียได้แต่ต้องกัดฟันด้วยความหงุดหงิด
จางลู่ได้พูดขึ้นมา “ เจ้ากล้าจะไปยังอีกที่กับข้ารึไม่ ?”
ซุนเหยียนพูดขึ้นมา “ จะให้ข้าเข้าไปยังโกลาหลของเจ้ารึ?”
จางลู่คือกึ่งจ้าวโกลาหล ซุนเหยียนรู้อยู่แล้ว เขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมจางลู่ถึงไม่ฆ่าเขา แต่กลับตั้งใจจะพาเขาไปยังโกลาหลของตัวเอง ?
“ เอาจริงๆแล้วข้าคิดจะลบตัวตนของเจ้าแต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” จางลู่พูดขึ้น
ซุนเหยียนคือต้นกำเนิดปราณสุสาน การฆ่าซุนเหยียนไม่ได้หมายความว่าจะกันไม่ให้ปราณสุสานกำเนิดขึ้นมาอีก เพราะถึงซุนเหยียนจะตายไป แต่มันก็มีโอกาสสูงที่จะมีตัวตนที่คล้ายกับจิตลึกลับกำเนิดขึ้นมาอีก และพัฒนาจนกลายมาเป็นตัวตนที่ทัดเทียมกับจิตลึกลับได้
การให้ซุนเหยียนมีชีวิตต่อและให้ซุนเหยียนควบคุมปราณสุสานนั้น บางทีอาจจะมีประโยชน์สำหรับโกลาหล
“ลองคิดถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำมาในอดีต คิดถึงความเสียหายที่เจ้าได้สร้างขึ้นมา” จางลู่พูดขึ้น “ เจ้าไม่คิดรึว่าแค่ตายมันจะง่ายไปหน่อย ? เจ้าไม่คิดว่าเจ้าควรจะรับผิดชอบและชดใช้กับความเสียหายที่เจ้าได้ก่อขึ้นมารึ ?”
เขากลับตัวไม่ได้ตั้งแต่ที่ฆ่าคนไปคนแรกแล้ว
เขามองไปที่จางลู่ “ การฆ่าคน, ควบคุมผู้คน, ทำลายโกลาหล นี่คือสัญชาตญาณของจิตปนเปื้อนในร่างนี้ มันราวกับการหายใจของมนุษย์ นี่คือสัญชาตญาณ…แม้ว่าข้าจะพยายามควบคุม แต่ก็ไม่อาจยับยั้งปราณสุสานไม่ให้กัดกร่อนโกลาหลได้”
บางทีหากเป็นตัวเขาในตอนแรกสุดนั้นก็อาจจะควบคุมสัญชาตญาณได้ แต่ตัวเขาที่ลุ่มหลงกับความชั่วร้ายนั้น ไม่อาจจะทำได้
มันไม่ง่ายที่จะรักษาความคิดของตัวเองเอาไว้ได้
“ ฆ่าข้าเถอะ อย่างน้อยในเวลาอันสั้นนี้ก็ยังลดความเร็วในการทำลายล้างโกลาหล…” ซุนเหยียนเหมือนไม่อยากจะอยู่ต่อ สำหรับเขาแล้วความตายนั้นน่าโล่งอกมากกว่า “ นอกจากนี้แล้วเจ้าตัวเล็กข้างๆเจ้าก็เหมือนจะควบคุมปราณสุสานได้ ด้วยการที่มีมันคอยช่วย บางทีโกลาหลอาจจะรอดไปได้จริงๆ”
ตราบใดที่เสี่ยวเสียรับปากว่าจะกลืนปราณสุสานทั้งหมดและคอยกลืนกินปราณสุสานที่กำเนิดใหม่ขึ้นมาทุกครั้ง งั้นมันก็จะช่วยโกลาหลจากการทำลายล้าง
แน่นอนว่าโกลาหลนั้นกว้างใหญ่นัก ทุกครั้งที่ผู้ควบคุมตายไป เสี่ยวเสียก็ไม่อาจจะตามไปกลืนกินปราณสุสานได้ตลอด นอกซะจากว่ามันจะทัดเทียมกับจ้าวโกลาหลได้ ดังนั้นแม้ว่าจะฆ่าซุนเหยียนไปแต่ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเสียแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดการทำลายล้างโกลาหล มันทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น
หลังจากนั้นสักพักซุนเหยียนก็พูดขึ้น “ นอกจากนี้แล้วข้าจะเตือนเจ้าว่าเจ้าตัวเล็กนั้นมีร่างที่คล้ายกับข้า บางทีสักวันมันอาจจะเดินในเส้นทางเดียวกับข้า”
“ ไร้สาระ !” เสี่ยวเสียตะโกนออกมา “ ข้าไม่เป็นแบบเจ้าหรอก !”
มันไม่อาจจะทนคำพูดของซุนเหยียนได้
ซุนเหยียนพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ ตอนนี้เจ้าอาจจะยังรักษาสติตัวเองได้แต่ในอนาคตใครจะรับรองได้ ? เจ้าได้ชิมรสชาติปราณสุสานไป…เมื่อเจ้าเดินเข้ามาในเส้นทางนี้ มันก็ยากที่จะกลับไปได้แล้ว ข้าคือร่างแยกของจ้าวโกลาหล ข้าคุมสติตัวเองได้ดี แต่สุดท้ายข้าก็อยู่ในสภาพนี้ไม่ใช่รึ ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางลู่ก็มองไปที่เสี่ยวเสีย
เสี่ยวเสียรู้สึกแย่ขึ้นมา มันกลืนน้ำลายและพูดขึ้น “ นายท่าน ท่านอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเขา ข้าไม่มีทางเป็นแบบเขาแน่” ในใจมันด่าซุนเหยียนเสียยับ ตาแก่คนนี้จะตายอยู่แล้ว แต่กลับคิดจะลากมันไปตายด้วย
“ เจ้าเชื่อรึไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า ข้าก็แค่เตือน” ซุนเหยียนพูดขึ้น
จางลู่โบกมือและพูดขึ้น “ เรื่องนี้ค่อยพูดคุยกันทีหลัง หากเสี่ยวเสียเป็นแบบที่เจ้าบอกมาจริงๆ ข้าก็มีวิธีที่จะจัดการ”
การจะปลิดชีวิตของเสี่ยวเสียนั้นแค่คิดเขาก็ทำได้แล้ว หากเสี่ยวเสียไม่อาจจะคุมตัวเองอยู่ แค่เพียงคิดเขาก็กำจัดเสี่ยวเสียได้แล้ว
“ สิ่งที่สำคัญคือเจ้ากล้ามากับข้ารึไม่ ?” จางลู่มองไปที่ซุนเหยียน “ บางทีข้าอาจจะจัดการปัญหาร่างกายเจ้าได้ ข้าอาจจะสร้างร่างที่แข็งแกร่งให้กับเจ้าได้”
หลังจากคิดดีๆแล้วจางลู่ก็ตัดสินใจจะไว้ชีวิตซุนเหยียน เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง
เขาไม่ได้มองความสามารถในการควบคุมปราณสุสานของซุนเหยียน เขาไม่ได้สนใจความแข็งแกร่งของซุนเหยียน แต่เป็นจิตที่แข็งแกร่งต่างหาก
จิตของซุนเหยียนมาจากจ้าวโกลาหล แม้ว่าจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับจ้าวโกลาหล แต่ก็ใกล้เคียงกัน หากสร้างร่างที่เข้ากันกับจิตนี้ได้ ซุนเหยียนจะมีความแข็งแกร่งแบบไหนกัน ?
นี่คือการทดลองสำหรับจางลู่ แต่ถึงจะล้มเหลวแต่มันก็ไม่มีอะไรจะเสีย แต่หากมันสำเร็จ งั้นมันจะมีความหมายสำหรับเขาอย่างมาก
“ เจ้าใจดีขนาดนั้นเลยรึ ?” ซุนเหยียนแปลกใจ “ ข้าไม่คิดเช่นนั้น มันยังมีช่องว่างระหว่างกึ่งจ้าวโกลาหลกับจ้าวโกลาหลอยู่”
“ ข้าจะทำได้รึไม่นั้นไม่ใช่ปัญหาที่เจ้าต้องกังวล ไม่ลองก็ไม่รู้ไม่ใช่รึ ?” จางลู่พูดขึ้น “ แต่เจ้าก็คิดถูก การที่ข้าช่วยเจ้านั้นแน่นอนว่าจะต้องมีเงื่อนไข”
“ เงื่อนไขอะไร ?”
“ เจ้าต้องภักดีกับข้า” จางลู่พูดขึ้นอย่างใจเย็น “ นี่คือเงื่อนไขเดียวของข้า !”
“ ไม่มีทาง” ซุนเหยียนปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ ข้าตายได้แต่ไม่อาจจะภักดีต่อคนอื่นได้ !”
เขาคือร่างแยกของจ้าวโกลาหล นี่คือความภาคภูมิใจของจ้าวโกลาหล ไม่มีใครดูหมิ่นเกียรตินี้ได้
“ เจ้าไม่อยากฆ่าไห่อู่เซิงด้วยตัวเองรึ ?”จางลู่พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ภักดีต่อข้าแล้วข้าจะหาทางสร้างร่างใหม่ให้กับเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้สู้กับไห่อู่เซิงด้วยตัวเอง !”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนเหยียนก็เงียบไปทันที
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท