เจียงสื้อสื้อรู้ว่า ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เธอก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดในใจของจิ้นเฟิงเฉิน
แม้ว่าในวันข้างหน้าเขาอาจจะยุ่งกับงาน และทำให้ไม่มีเวลามาอยู่กับเธอมากเท่าไหร่ แต่เธอก็จะไม่รู้สึกแย่หรอก
ในคืนนี้ เจียงสื้อสื้อก็ได้เห็นฝนดาวตกอย่างมีความสุข
เธอพนมมือไว้ด้วยกัน แล้วขอพรจากฝนดาวตก
จิ้นเฟิงเฉินหันหน้ากลับมา และเห็นว่าเธอกำลังหลับตา ด้วยท่าทีที่เคารพเลื่อมใสอย่างมาก และสายตาของเธอก็อ่อนโยนอย่างมาก
ราวกับว่าเธอสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา เจียงสื้อสื้อจึงลืมตาขึ้น แล้วหันหน้ากลับมา
พวกเขาจึงสบตากัน
จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ยกมุมปากของเธอขึ้น
ในตอนกลางคืน ดวงตาของเธอนั้นสว่างเป็นพิเศษ มันส่องแสง ราวกับฝนดาวตกเลย
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าในตอนนี้หัวใจของเขากำลังจะละลายจนกลายเป็นแอ่งน้ำไปแล้ว
“คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันขอพรอะไรไป?” เจียงสื้อสื้อถาม
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหัวเบาๆ
“ความปรารถนาของฉันคือ…” เจียงสื้อสื้อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “กุมมือของคุณไว้ แล้วอยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่า”
หัวใจของเขาก็เต็มเปี่ยมขึ้นมาในทันที
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินจับจ้องไปที่ข้างใบหน้าที่สง่างามของเธอ และริมฝีปากของเธอนั้นก็เปราะบางอย่างมาก “สื้อสื้อ”
ทันทีที่เสียงเงียบลง ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อก็มืดลงทันที จากนั้นริมฝีปากที่อบอุ่นทั้งสองก็แหนบกันไว้
จิ้นเฟิงเฉินออกห่างจากริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบแก้มของเธอ และมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “ความปรารถนาของคุณจะต้องเป็นจริงแน่นอน”
หลังจากพูดจบ เขาก็จูบปากของเธออีกครั้ง
เจียงสื้อสื้อวางแขนไว้ที่คอของเขา จากนั้นเธอก็หลับตาลง และรู้สึกได้ถึงทุกลมหายใจของเขาอย่างชัดเจน จากนั้นจึงค่อยๆ เคลิบเคลิ้มไปกับมัน
……
วันรุ่งขึ้น จิ้นเฟิงเฉินก็ตื่นแต่เช้าตรู่
ส่วนเจียงสื้อสื้อยังคงหลับอยู่
เขามองดูใบหน้าที่หลับใหลอย่างเงียบสงบของเธอด้วยความอ่อนโยน หัวใจของเขาก็เต้นระรัวขึ้นมา จากนั้นเขาจึงโน้มตัวเข้ามาจูบริมฝีปากของเธอเบาๆ แล้วหันหลังกลับพร้อมกับเดินจากห้องไป
ส่วนแม่จิ้นนั้นตื่นเช้ายิ่งเสียกว่า เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เฟิงเฉินกลับมาควบคุมดูแลสถานการณ์โดยรวมของบริษัทหลังจากที่ผ่านมานาน ซึ่งเธอทั้งมีความสุขและเป็นกังวล จนทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน
เฟิงเฉินเดินลงบันได และแม่จิ้นก็เพิ่งออกมาจากห้องอาหารเช่นกัน พอเห็นเขา เธอก็ขมวดคิ้ว “ทำไมลูกไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ?”
“ผมนอนไม่หลับครับ”
“กังวลสถานการณ์ของบริษัทเหรอลูก?” แม่จิ้นถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ครับ ผมชินกับการตื่นเช้าต่างหากล่ะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท แต่เป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ เขาจึงไม่มีภาพแห่งความทรงจำเกี่ยวกับสถานการณ์ของจิ้นกรุ๊ปเลย
เขากังวลว่าตัวเองจะไม่คุ้นเคย และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงมือจากตรงไหน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแม่จิ้นมองความคิดของเขาออกหรือเปล่า แม่จิ้นจึงพูดปลอบใจไปว่า “ลูกน่ะเก่งมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว และไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็จะพยายามทำให้มันดีที่สุด ดังนั้น ครั้งนี้ก็เหมือนกัน”
เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยการให้กำลังใจของแม่จิ้นแล้ว ภาพหลอนในวัยเด็กของจิ้นเฟิงเฉินก็ปรากฏขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก และหัวใจของเขาก็อ่อนลง
“ขอบคุณครับแม่”
“ไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนี้ก็ได้รับ” แม่จิ้นก็เอียงตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ไปแวบหนึ่ง “อาหารเช้าพร้อมแล้ว รีบมาทานด้วยเถอะ”
……
เจียงสื้อสื้อพลิกตัวอย่างสะลึมสะลือ และมือของเธอก็สัมผัสคนข้างๆ ไปโดยไม่รู้ตัว
แล้วใครไปจะรู้ว่า มันมีแต่ความว่างเปล่า
เธอจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที และค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เมื่อมองไปยังเตียงที่ว่างเปล่าด้านข้าง เธอจึงค่อยๆ นึกขึ้นได้ว่าวันนี้จิ้นเฟิงเฉินต้องไปบริษัท
เธอจึงมองดูนาฬิกาปลุกที่ตู้บนหัวเตียง ก็พบว่าใกล้จะ 9 โมงแล้ว เธอจึงรีบเปิดผ้าห่มออก แล้วใส่รองเท้าเตะเดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินไปถึงที่ชั้นล่าง ก็เห็นแค่แม่จิ้นเท่านั้น และไม่มีเงาของจิ้นเฟิงเฉินเลย
“สื้อสื้อ ลูกตื่นแล้วเหรอ” แม่จิ้นหัวเราะพร้อมกับมองเธอ
“แม่คะ จิ้นเฟิงเฉินล่ะคะ?” เจียงสื้อสื้อมองไปรอบๆ พร้อมกับเอ่ยปากถาม
“ไปที่บริษัทแล้วจ้ะ”
เจียงสื้อสื้อตบหน้าผากตัวเองอย่างหงุดหงิด นี่เธอหลับลึกขนาดนี้เลยเหรอ ลึกจนไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินตื่น
เมื่อเห็นดังนั้น แม่จิ้นก็ยิ้มพร้อมกับพูดหยอกล้อไปว่า “ลูกคงไม่คิดว่าจะถูกจิ้นเฟิงเฉินทิ้งไปหรอกนะ?”
“ไม่ค่ะ หนูแค่เผลอหลับลึกเกินไป แม้แต่จิ้นเฟิงเฉินตื่นหนูยังไม่รู้เลย”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างเขินอาย
“งั้นก็ดีแล้วจ้ะ ตอนนี้ซ่างกวนหยวนก็ถูกจับแล้ว ลูกก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้วนะ”
แม่จิ้นพูดถูก เพราะตอนนี้ถ้าไม่มีการทำลายจากซ่างกวนหยวนแล้ว เธอและเจียงสื้อสื้อคงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข
แม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะยังรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดของเขาไม่ได้ แต่เธอก็เชื่อว่าถ้ามีโม่เหยียกับหานยู่อยู่ การรื้อฟื้นความทรงจำใกล้จะเป็นจริงแล้ว
……
เหล่าผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าแล้วว่าจิ้นเฟิงเฉินจะต้องกลับมาบริหารจิ้นกรุ๊ป ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจจัดประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงเช้า
สำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ผู้ถือหุ้นทุกคนต่างเป็นคนแปลกหน้า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้องประชุม ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็โผเข้ามา ซึ่งมันดูเหมือนจะเตือนเขาว่า เขาเคยมาที่นี่อย่างนับครั้งไม่ถ้วน
สำหรับการกลับมากุมอำนาจอีกครั้งของเขา เหล่าผู้ถือหุ้นต่างก็พากันดีใจอย่างมาก และตั้งตารอการที่เขาจะพาจิ้นกรุ๊ปไปสร้างความรุ่งโรจน์ด้วยกันอีกครั้ง
“เฟิงเฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”
“ใช่แล้ว เฟิงเฉิน ครั้งนี้คุณไปไหนมา? ทำไมถึงไม่ได้ข่าวมานานขนาดนี้?”
“หลายวันมานี้…”
เหล่าผู้ถือหุ้นทุกคนต่างพากันพูดคนละปากคนละคำว่าช่วงเวลาที่เขาหายไปนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
จิ้นเฟิงเฉินฟังอยู่อย่างเงียบๆ โดยไม่ขัดจังหวะพวกเขาเลย
เพราะเขาก็อยากรู้สถานการณ์ของบริษัทจากปากของพวกเขาด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถจัดการงานในภายหลังได้อย่างคล่องมือดังใจคิด
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่อยากฟังต่อไป เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณลุงทั้งหลายครับนี่พวกคุณกำลังเมินเฉยผมอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ครับๆ พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเลย เราแค่…”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะออกมา “คุณลุงทั้งหลายครับ แน่นอนว่าผมรู้ว่าพวกคุณไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่ล้อพวกคุณเล่นเฉยๆ ครับ”
ผู้ถือหุ้นไม่กี่คนก็พากันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
“ในเมื่อพี่ชายของผมกลับมาแล้ว เช่นนั้นผมคงสามารถพักผ่อนสักพักได้แล้วนะครับ เพราะนานมากแล้วที่ผมไม่มีวันหยุดเลย”
เมื่อนึกถึงจุดจุดนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็อยากจะร้องไห้
ตอนนั้นก็พูดไปแล้วว่า ถ้าใกล้จะคลอดหวั่นหวั่นแล้ว เขาก็จะหยุดยาวไปสองสามเดือนเลย
แต่แผนการนั้นก็ตามไม่เคยทันความเปลี่ยนแปลงเลย
ซึ่งลูกชายของเขาก็คลอดมาได้หลายเดือนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงวันหยุดยาวเลย แม้แต่หยุดวันเดียวก็ไม่มี
“พี่ครับ ครั้งนี้พี่ต้องเห็นด้วยกับวันหยุดของผมนะครับ” จิ้นเฟิงเหราหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน ด้วยสายตาที่อ้อนวอน
จิ้นเฟิงเฉินเอียงตามองเขา แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ไว้ค่อยมาคุยกันใหม่เถอะ”
“พี่ครับ!” จิ้นเฟิงเหราส่งเสียงร้องที่เศร้าโศกออกมา
วันหยุดที่เขานึกถึง!
“คุณควรทราบถึงสถานการณ์ของผมนะครับ”
เพราะเขาไม่อยากให้ผู้ถือหุ้นคนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องความจำเสื่อมของเขา จิ้นเฟิงเฉินจึงพูดไปอย่างคลุมเครือ
และแค่ครู่เดียวจิ้นเฟิงเหราก็เข้าใจขึ้นมา จากนั้นก็เม้มปากอย่างลำบากใจ “ได้ครับ”
อย่างไรก็ตามพี่ชายของเขาก็กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีแล้ว เช่นนั้นเขาก็จะหยุดพักให้ได้
หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง จิ้นเฟิงเหราก็พาจิ้นเฟิงเฉินไปที่ห้องสำนักงานของประธาน
“พี่ครับ ผมให้คนทำความสะอาดทุกวันเลย สิ่งของต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ พี่วางไว้ยังไง ตอนนี้ก็ยังวางไว้อย่างนั้นครับ”
จิ้นเฟิงเฉินมองไปรอบๆ ห้องสำนักงานที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มุมปากของเขาก็ยกขึ้นจางๆ ซึ่งเหมือนกับว่าการตกแต่งสไตล์แบบนี้มันจะลงตัวกับบุคลิกของตัวเองได้เป็นอย่างดีเลย