ต่อหน้าคนที่เกือบจะเป็นจ้าวโกลาหลแล้ว แม้แต่จางหยูก็ยังหมดหนทาง
สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยหวังว่าจะขึ้นไปถึงขอบเขตนี้ให้ได้ก่อนไห่อู่เซิง
“ โชคดีที่เจ้าสำนักได้นำตัวซุนเมิ่งและซุนวูกลับมาก่อน “ ซุนเหยียนรู้สึกว่าโชคดี “ หากไห่อู่เซิงกลืนกินสายเลือดของพวกเขา เขาน่าจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้”
จางหยูส่ายหน้า “ ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ ทำไมกัน ?”
“ หากเขาขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้จริงๆ ข้าเกรงว่าเขาคงกลืนกินซุนเมิ่งและซุนวูไปแล้ว คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก” จางหยูพูดขึ้น “ สายเลือดของทั้งสองคนอย่างมากก็ทำให้เขาพัฒนาขึ้น แต่อาจจะไม่ช่วยให้เขากลายเป็นจ้าวโกลาหลได้”
ซุนเหยียนได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าตอบรับ “ มีเหตุผล ” หลังจากนั้นสักพักซุนเหยียนก็พูดขึ้นต่อ “ ระดับการบ่มเพาะของเขาคงไม่ได้สูงแบบที่พวกเราคิดเอาไว้ เขาน่าจะห่างจากจ้าวโกลาหลอยู่มาก” เมื่อพูดถึงจุดนี้ซุนเหยียนก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ดูเหมือนว่าข้าจะกลัวไปเอง ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับจ้าวโกลาหลเลย”
เมื่อลองคิดดูดีๆแล้วความแข็งแกร่งของจ้าวโกลาหลนั้นสูงส่งกว่านี้ ซุนเหยียนมั่นใจว่ายังมีช่องว่างระหว่างจ้าวโกลาหลกับไห่อู่เซิงอยู่ ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ
“ แม้ว่าเขาจะต่างชั้นกับจ้าวโกลาหลแต่ก็ไม่ใช่คนที่พวกเราจัดการได้ ” จางหยูพูดขึ้น “ ตราบใดที่เขาไม่ตาย เขาก็ไร้เทียมทาน”
“มันยากที่จะฆ่ากึ่งจ้าวโกลาหลได้ !”
นอกซะจากว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายจะต่างกันอย่างมาก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายก็สามารถกลับไปยังอาณาเขตของตัวเองได้ตราบใดที่มีเวลามากพอ มันก็คล้ายกับการที่ไห่อู่เซิงต้องการจะฆ่าจางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย แต่ไม่มีพลังเพียงพอ เพราะจางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียสามารถกลับมาที่โลกตันเถียนตอนไหนก็ได้
ไห่อู่เซิงแข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่แกร่งพอที่จะฆ่าพวกเขาในเวลาไม่กี่วินาที ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่าย งั้นก็ไม่มีใครฆ่ากันได้
“ พวกเจ้าบ่มเพาะกันไปก่อน เรื่องด้านนอกข้าจะจัดการเอง” จางหยูพูดขึ้น “ ในตอนที่ไห่อู่เซิงยังไม่ได้ฆ่าใคร เราต้องช่วยคนให้ได้มากที่สุด”
ชัดแล้วว่าตอนนี้โกลาหลไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
นอกจากโลกป่าแล้ว โลกที่เหลือในโกลาหลอาจจะโดนโจมตีตอนไหนก็ได้
จางหยูยังขาดความสามารถ อย่างมากเขาก็คงดูแลได้แค่โลกป่า สำหรับโลกที่อยู่ไกลเกินไปนั้น แม้ว่าจางหยูจะอยากช่วยพวกนั้น แต่ก็ไม่อาจจะทำได้
จางหยูบอกลาทั้งสองก่อนจะเดินทางไปที่โลกผนึกเทพ
“ อาจารย์” เมื่อซุนเมิ่งเห็นจางหยูก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที “ ท่านเป็นอะไรรึไม่ ? ท่านจัดการปัญหาได้รึเปล่า ? ปู่ข้าอยู่ไหนกัน ?”
ซุนวูพูดขึ้นมาด้วยความกังวล “ เจ้าสำนัก ปู่ข้าล่ะ ?”
จางหยูเงียบไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จะตอบทั้งสองยังไง “ ข้าขอโทษที่ต้องบอกข่าวร้ายกับพวกเจ้า” จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “เขาตายแล้ว”
ซุนเมิ่งตัวแข็งทื่อไป
ซุนวูปวดใจอย่างมาก “ ไม่ ท่านปู่ตายได้ยังไงกัน …”
“ เขาอยู่ภายใต้การควบคุมของไห่อู่เซิงมานาน รวมถึงพวกราชาด้านในด้วย เราไม่อาจะช่วยปู่เจ้าได้ เขาโดนไห่อู่เซิงกลืนกิน” จางหยูเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโกลาหลนภา โดนไห่อู่เซิงกลืนกินไปหมดแล้ว ”
จางหยูถอนหายใจออกมาและบอกกับทั้งสองคน “ ข้าขอโทษด้วยที่ไม่อาจจะช่วยเขาได้”
“ บังอาจ !” ซุนวูตาแดงก่ำด้วยความแค้นและเศร้า “ ไห่อู่เซิง ข้าจะฆ่ามัน !”
เขาพุ่งออกไปที่กำแพงโลกหวังจะไปแก้แค้นไห่อู่เซิง แต่เขาก็พบแต่บรรพกาลที่เขาไม่รู้จัก
จางหยูหยุดซุนวูเอาไว้ “ อย่าหุนหันไป”
ซุนวูเงยหน้าขึ้นมอง ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยเลือด “ เขาฆ่าปู่ข้า ! ท่านจะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง ?”
“ จางหยู ปล่อยเขาไปเถอะ “ ซุนเมิ่งไม่ได้เรียกจางหยูว่าอาจารย์ นางแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา “ ข้าเองก็อยากไปแก้แค้นไห่อู่เซิงด้วยเช่นกัน !”
“ ไห่อู่เซิงคือจ้าวแห่งโกลาหลนภา พวกเจ้าร่วมมือกันก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือเขาได้ !” จางหยูพูดขึ้น “ ตอนนี้เขาได้กลืนกินราชาและปู่ของเจ้าไป เขาได้ขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว การที่พวกเจ้าจะไปแก้แค้นเขานั้น นอกจากจะไปหาที่ตายเองแล้ว มันก็ไม่มีผลลัพธ์อื่น”
ซุนวูกำหมัดแน่นจนเลือดไหลออกมา
“ แต่…เราจะปล่อยเขาไปแบบนี้รึ ?” ซุนว ไม่ยอมแพ้
ซุนเมิ่งรู้สึกหมดหนทาง, โศกเศร้าและสิ้นหวัง
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ ? พวกเจ้าคือผู้สืบทอดของจ้าวโกลาหล จิตของพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆในขอบเขตเดียวกัน“ จางหยูพูดขึ้น “ หลังจากนี้ข้าจะหาทางทำให้ซุนเมิ่งเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลก่อน หากซุนวูขึ้นเป็นราชาได้ ข้าเองก็จะช่วยเจ้าขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลเช่นกัน เมื่อพวกเจ้าเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว พวกเจ้าค่อยไปแก้แค้นก็ได้”
กึ่งจ้าวโกลาหล 5 คนร่วมมือกัน แม้จะอยู่ในโกลาหลนภา แต่ไห่อู่เซิงก็อาจจะเอาชนะพวกเขาไม่ได้
“ อาจารย์ช่วยเราขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้จริงๆรึ ?” ซุนเมิ่งมองไปที่จางหยู
ซุนวูตะลึงนิดๆ
“ มันอาจจะยากสำหรับคนอื่น แต่สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องง่าย “จางหยูพูดขึ้น “แค่ต้องใช้เวลา”
ตราบใดที่มีความอดทนพอ จางหยูก็สามารถสร้างจ้าวบรรพกาลขึ้นมาได้นับไม่ถ้วน
“ ก็ได้” ซุนเมิ่งใจเย็นลง “ งั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากอาจารย์”
ซุนวูเหมือนจะยังสงสัยในตัวจางหยู แต่เขาจะทำอะไรได้ ? เขาได้แต่รอ
“ ไม่ต้องกังวล หากข้าบอกว่าจะทำ ข้าก็จะทำ พวกเจ้าอดทนเอาไว้” จางหยูพูดขึ้น “ โดยเฉพาะเจ้า ซุนวู ระดับของเจ้ายังต่ำเกินไป หากเจ้าไม่ขึ้นเป็นราชาโดยเร็วที่สุด แม้ว่าข้าจะมีความสามารถที่จะช่วยเจ้า แต่ก็ไม่อาจจะทำให้เจ้าขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้”
“ ข้าจะพยายามบ่มเพาะให้หนักที่สุด” ซุนวูกัดฟันแน่น
จางหยูพยักหน้า เขาเชื่อว่าด้วยเรื่องของซุนซิงนี้จะทำให้ซุนวูไม่มีทางเกียจคร้าน
“ ซุนเมิ่ง เจ้าบ่มเพาะที่นี่ไปก่อน ส่วนซุนวู เจ้ามากับข้า” จางหยูพูดขึ้น
ซุนวูคิ้วขมวดและถามขึ้นมา “ มีอะไรรึ ?”
จางหยูพูดขึ้น “ พวกเราแตกหักกับไห่อู่เซิงแล้ว เดาว่าอีกไม่นานเขาคงลงมือกับโกลาหล โกลาหลจะพบกับหายนะ…ข้าคิดว่าตอนที่ไห่อู่เซิงยังไม่ลงมือ เราควรเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือผู้คน เจ้าเป็นผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่น เจ้าน่าจะมีช่องทางในการกระจายข่าวใช่หรือไม่ ?”
“ ได้” ซุนวูพยายามควบคุมสติของตนเอง “ แต่ข้าต้องกลับไปที่โลกอวี๋ฮุ่นก่อน ข้อความที่ออกมาจากวิหารอวี๋ฮุ่นจะเผยแพร่ไปทั่วโกลาหลได้ นอกจากนี้ข้าตั้งใจจะย้ายสำนักงานของวิหารอวี๋ฮุ่นมาไว้ที่โลกป่าด้วย”
ตอนนี้ทั้งโกลาหลมีแค่โลกป่าเท่านั้นที่ปลอดภัย ไม่ต้องเดาเลยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดที่ย้ายสำนักงานมาที่นี่
แม้ว่าวิหารอวี๋ฮุ่นจะถูกสร้างขึ้นโดยไห่อู่เซิง แต่ซุนวูคือผู้นำในตอนนี้ เขาไม่อาจจะปล่อยวิหารอวี๋ฮุ่นโดนทำลายโดยไห่อู่เซิงได้
“ ข้าจะพาเจ้าไปเอง” จางหยูพยักหน้าตอบรับ
จางหยูได้พาซุนวูมุ่งหน้าไปยังวิหารอวี๋ฮุ่นทันที ในใจเขาได้แต่ภาวนาให ไห่อู่เซิงยังไม่ลงมือกับโลกอวี๋ฮุ่น
ในอีกด้านเขาก็ได้บอกให้จางลู่บอกเรื่องโกลาหลนภาให้จางเฮ่าหลันฟัง จากนั้นก็ประกาศเรื่องนี้ออกมาในนามของสำนักคังเฉียง
ทันทีที่ข่าวนี้กระจายออกมา มันก็ได้สร้างความวุ่นวายไปทั่วโลกป่า ผู้ควบคุมนับไม่ถ้วนรวมถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ต่างก็พากันตะลึงกับศัตรูเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันข่าวนี้ก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เมื่อพวกเขาได้รับข่าวนี้ พวกเขาก็แห่มาที่โลกป่า เพราะที่นี่คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด การอยู่ที่อื่นมีแค่ความตายที่รออยู่
ใช้เวลาไม่นาน จางหยูและซุนวูก็มาถึงโลกอวี๋ฮุ่นได้
โชคดีที่ไห่อู่เซิงยังไม่มาที่โลกอวี๋ฮุ่น ก่อนหน้านี้ที่สู้กับจางหยูและคนอื่นๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นภัยถึงแก่ชีวิต แต่ก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อย ตอนนี้เขาคงฟื้นฟูตัวเองอยู่ เดาว่าเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว เขาต้องมายังโลกอวี๋ฮุ่นทันที
ด้วยคำสั่งของซุนวู วิหารอวี๋ฮุ่นก็ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปทั่วโกลาหล
แค่เดือนเดียวทั้งโกลาหลก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย จากนั้นผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็มุ่งหน้าไปที่โลกป่า ที่นี่คือศูนย์รวมของผู้คน
สำหรับคนอื่นๆแล้วแม้ว่าจางหยูจะอยากช่วยพวกนั้น แต่เขาก็หมดหนทาง เขาได้แต่ต้องยอมแพ้
แน่นอนว่ามันมีบางคนที่ไม่เชื่อข่าวนี้ พวกเขาถึงกับคิดว่าเป็นแผนการของจางหยูกับวิหารอวี๋ฮุ่น พวกเขาไม่ใช่แค่ไม่ไปที่โลกป่า แต่ยังคอยจับตาดูโลกป่า, จางหยูและวิหารอวี๋ฮุ่นเอาไว้ด้วย
ในเรื่องนี้จางหยูได้แต่ปล่อยให้พวกนั้นเผชิญกับปัญหาเอง
สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยหวังว่าจะขึ้นไปถึงขอบเขตนี้ให้ได้ก่อนไห่อู่เซิง
“ โชคดีที่เจ้าสำนักได้นำตัวซุนเมิ่งและซุนวูกลับมาก่อน “ ซุนเหยียนรู้สึกว่าโชคดี “ หากไห่อู่เซิงกลืนกินสายเลือดของพวกเขา เขาน่าจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้”
จางหยูส่ายหน้า “ ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ ทำไมกัน ?”
“ หากเขาขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้จริงๆ ข้าเกรงว่าเขาคงกลืนกินซุนเมิ่งและซุนวูไปแล้ว คงไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก” จางหยูพูดขึ้น “ สายเลือดของทั้งสองคนอย่างมากก็ทำให้เขาพัฒนาขึ้น แต่อาจจะไม่ช่วยให้เขากลายเป็นจ้าวโกลาหลได้”
ซุนเหยียนได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าตอบรับ “ มีเหตุผล ” หลังจากนั้นสักพักซุนเหยียนก็พูดขึ้นต่อ “ ระดับการบ่มเพาะของเขาคงไม่ได้สูงแบบที่พวกเราคิดเอาไว้ เขาน่าจะห่างจากจ้าวโกลาหลอยู่มาก” เมื่อพูดถึงจุดนี้ซุนเหยียนก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ดูเหมือนว่าข้าจะกลัวไปเอง ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับจ้าวโกลาหลเลย”
เมื่อลองคิดดูดีๆแล้วความแข็งแกร่งของจ้าวโกลาหลนั้นสูงส่งกว่านี้ ซุนเหยียนมั่นใจว่ายังมีช่องว่างระหว่างจ้าวโกลาหลกับไห่อู่เซิงอยู่ ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ
“ แม้ว่าเขาจะต่างชั้นกับจ้าวโกลาหลแต่ก็ไม่ใช่คนที่พวกเราจัดการได้ ” จางหยูพูดขึ้น “ ตราบใดที่เขาไม่ตาย เขาก็ไร้เทียมทาน”
“มันยากที่จะฆ่ากึ่งจ้าวโกลาหลได้ !”
นอกซะจากว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายจะต่างกันอย่างมาก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายก็สามารถกลับไปยังอาณาเขตของตัวเองได้ตราบใดที่มีเวลามากพอ มันก็คล้ายกับการที่ไห่อู่เซิงต้องการจะฆ่าจางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย แต่ไม่มีพลังเพียงพอ เพราะจางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียสามารถกลับมาที่โลกตันเถียนตอนไหนก็ได้
ไห่อู่เซิงแข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่แกร่งพอที่จะฆ่าพวกเขาในเวลาไม่กี่วินาที ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่าย งั้นก็ไม่มีใครฆ่ากันได้
“ พวกเจ้าบ่มเพาะกันไปก่อน เรื่องด้านนอกข้าจะจัดการเอง” จางหยูพูดขึ้น “ ในตอนที่ไห่อู่เซิงยังไม่ได้ฆ่าใคร เราต้องช่วยคนให้ได้มากที่สุด”
ชัดแล้วว่าตอนนี้โกลาหลไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
นอกจากโลกป่าแล้ว โลกที่เหลือในโกลาหลอาจจะโดนโจมตีตอนไหนก็ได้
จางหยูยังขาดความสามารถ อย่างมากเขาก็คงดูแลได้แค่โลกป่า สำหรับโลกที่อยู่ไกลเกินไปนั้น แม้ว่าจางหยูจะอยากช่วยพวกนั้น แต่ก็ไม่อาจจะทำได้
จางหยูบอกลาทั้งสองก่อนจะเดินทางไปที่โลกผนึกเทพ
“ อาจารย์” เมื่อซุนเมิ่งเห็นจางหยูก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที “ ท่านเป็นอะไรรึไม่ ? ท่านจัดการปัญหาได้รึเปล่า ? ปู่ข้าอยู่ไหนกัน ?”
ซุนวูพูดขึ้นมาด้วยความกังวล “ เจ้าสำนัก ปู่ข้าล่ะ ?”
จางหยูเงียบไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จะตอบทั้งสองยังไง “ ข้าขอโทษที่ต้องบอกข่าวร้ายกับพวกเจ้า” จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “เขาตายแล้ว”
ซุนเมิ่งตัวแข็งทื่อไป
ซุนวูปวดใจอย่างมาก “ ไม่ ท่านปู่ตายได้ยังไงกัน …”
“ เขาอยู่ภายใต้การควบคุมของไห่อู่เซิงมานาน รวมถึงพวกราชาด้านในด้วย เราไม่อาจะช่วยปู่เจ้าได้ เขาโดนไห่อู่เซิงกลืนกิน” จางหยูเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโกลาหลนภา โดนไห่อู่เซิงกลืนกินไปหมดแล้ว ”
จางหยูถอนหายใจออกมาและบอกกับทั้งสองคน “ ข้าขอโทษด้วยที่ไม่อาจจะช่วยเขาได้”
“ บังอาจ !” ซุนวูตาแดงก่ำด้วยความแค้นและเศร้า “ ไห่อู่เซิง ข้าจะฆ่ามัน !”
เขาพุ่งออกไปที่กำแพงโลกหวังจะไปแก้แค้นไห่อู่เซิง แต่เขาก็พบแต่บรรพกาลที่เขาไม่รู้จัก
จางหยูหยุดซุนวูเอาไว้ “ อย่าหุนหันไป”
ซุนวูเงยหน้าขึ้นมอง ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยเลือด “ เขาฆ่าปู่ข้า ! ท่านจะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง ?”
“ จางหยู ปล่อยเขาไปเถอะ “ ซุนเมิ่งไม่ได้เรียกจางหยูว่าอาจารย์ นางแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา “ ข้าเองก็อยากไปแก้แค้นไห่อู่เซิงด้วยเช่นกัน !”
“ ไห่อู่เซิงคือจ้าวแห่งโกลาหลนภา พวกเจ้าร่วมมือกันก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือเขาได้ !” จางหยูพูดขึ้น “ ตอนนี้เขาได้กลืนกินราชาและปู่ของเจ้าไป เขาได้ขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว การที่พวกเจ้าจะไปแก้แค้นเขานั้น นอกจากจะไปหาที่ตายเองแล้ว มันก็ไม่มีผลลัพธ์อื่น”
ซุนวูกำหมัดแน่นจนเลือดไหลออกมา
“ แต่…เราจะปล่อยเขาไปแบบนี้รึ ?” ซุนว ไม่ยอมแพ้
ซุนเมิ่งรู้สึกหมดหนทาง, โศกเศร้าและสิ้นหวัง
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ ? พวกเจ้าคือผู้สืบทอดของจ้าวโกลาหล จิตของพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆในขอบเขตเดียวกัน“ จางหยูพูดขึ้น “ หลังจากนี้ข้าจะหาทางทำให้ซุนเมิ่งเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลก่อน หากซุนวูขึ้นเป็นราชาได้ ข้าเองก็จะช่วยเจ้าขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลเช่นกัน เมื่อพวกเจ้าเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว พวกเจ้าค่อยไปแก้แค้นก็ได้”
กึ่งจ้าวโกลาหล 5 คนร่วมมือกัน แม้จะอยู่ในโกลาหลนภา แต่ไห่อู่เซิงก็อาจจะเอาชนะพวกเขาไม่ได้
“ อาจารย์ช่วยเราขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้จริงๆรึ ?” ซุนเมิ่งมองไปที่จางหยู
ซุนวูตะลึงนิดๆ
“ มันอาจจะยากสำหรับคนอื่น แต่สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องง่าย “จางหยูพูดขึ้น “แค่ต้องใช้เวลา”
ตราบใดที่มีความอดทนพอ จางหยูก็สามารถสร้างจ้าวบรรพกาลขึ้นมาได้นับไม่ถ้วน
“ ก็ได้” ซุนเมิ่งใจเย็นลง “ งั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากอาจารย์”
ซุนวูเหมือนจะยังสงสัยในตัวจางหยู แต่เขาจะทำอะไรได้ ? เขาได้แต่รอ
“ ไม่ต้องกังวล หากข้าบอกว่าจะทำ ข้าก็จะทำ พวกเจ้าอดทนเอาไว้” จางหยูพูดขึ้น “ โดยเฉพาะเจ้า ซุนวู ระดับของเจ้ายังต่ำเกินไป หากเจ้าไม่ขึ้นเป็นราชาโดยเร็วที่สุด แม้ว่าข้าจะมีความสามารถที่จะช่วยเจ้า แต่ก็ไม่อาจจะทำให้เจ้าขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้”
“ ข้าจะพยายามบ่มเพาะให้หนักที่สุด” ซุนวูกัดฟันแน่น
จางหยูพยักหน้า เขาเชื่อว่าด้วยเรื่องของซุนซิงนี้จะทำให้ซุนวูไม่มีทางเกียจคร้าน
“ ซุนเมิ่ง เจ้าบ่มเพาะที่นี่ไปก่อน ส่วนซุนวู เจ้ามากับข้า” จางหยูพูดขึ้น
ซุนวูคิ้วขมวดและถามขึ้นมา “ มีอะไรรึ ?”
จางหยูพูดขึ้น “ พวกเราแตกหักกับไห่อู่เซิงแล้ว เดาว่าอีกไม่นานเขาคงลงมือกับโกลาหล โกลาหลจะพบกับหายนะ…ข้าคิดว่าตอนที่ไห่อู่เซิงยังไม่ลงมือ เราควรเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือผู้คน เจ้าเป็นผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่น เจ้าน่าจะมีช่องทางในการกระจายข่าวใช่หรือไม่ ?”
“ ได้” ซุนวูพยายามควบคุมสติของตนเอง “ แต่ข้าต้องกลับไปที่โลกอวี๋ฮุ่นก่อน ข้อความที่ออกมาจากวิหารอวี๋ฮุ่นจะเผยแพร่ไปทั่วโกลาหลได้ นอกจากนี้ข้าตั้งใจจะย้ายสำนักงานของวิหารอวี๋ฮุ่นมาไว้ที่โลกป่าด้วย”
ตอนนี้ทั้งโกลาหลมีแค่โลกป่าเท่านั้นที่ปลอดภัย ไม่ต้องเดาเลยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดที่ย้ายสำนักงานมาที่นี่
แม้ว่าวิหารอวี๋ฮุ่นจะถูกสร้างขึ้นโดยไห่อู่เซิง แต่ซุนวูคือผู้นำในตอนนี้ เขาไม่อาจจะปล่อยวิหารอวี๋ฮุ่นโดนทำลายโดยไห่อู่เซิงได้
“ ข้าจะพาเจ้าไปเอง” จางหยูพยักหน้าตอบรับ
จางหยูได้พาซุนวูมุ่งหน้าไปยังวิหารอวี๋ฮุ่นทันที ในใจเขาได้แต่ภาวนาให ไห่อู่เซิงยังไม่ลงมือกับโลกอวี๋ฮุ่น
ในอีกด้านเขาก็ได้บอกให้จางลู่บอกเรื่องโกลาหลนภาให้จางเฮ่าหลันฟัง จากนั้นก็ประกาศเรื่องนี้ออกมาในนามของสำนักคังเฉียง
ทันทีที่ข่าวนี้กระจายออกมา มันก็ได้สร้างความวุ่นวายไปทั่วโลกป่า ผู้ควบคุมนับไม่ถ้วนรวมถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ต่างก็พากันตะลึงกับศัตรูเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันข่าวนี้ก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เมื่อพวกเขาได้รับข่าวนี้ พวกเขาก็แห่มาที่โลกป่า เพราะที่นี่คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด การอยู่ที่อื่นมีแค่ความตายที่รออยู่
ใช้เวลาไม่นาน จางหยูและซุนวูก็มาถึงโลกอวี๋ฮุ่นได้
โชคดีที่ไห่อู่เซิงยังไม่มาที่โลกอวี๋ฮุ่น ก่อนหน้านี้ที่สู้กับจางหยูและคนอื่นๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นภัยถึงแก่ชีวิต แต่ก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อย ตอนนี้เขาคงฟื้นฟูตัวเองอยู่ เดาว่าเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว เขาต้องมายังโลกอวี๋ฮุ่นทันที
ด้วยคำสั่งของซุนวู วิหารอวี๋ฮุ่นก็ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปทั่วโกลาหล
แค่เดือนเดียวทั้งโกลาหลก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย จากนั้นผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็มุ่งหน้าไปที่โลกป่า ที่นี่คือศูนย์รวมของผู้คน
สำหรับคนอื่นๆแล้วแม้ว่าจางหยูจะอยากช่วยพวกนั้น แต่เขาก็หมดหนทาง เขาได้แต่ต้องยอมแพ้
แน่นอนว่ามันมีบางคนที่ไม่เชื่อข่าวนี้ พวกเขาถึงกับคิดว่าเป็นแผนการของจางหยูกับวิหารอวี๋ฮุ่น พวกเขาไม่ใช่แค่ไม่ไปที่โลกป่า แต่ยังคอยจับตาดูโลกป่า, จางหยูและวิหารอวี๋ฮุ่นเอาไว้ด้วย
ในเรื่องนี้จางหยูได้แต่ปล่อยให้พวกนั้นเผชิญกับปัญหาเอง