ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1378 ถอนคำฟ้อง

บทที่ 1378 ถอนคำฟ้อง

ในตอนเย็น เจียงสื้อสื้อก็นำเรื่องที่นายท่านหญิงซ่างกวนโทรมาหาตัวเอง เล่าให้จิ้นเฟิงเฉินฟังอย่างละเอียด

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินฟังจบ สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงเล็กน้อย “คุณรับปากเธอแล้วหรือยัง?”

“ยังเลยค่ะ” เจียงสื้อสื้อส่ายหัว “เรื่องนี้สำคัญมาก ฉันจะไปรับปากได้ยังไงกันล่ะคะ?”

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องรับปากไปนะ เรื่องนี้ซ่างกวนหยวนเป็นคนก่อก็ให้เธอรับผลกรรมของมันเอง”

เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “แต่ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคุณนะ ฉันคิดว่า…”

“คุณอยากรับปากงั้นเหรอ?”

“ถ้าสามารถรักษาชื่อเสียงของคุณไว้ได้ แม้ว่าพวกเราต้องจะเสียเปรียบหน่อยก็ไม่เป็นไรค่ะ” นี่เป็นความคิดที่แท้จริงของเจียงสื้อสื้อ

เมื่อเทียบกับการให้ซ่างกวนหยวนเข้าคุกแล้ว เขาเป็นคนที่เธอต้องใส่ใจที่สุด

จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ชื่อเสียงของผมมันจะไม่ถูกทำลายง่ายขนาดนั้นหรอก”

“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ? ชื่อเสียงอะไรกัน?”

แม่จิ้นเดินเข้าไปในห้องหนังสือพร้อมกับถือผลไม้ แล้วได้ยินคำว่า “ชื่อเสียง” สองคำนี้เข้าพอดี

“แม่คะ” เจียงสื้อสื้อหันไปมองเธอ จากนั้นก็มองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน และลังเลอยู่ในใจว่าจะบอกเธอดีหรือไม่

“ตกลงพวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?” แม่จิ้นวางผลไม้ไว้บนโต๊ะ แล้วถามซ้ำอีกครั้ง

เจียงสื้อสื้อเม้มปาก และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “แม่คะ เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ นายท่านหญิงซ่างกวนโทรมาหาหนู”

“โทรหาลูกเหรอ?” แม่จิ้นถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วโทรหาลูกทำอะไร?”

“ยังจะสามารถทำอะไรได้อีกละคะ” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างช่วยไม่ได้

แค่ครู่เดียวแม่จิ้นเข้าใจได้ในทันที “คงโทรมาขอร้องให้ซ่างกวนหยวนสินะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม่จิ้นก็ส่งเสียงพูดอย่างเย็นชา “ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรกหรอก ถ้าตอนนั้นเธอสามารถเกลี้ยกล่อมซ่างกวนหยวนได้ ก็คงไม่ถึงกับต้องมาถึงจุดจุดนี้หรอก”

ทันทีที่พูดถึงซ่างกวนหยวน แม่จิ้นก็ยังโกรธอยู่เลย

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เฟิงเฉินก็คงไม่ถึงกับต้องแยกจากพวกเขาไปนานขนาดนี้ และคงไม่สูญเสียความจำ

“ที่จริงแล้ว……นายท่านหญิงไม่ใช่แค่ต้องการขอร้องหรอก แค่……”

เจียงสื้อสื้อหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วนำคำพูดทั้งหมดของนายท่านหญิงซ่างกวนบอกให้แม่จิ้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” หลังจากที่แม่จิ้นได้ฟังไปแล้ว ก็ตบโต๊ะด้วยความโมโหพร้อมกับพูดว่า “ถึงกับกล้าขู่เรา เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลจิ้นเราจะให้รังแกง่ายๆ?”

“อย่างไรก็ตาม แม่คะ เธอก็รับปากด้วยว่าจะไปพาซ่างกวนหยวนจากไป ดังนั้น……”

“เธอรับปาก แล้วลูกก็เชื่องั้นเหรอ?” แม่จิ้นส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยทีหนึ่ง “ตอนนี้ตระกูลของพวกเขาอยู่ในมือฉันแล้ว คำพูดของใครก็เชื่อไม่ได้ทั้งนั้น”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็หันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน “แล้วถ้าเธอประกาศออกไปจริงๆ ว่าจิ้นเฟิงเฉินเนรคุณละคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ?”

แม่จิ้นนิ่งเงียบ

เธอไม่อยากปล่อยซ่างกวนหยวนไปทั้งที่ยังเป็นแบบนี้เลย แต่ก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงของลูกชายต้องเสียหายเช่นกัน

เธอจึงเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา

และในขณะนั้นเอง จิ้นเฟิงเฉินกเอ่ยปากพูดว่า “แม่ครับ ผมไม่สำคัญหรอกครับ”

“ลูกไม่สำคัญตรงไหนกันล่ะ?” แม่จิ้นจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “สำหรับแม่และตระกูลจิ้นแล้ว ชื่อเสียงของลูกสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดเลยนะ”

เธอจึงครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง และทำการตัดสินใจ

“งั้นพวกเราจะไม่ฟ้องซ่างกวนหยวนแล้วก็ได้”

ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา มันก็มากพอที่จะทำให้จิ้นเฟิงเฉินที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด แสดงความประหลาดใจบนใบหน้า

เมื่อได้ยินแม่จิ้นพูดแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็กลับลังเลขึ้นมา

ยังไงสะ ในเรื่องนี้ แม่จิ้นก็เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

“แต่ว่า แม่คะ ถ้าไม่ฟ้องซ่างกวนหยวน แล้วที่แม่กับคุณแม่ของหนูไม่ได้รับความเป็นธรรมล่ะคะจะทำยังไงดี?”

ที่จริงแล้วนี่ถึงเป็นสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุด

“แม้พวกเราจะไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไม่เป็นไร แต่ชื่อเสียงของเฟิงเฉินสำคัญกว่า” แม่จิ้นพูด

“ไม่ได้นะครับ ผมไม่เห็นด้วย” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเคร่งขรึม

เขาไม่สามารถทำให้ครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตัวเขาเอง

“เฟิงเฉินเอ๊ย” แม่จิ้นเหลือบมองเจียงสื้อสื้อแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจ “แม่เชื่อว่าแม่ชิงแกเองก็ไม่อยากให้ชื่อเสียงของลูกต้องเสียหายเช่นกัน ดังนั้นก็ทำตามที่นายท่านหญิงซ่างกวนพูด โยที่ไม่ต้องยื่นฟ้องซ่างกวนหยวนแล้ว”

“แม่ครับ……”

จิ้นเฟิงเฉินยังอยากให้ยืนหยัดต่อไป ดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงดึงแขนเสื้อของเขา

เขาจึงหันกลับมา

เจียงสื้อสื้อจึงยิ้มให้เขา และพูดว่า “เฟิงเฉิน พวกเราไม่ต้องยื่นฟ้องซ่างกวนหยวนแล้ว แม่ของฉันจะไม่โทษพวกเราหรอก”

“คุณก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของแม่ด้วยงั้นเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินมองมาที่เธอ

เจียงสื้อสื้อก้มหน้าลง และไม่ได้ส่งเสียงใดๆ

จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าพวกเขาล้วนแต่คิดแทนตัวเขาเอง แต่เมื่อเทียบกับการที่ชื่อเสียงของเขาต้องได้รับความเสียหายแล้ว เขายิ่งไม่อยากเห็นครอบครัวของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่กลับทำได้แค่เลือกที่จะยุติลง

“ผมยังคงไม่เห็นด้วยอยู่ดีครับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็เงยหน้าขึ้นมองแม่จิ้น

และทั้งสองก็มองหน้ากัน แม่จิ้นจึงเอ่ยปากพูดว่า “เฟิงเฉิน ที่จริงแล้วแม้ว่าพวกเราจะไม่ฟ้องซ่างกวนหยวน ทางตำรวจเขาก็คงจะไม่ยอมปล่อยเธอไปหรอก และท้ายที่สุดแล้วเธอก็จะต้องติดคุก”

และชื่อเสียงของลูกก็จะไม่เสียหายด้วย เมื่อพูดถึงตรงนี้ “เรื่องนี้ก็ยังมีประโยชน์ต่อพวกเราด้วย”

หลังจากพูดจบ แม่จิ้นก็จ้องไปที่จิ้นเฟิงเฉินอย่างแน่นหนา

จิ้นเฟิงเฉินลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง คุณแม่พูดถูกครับ ไม่ว่าพวกเขาจะยื่นฟ้องซ่างกวนหยวนหรือไม่ก็ตาม ทางตำรวจคงจะไม่ปล่อยไปแบบนี้ และคงยังจะยื่นฟ้องซ่างกวนหยวนต่อไป

ถ้าอย่างนั้น ซ่างกวนหยวนก็ยังต้องเข้าคุกอยู่ดี

แต่ด้วยอำนาจของตระกูลซ่างกวน ถ้าไม่มีการขัดขวางของตระกูลจิ้นแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะสามารถจับซ่างกวนหยวนได้

ดังนั้น……

“ผมก็ยังไม่เห็นด้วยครับ”

“ทำไมล่ะ?” แม่จิ้นถาม

จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองกังวลออกมา

เมื่อแม่จิ้นได้ยิน ก็มองมาที่เขา พร้อมกับพูดว่า “เฟิงเฉิน ลูกคิดว่าตระกูลซ่างกวนจะสามารถช่วยซ่างกวนหยวนได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ แล้วถ้าทำได้ ทำไมนายท่านหญิงจึงต้องโทรหาสื้อสื้อด้วยล่ะ?

ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ แม้ว่าพวกเขาจะอยากช่วยซ่างกวนหยวนยังไงมันก็ต้องไม่ราบรื่บและเสียแรงเปล่าแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเวลานี้ซ่างกวนหยวนจะต้องได้รับบทเรียนมากมายด้วยเช่นกัน”

เจียงสื้อสื้อก็พูดเกลี้ยกล่อมว่า “เฟิงเฉิน ฉันคิดว่าแม่พูดถูกแล้วนะ ตระกูลซ่างกวนไม่สามารถช่วยเหลือคนออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้นหรอก เราลองทำตามที่แม่บอกกันก่อนก็ได้”

……

จิ้นเฟิงเฉินมองเธอ แล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ได้”

เมื่อซ่างกวนเชียนได้ข่าวว่าตระกูลจิ้นถอนคำฟ้องแล้วนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น

“คุณไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?” เธอไม่อยากจะเชื่อจนต้องให้ทนายความเจียงยืนยันอีกที

ทนายความเจียงพยักหน้า “ไม่ได้พูดผิดครับ ตระกูลจิ้นถอนคำฟ้องไปแล้วจริงๆ ครับ”

“ดีมากเลย” ชางกวนเชียนรู้สึกว่าหินก้อนใหญ่ที่กดเธอไว้นั้นในที่สุดก็ถูกกำจัดออกไปแล้ว และเธอก็โล่งใจลงอย่างมาก

“แต่ยังเราก็ไม่สามารถดีใจเร็วเกินไป” ทนายความเจียงไม่ได้ดีใจเหมือบกับซ่างกวนเชียน ในทางตรงกันเขาสีหน้าของเขากลับเคร่งขรึม

“เป็นอะไรไป?” ซ่างกวนเชียนถาม

“แม้ว่าตระกูลจิ้นจะถอนคำฟ้องแล้ว แต่ทางตำรวจนั้นก็จะยากที่จะจัดการกับเรื่องนี้เช่นกัน”

ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่าทางตำรวจจะยังตรวจสำนวนและตัดสินตามปกติ โดยที่จะตัดสินความตามที่เห็นควรงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว แม้ว่าตระกูลจิ้นจะถอนคำฟ้องแล้ว แต่คุณหนูทำผิดกฎหมายจริง ไม่ว่าทางตำรวจจะทำไปเพื่อรักษาความเป็นธรรมของกฎหมายก็ตาม ยังไงก็ยังคงต้องตรวจสำนวนและตัดสินคดีต่อไป”

“แล้วควรจะทำยังไงดีล่ะ?”

“คงต้องคิดหาวิธีใหม่”

เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ทนายความเจียงก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดีเช่นกัน

อยู่ๆ อารมณ์ของซ่างกวนเชียนก็กลับมาจริงจังอีกครั้ง เธอถอนหายใจ “ฉันคิดซะอีกว่าหยวนหยวนจะกลับบ้านได้แล้ว”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท