ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 1379 อย่าโทษเธอที่ต้องพลิกลิ้นเหี้ยมโหด

บทที่ 1379 อย่าโทษเธอที่ต้องพลิกลิ้นเหี้ยมโหด

“หากอยากให้คุณหนูกลับบ้าน อาจต้องใช้เวลาอีกหน่อย ” ทนายความเจียงพิจารณาจากการเขียนสำนวนของเขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “ท่านประธานครับ ท่านประธานต้องเกลี้ยกล่อมคุณหนูดีๆ ให้คุณหนูอย่าได้สร้างปัญหาอีก ต้องพยายามเชื่อฟังให้มาก และประพฤติตนให้ดีบางทีอาจจะสามารถช่วยลดโทษได้ครับ”

“คุณควรจะเข้าใจนะว่า สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่แค่การลดโทษ” ซ่างกวนเชียนหรี่ตาลงเล็กน้อย มันดูเหมือนการมีอยู่ที่ไร้รูปร่างที่มีการบีบบังคน “แต่มันกลับเป็นการพ้นผิดต่างหากล่ะ”

“ผมรู้ครับ” ทนายความเจียงรู้สึกกลัวอยู่ในใจ เขาจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ดังนั้นมันจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยนะครับ”

ซ่างกวนเชียนเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเร่งได้ เพราะมันมีจุดสำคัญมากมายที่จะต้องจัดการ ดังนั้นมันต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยจริงๆ

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พรุ่งนี้ฉันจะไปพบหยวนหยวน เพื่อสงบสติอารมณ์ของเธอไว้ ไม่ให้สร้างปัญหาขึ้นอีก”

ตระกูลจิ้นถอนคำฟ้องแล้ว และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการประพฤติตัวของตัวซ่างกวนหยวนเอง

ถ้าเธอไม่หยุดสร้างปัญหา เรื่องก็จะยิ่งยุ่งยากขึ้นเท่านั้น

……

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่างกวนเชียนก็ขับรถไปที่ทัณฑสถานของเมืองจิ่น

เขานั่งอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน และสายตาก็จ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิทอยู่อย่างแน่นหนา

ผ่านไปประมาณสิบนาที ประตูก็เปิดออก

ซ่างกวนหยวนก็เดินเข้ามา และตามหลังมาด้วยตำรวจอีกสองนาย

ซ่างกวนเชียนมองไปที่เธอที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยความตื่นเต้น

ซ่างกวนหยวนกลับดูเฉยเมย เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเขาแล้ว และสายตาที่เธอมองเขานั้นไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ ราวกับว่าเธอกำลังมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

แม้ว่าเธอจะเย็นชากับเขามาโดยตลอด แต่ครั้งนี้กลับต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ดวงตาของเธอเหมือนสระน้ำที่แห้งเหือด ซึ่งมันมืด และไร้ซึ่งแสงใดๆ

เมื่อเห็นว่าเธอกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของซ่างกวนเชียนก็ปวดร้าวขึ้นมา

มันเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอของเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กระซิบเบาๆ ว่า “หยวนหยวน”

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดในสายตาของซ่างกวนหยวนก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่เธอก็เม้มปากไว้แน่น และยังคงไม่พูดอะไร

ซ่างกวนเชียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อผ่อนคลายความรู้สึกที่หายใจไม่ออกในหัวใจ แล้วส่งเสียงพูดว่า “ตระกูลจิ้นถอนคำฟ้องแล้วนะ”

รูม่านตาของซ่างกวนหยวนแน่นขึ้น และเธอก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “คุณพูดว่าอะไร?”

“ผมบอกว่าตระกูลจิ้นถอนคำฟ้องแล้ว” ซ่างกวนเชียนไม่แสดงความหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย แต่น้ำเสียงของเขากลับอ่อนโยนเป็นพิเศษ

“ฮ่าๆ…” อยู่ๆ ซ่างกวนหยวนก็หัวเราะขึ้นมา และในรอยยิ้มของเธอก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “นี่คุณกำลังปลอบโยนฉันอยู่งั้นเหรอ?”

ตระกูลจิ้นเกลียดเธอขนาดนั้น เกลียดจนรอให้เธอติดคุกไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ แล้วจะถอนคำฟ้องได้ยังไงกันล่ะ?

“เป็นเพราะการไปขอร้องของคุณย่าต่างหากล่ะ”

ซ่างกวนเชียนมองซ่างกวนหยวนที่ค่อยๆ เก็บอาการหัวเราะที่ยังดูแย่ยิ่งกว่าการร้องไห้นั้นของเธอ

“ไม่จำเป็น”

ทันทีที่นึกถึงว่าคุณย่าทำเพื่อเธอ จนต้องยอมลดตัวเพื่อขอร้องคนตระกูลจิ้นให้เธอ เธอจึงยอมที่จะเข้าคุกอีกสักสองสามปียังดีกว่า

“คุณย่ารักคุณมากนะ คุณย่าหวังว่าคุณจะออกมาได้เร็วกว่านี้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซ่างกวนเชียนก็ฉวยโอกาสพูดเกลี้ยกล่อมว่า “คุณก็อย่าสร้างปัญหาอีกล่ะ อยู่ที่นั่นดีๆ ผมจะหาทางพาคุณออกไปให้เร็วที่สุด”

ซ่างกวนหยวนไม่มีการตอบรับใดๆ

ซ่างกวนเชียนกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อฟัง เขาจึงพูดเสริมว่า “ก่อนจะทำอะไร ให้คิดถึงคุณย่าก่อน เพราะคุณย่าอายุปูนนี้แล้วยังต้องมาค่อยเป็นห่วงคุณ แล้วคุณไม่เป็นห่วงคุณย่าบ้างเลยเหรอ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของซ่างกวนหยวนก็ดูหวาดกลัวขึ้นมา และถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นั่นคือคุณย่าของฉัน ฉันจะไม่ห่วงใยท่านได้งั้นเหรอ?”

มุมปากของซ่างกวนเชียนปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ดังนั้นคุณต้องเชื่อฟังนะ เข้าใจใช่ไหม?”

ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “ซ่างกวนเชียนอย่าทำเป็นเหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กไปเลย ฉัน……”

“ผมไม่ได้ทำเหมือนว่าคุณเป็นเด็กเลยนะ” ซ่างกวนเชียนขัดจังหวะเธอ และจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “ผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดมาก และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”

ไม่นาน เวลาเยี่ยมก็หมดลง

จากนั้นตำรวจที่อยู่ด้านหลังซ่างกวนหยวนก็ดึงตัวเธอขึ้นมา

เมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนเชียนก็ยืนขึ้น และพยายามจะหยุดพวกเขา แต่เมื่อนึกถึงฐานะของพวกเขาแล้ว เขาก็ทำได้แค่ค่อยๆ ดึงมือกลับมา และมองดูซ่างกวนหยวนที่ถูกตำรวจพาตัวไป

สภาพโดยรอบก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดที่ราวกับความตายยังไงอย่างงั้น

ซ่างกวนเชียนก้มหน้าลง และนั่งลงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นและจากไป

เมื่อกลับไปถึงที่ห้องขนาดเล็กนั้น ซ่างกวนหยวนก็พิงไปที่ผนังและค่อยๆ เลื่อนตัวลงไป จนกระทั่งเธอนั่งลงกับพื้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าต่างบานเล็กเพียงบานเดียวบนผนัง

ซึ่งมันก็อยู่สูงอย่างมาก

จนมองเห็นท้องฟ้าได้อย่างคลุมเครือเพียงนิดเดียว

เธอดูเฉยชา และไม่สามารถมองเห็นความรู้สึกใดๆ จากเธอเลย

ที่จริงแล้วภายในใจของเธอมันพลุ่งพล่านไปตั้งนานแล้ว

เธอคิดไม่ถึงว่าตระกูลจิ้นจะรับปากถอนคำฟ้องได้ หรือเธออาจไม่รู้ว่าคุณย่าได้ตกลงรับเงื่อนไขอะไรกับตระกูลจิ้นหรือเปล่า

ตระกูลจิ้นคงไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ เนื่องจากพวกเขาเองขอความเมตตาให้ลดหย่อนผ่อนผันไม่ยื่นฟ้องตัวเธอแล้วหรอกนะ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็หัวเราะเยาะอย่างเย็นชาไปทีหนึ่ง แล้วความโหดเหี้ยมอำมหิตก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ

และนี่ก็คือสิ่งที่พวกเขาติดหนี้เธอ!

ในตอนแรกนั้นถ้าไม่มีเธอ จิ้นเฟิงเฉินคงจะตายที่ประเทศอังกฤษไปนานแล้ว

เธอจึงค่อยๆ หรี่ตาลง ในเมื่อจิ้นเฟิงเฉินเนรคุณ งั้นก็อย่าโทษเธอที่ต้องพลิกลิ้นเหี้ยมโหดก็แล้วกัน

ไว้เธอออกไปได้แล้ว เธอจะไม่มีวันยอมปล่อยตระกูลจิ้นไปแน่นอน!

……

อย่างที่แม่จิ้นพูด แม้ว่าตระกูลจิ้นจะถอนคำฟ้องแล้ว แต่คดีลักพาตัวก็ยังถูกดำเนินตามเดิม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการถอนคำฟ้องเลย

และซ่างกวนหยวนก็ยังคงหนีไม่พ้นจุดจบในการติดคุก

เมื่อไม่มีการกวนใจของซ่างกวนหยวนแล้ว ชีวิตนับวันก็ยิ่งเงียบสงบสุขมากขึ้นเรื่อยๆ

จิ้นเฟิงเฉินก็ยังออกไปทำงานแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน และงานของเขาก็ราบรื่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

แต่เรื่องที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวเลยก็คือเขายังจำอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่

ในวันนี้ เจียงสื้อสื้อก็ใจตื่นตั้งแต่เช้า เพราะอยากเตรียมอาหารเช้าให้จิ้นเฟิงเฉินด้วยตัวเอง

เธอเตรียมแซนวิชที่จิ้นเฟิงเฉินชอบ และไข่เจียว

จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปในห้องครัว และเมื่อเขาเห็นอาหารเช้าที่เขาชอบทาน เขาก็ยกมุมปากขึ้นอย่างตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่

“คุณตื่นแล้วเหรอ” เจียงสื้อสื้อหยิบขวดนมขวดหนึ่งออกมาจากห้องครัว เขาก็เห็น ใบหน้าที่สวยงามซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสของเธอ

จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไป จับไหล่ของเธอไว้ แล้วก้มหน้าลงจูบที่หน้าผากของเธอ

“ลำบากคุณแล้วนะ”

เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นข้างๆ หูของเธอ

เจียงสื้อสื้อรู้สึกราวกับว่าหัวใจทั้งดวงของเธอถูกเติมเต็ม “รีบนั่งลงก่อนสิ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวนมที่พึ่งอุ่นเสร็จจะเย็นลงนะ”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม พร้อมกับดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง จากนั้นก็ทานอาหารเช้าอย่างช้าๆ

เจียงสื้อสื้อนั่งตรงข้ามเขา และจ้องมองเขาอย่างไม่กะพริบตา “เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เปลือกตาของจิ้นเฟิงเฉินก็เปิดออก แล้วมองเข้าไปในดวงตาที่คาดหวังของเธอ จากนั้นเขาก็ยกมุมปากขึ้น “แน่นอนว่าอร่อยสิ”

เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มเหมือนกับเด็กน้อยที่ได้รับลูกกวาด ที่คิ้วโค้งงอ และดวงตาที่สดใส

ซึ่งเธอตื่นเต้นอย่างมาก

และสายตาของจิ้นเฟิงเฉินมืดครึ้มไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดอย่างลึกซึ้งว่า “อย่ามองผมแบบนั้นสิ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวผมจะทำงานไม่ได้นะ”

“เอ๊ะ?” เจียงสื้อสื้อไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเลย

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก”

เขาก้มหน้าลง แล้วหยิบแซนวิชขึ้นมากัดไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เคี้ยว

เจียงสื้อสื้อเพิ่งจะมารู้สึกและตอบสนองกลับกับิ่งที่เขาได้พูดไปเมื่อครู่นี้ จากนั้นใบหน้าที่ขาวสะอาดของเธอก็แดงขึ้นมาในทันที และแม้แต่ลำคอของเธอก็แดงขึ้นเป็นเลือดฝาดอ่อนๆ เช่นกัน

เขาพูดอะไรแต่เช้ากันเนี่ย!

เพื่อซ่อนความเขินอายของเธอ เธอจึงหยิบนมขึ้นมาดื่มไปคำหนึ่ง

แต่เธอรีบดื่มเกินไป เธอจึงสำลักโดยไม่ได้ตั้งใจ

แค๊กๆ!

เธอไอไปสองสามครั้งก่อนที่จะคลายลง

“ไม่ใช่ว่าคุณไม่ค่อยชอบดื่มนมหรอกเหรอ?”

จิ้นเฟิงเฉินตบหลังเธอไปด้วย พร้อมกับถามเธอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ฉัน……” เจียงสื้อสื้ออยากจะพูดว่าไม่เป็นไร แม้ว่าเธอจะไม่ชอบมันเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ

เพียงแต่ เมื่อกำลังจะพูดออกไปอยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันผิดปกติขึ้นมา

เธอค่อยๆ เบิกตากว้าง “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะจำได้ว่าฉันไม่ค่อยชอบดื่มนม?”

ด้วยคำถามนี้ จิ้นเฟิงเฉินจึงค่อยตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อครู่นี้

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท