เขาจำได้ว่าสื้อสื้อไม่ค่อยชอบดื่มนม
จิ้นเฟิงเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ซึ่งดูเหมือนว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเธอ เขามักจะจำมันได้อยู่เสมอ
เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มเช่นกัน “ไม่รู้ว่าคุณยังจะจำเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉันได้บ้าง ฉันคาดหวังมากเลยนะ”
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เธอ ด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างมาก
เขาก็หวังว่าเขาจะจำเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสื้อสื้อได้เช่นกัน
ในตอนเย็น ทั้งครอบครัวก็นั่งคุยกันในห้องรับแขก
เจียงสื้อสื้อก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า เธอมองไปที่เฟิงเฉิน ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นมุมปากเธอก็ยกขึ้น “เฟิงเฉินจำเรื่องที่เกี่ยวกับหนูได้ไม่น้อยเลยค่ะ”
“พี่สะใภ้ คุณคงดีใจมากเลยใช่ไหม?” จิ้นเฟิงเหราถาม
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว “แน่นอนว่าพี่ต้องดีใจอยู่แล้วล่ะ”
จิ้นเฟิงเหรากุมหน้าอกตัวเองไว้ และทำท่าทางที่รู้สึกแย่อย่างมาก “แต่ผมไม่ดีใจเลยครับ พี่ชายของผมจำอะไรที่เกี่ยวกับผมไม่ได้เลย”
“จิ้นเฟิงเหรา นี่มันไม่ใช่เรื่องคุณลักษณะเลยนะ คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?” ส้งหวั่นชีงใช้ข้อศอกมือชนเขาไปทีหนึ่ง
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะออกมา และยกมือขึ้นโอบเธอไว้ในอ้อมแขน “ผมแค่ล้อพี่สะใภ้เล่นนะครับ อย่าจริงจังไปเลย”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่……” แม่จิ้นเผลอยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหัว
เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มตามเช่นกัน “วางใจเถอะ พี่ชายของลูกจะต้องจำลูก และพ่อกับแม่ได้ไม่ช้าก็เร็ว และเขาก็จะจำทุกอย่างได้แน่นอน”
ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอก็จับมือของจิ้นเฟิงเฉินไว้แน่น
เจียงสื้อสื้อหันกลับไป และสบตาเข้ากับสายตาที่ลึกซึ้งของจิ้นเฟิงเฉินเข้าพอดี และเธอก็ยิ่งอ่อนโยนมากขึ้น
จิ้นเฟิงเหราพูดติดตลกไปว่า “พี่ พี่สะใภ้ครับ พวกพี่ช่วยเก็บอาการหน่อยได้ไหมครับ ผมแทบจะทนดูไม่ไหวแล้วครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็หันหน้ากลับมา แล้วพูดหยอกล้อไปว่า “เฟิงเหรา เธอพูดแบบนี้ ถ้าไม่รู้คงคิดว่าเธอยังโสดอยู่นะเนี่ย”
ส้งหวั่นชีงปิดปากตัวเองและหัวเราะออกมา
จิ้นเฟิงเหราทำเสียงไอเบาๆ “ผมก็แค่อิจฉาแค่นั้นแหละ”
“อิจฉาอะไรล่ะ? หวั่นหวั่นก็อยู่ข้างๆ เธอไม่ใช่เหรอ?” เจียงสื้อสื้อยกคางขึ้น และส่งสัญญาณให้เขามองไปที่ส้งหวั่นชีงที่อยู่ข้างๆ
จิ้นเฟิงเหรารีบโอบกอดส้งหวั่นชีงทันที “หวั่นหวั่น พวกเรามาทำให้พวกเขาทนดูไม่ได้กันเถอะ”
ในขณะที่พูด เขาก็กำลังจะจูบส้งหวั่นชีง
“พ่อกับแม่ยังอยู่อยู่นะ” ส้งหวั่นชีงก็ยกมือขึ้นเพื่อบังหัวของเขา และเหลือบมองพ่อจิ้นกับแม่จิ้นด้วยความเขินอาย พร้อมกับพูดไปว่า “หนูมีเรื่องจะบอกค่ะ”
จิ้นเฟิงเหราตะลึง “เรื่องอะไรกันล่ะ?”
ส้งหวั่นชีงก้มหน้าลง แล้วใช้มือลูบหน้าท้องน้อยของเธอ จากนั้นก็พูดด้วยท่าที่อ่อนโยนว่า “หนูมีอีกแล้ว”
“มีอีกแล้วเหรอ?” จิ้นเฟิงเหรายังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ “มีอะไรล่ะ?”
“จิ้นเฟิงเหรา คุณนี่จริงๆ เลย……” ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงดี
เขาเป็นคนช่างคุย แต่กลับโง่เง่าเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องสำคัญแบบนี้
“หวั่นหวั่น ลูกพูดว่าลูกมีแล้วเหรอ?” แม่จิ้นกับพ่อจิ้นมองหน้ากันไปแวบหนึ่ง อย่างไม่อยากจะเชื่อเลย
ส้งหวั่นชีงพยักหน้า
หลังจากได้รับคำตอบที่แน่ชัดแล้ว แม่จิ้นกับพ่อจิ้นทั้งตื่นเต้นและดีใจขึ้นมาทันที
“ดีมาก ดีมากเลยลูก! อีกหน่อยบ้านของเราก็จะคึกคักมากขึ้นจริงๆ แล้ว” แม่จิ้นยิ้มจนหุบปากไม่อยู่
ในขณะนั้นเอง จิ้นเฟิงเหราถึงเพิ่งรู้ตัวและตอบสนองกลับมา “หวั่นหวั่น คุณมีอีกแล้วเหรอ ทำไมคุณถึงไม่บอกผมก่อน”
“ฉันแค่อยากเซอร์ไพรส์คุณน่ะ”
และมันก็เซอร์ไพรส์จริงๆ ด้วย!
จิ้นเฟิงเหรากอดเธอด้วยความตื่นเต้น และจุ๊บไปที่แก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมกับมองเธออย่างลึกซึ้ง “หวั่นหวั่น คุณนี่เก่งมากเลยจริงๆ”
“คุณพูดอะไรน่ะ?” ส้งหวั่นชีงผลักเขาออกไปอย่างเขินอาย
จิ้นเฟิงเหราถือโอกาสโอบไหล่เธอไว้ “พวกเราจะมีลูกสาวที่น่ารักเหมือนกับเถียนเถียนแล้ว”
เมื่อเขาคิดว่าอีกหน่อยเขาก็จะมีลูกสาวที่เรียกเขาว่าพ่ออย่างหวานๆ แล้ว เขาก็แทบจะรอไม่ไหว!
“ยินดีด้วยนะ หวั่นหวั่น” เจียงสื้อสื้อพูด
ส้งหวั่นชีงยิ้มกลับให้เธอ “ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม และมองไปที่พ่อจิ้นกับแม่จิ้น จากนั้นก็เห็นพวกเขาก็ดูมีความสุขอย่างมาก
มุมปากก็ยกขึ้นอย่างอดไม่ได้ ดีจริงๆ เลย ครอบครัวเราไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานมากแล้ว
……
เมื่อเจี่ยงฉือรู้เรื่องของซ่างกวนหยวนเขาก็รีบกลับประเทศทันที เขาจึงใช้เส้นสาย และไปหาซ่างกวนหยวนในช่วงเวลาแรก
เมื่อเขาได้เห็นซ่างกวนหยวน เขาก็ตกตะลึง
เขาไม่สามารถเปรียบเทียบผู้หญิงที่ดูเซื่องซึมและมืดครึ้มที่อยู่ตรงหน้า กับซ่างกวนหยวนที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวามาโดยตลอดได้เลย
“ทำไมล่ะ? คุณจำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?” ซ่างกวนหยวนส่งเสียงถามก่อน
เมื่อเธอเห็นความตกตะลึงของเจี่ยงฉือ ก็รู้สึกเพียงว่าสถาพปัจจุบันของเธอนั้น มันช่างอับอายขายหน้าและน่าขำจริงๆ
เธอเป็นใครครับ?
ซ่างกวนหยวนครับ
เธอถูกเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก แล้วจะไปเคยไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ
และทั้งหมดนี้คงต้องขอบคุณเจียงสื้อสื้อและตระกูลจิ้นที่ให้ความช่วยเหลือ!
เมื่อนึกถึงเจียงสื้อสื้อและตระกูลจิ้น เธอไม่ได้ปิดบังความโกรธแค้นเลยแม้แต่น้อย
เจี่ยงฉือจึงกลับมามีสติอีกครั้ง และถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณยังสบายดีอยู่ไหม?”
ซ่างกวนหยวนหัวเราะเยาะ “ดูสภาพของฉันตอนนี้คุณคิดว่าฉันดูสบายดีไหมล่ะ?”
จากนั้น เธอก็พูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชังว่า “ฉันไม่สบายเลยสักนิด!”
“ทำให้คุณต้องได้รับความไม่เป็นธรรมซะแล้ว”
“ได้รับความไม่เป็นธรรมงั้นเหรอ?” ซ่างกวนหยวนยิ้มอย่างประชดประชัน “แบบฉันนี่เรียกว่าได้รับความไม่เป็นธรรมเหรอ? นี่มันดูถูกกันชัดๆ นี่!”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันอยู่ในที่แบบไหน?”
“แล้วในทุกๆ วันฉันต้องกินแต่อะไร? นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คนจะกินเลยด้วยซ้ำ!”
……
เมื่อคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ ซ่างกวนหยวนก็กุมหัวตัวเองไว้ ทรุดตัวลงพร้อมกับพูดว่า “ฉันจะบ้าตายแล้วจริงๆ จะบ้าตายแล้ว”
เมื่อเห็นสภาพแบบนี้ของเธอ เจี่ยงฉือก็รู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนกัน เขายื่นมือไปสัมผัสเธอ แต่เธอกลับหลบเขา
เธอเงยหน้าขึ้นจ้องเขา “คุณรู้บ้างไหม? ว่าฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับเลย ฉันจะต้องตายอยู่ในนี้จริงๆ เหรอ”
“หยวนหยวน คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ มีเรื่องอะไรเราค่อยๆ คุยกัน”
“ค่อยๆ คุยกันงั้นเหรอ?” ซ่างกวนหยวนส่ายหัว “ฉันอยู่ต่อไม่ได้อีกแล้ว ฉันจะตายแล้วจริงๆ ฉันจะตายแล้ว”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเธอใกล้จะระเบิดออกมา เจี่ยงฉือก็รีบจับมือของเธอไว้ แล้วพูดปลอบใจไปว่า “หยวนหยวน ใจเย็นๆ”
“ฉันใจเย็นไม่ได้อีกแล้ว” ซ่างกวนหยวนสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง แล้วส่งเสียงกรีดร้องอย่างดัง
เจี่ยงฉือมองดูเธอด้วยความปวดใจและทำอะไรไม่ถูกเลย
อยู่ๆ ซ่างกวนหยวนก็ร้องไห้ออกมาในทันที และเธอก็จับมือเขาไว้แน่น “เจี่ยงฉือ คุณช่วยฉันได้ไหม ได้ไหม? ฉันจะเป็นบ้าแล้ว จะตายแล้วจริงๆ”
“หยวนหยวน ฟังผมนะ” เจี่ยงฉือกุมมือเธอกลับ “ผมจะช่วยคุณออกมาให้ได้แน่นอน แต่ก่อนอื่นนั้น คุณจะต้องอยู่ในนี้ให้ดีๆ และอย่าได้คิดเหลวไหลอะไร”
“ฉันอยากออกไปตอนนี้เลย ฉันรอไม่ไหวอีกแล้ว” ซ่างกวนหยวนพูด
“คุณใจเย็นๆ แล้วคิดดู ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถช่วยคุณออกมาได้ในทันทีหรอกนะ” เจี่ยงฉือถอนหายใจ “ให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะช่วยคุณออกมาให้ได้อย่างแน่นอน”
“จริงเหรอ?” ซ่างกวนหยวนไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย
เจี่ยงฉือพยักหน้า “จริงๆ คุณเชื่อใจผมนะ