วันต่อมา เจียงสื้อสื้อพึ่งทานอาหารเช้าเสร็จ
จู่ๆ เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนก็วิ่งตามหน้าตามหลังกันเข้ามา
“หม่ามี๊”
เห็นยัยตัวเล็กสองคนนี้ บนใบหน้าเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยความตกใจ “พวกเธอมาได้ยังไง?”
“คุณลุงกู้เนี่ยนพาพวกเรามา”
เถียนเถียนใช้ทั้งเท้าและมือเพื่อที่จะคานขึ้นไปบนเตียง
จิ้นเฟิงเฉินควักมือไปดึงปกคอเสื้อของเธอ และหิ้วเธอมายืนอยู่บนพื้นดีๆ
“ร่างกายหม่ามี๊ไม่สบาย” จิ้นเฟิงเฉินตีหน้าขรึม
เถียนเถียนรู้สึกน้อยใจมาก ปากเล็กๆ เบะปาก น้ำตาในดวงตาเริ่มซึม
เห็นท่าทีแบบนี้ เจียงสื้อสื้อรีบออกเสียงง้อ “เถียนเถียนไม่ต้องร้องไห้ มาให้หม่ามี๊กอดมา”
เถียนเถียนเดินเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเจียงสื้อสื้อจะกอดเถียนเถียนจริงจัง ดังนั้น เขาเลยรีบแย่งไปอุ้มเถียนเถียนวางลงบนเตียง ให้นั่งอยู่ข้างของเธอ
“แล้วคุณยังไม่ให้เธอขึ้นมาอีก” เจียงสื้อสื้อกลอกตามองใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันกลัวเธอทับโดนคุณไง” จิ้นเฟิงเฉินพูดอธิบายมา
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วลูบหัวเถียนเถียน “เถียนเถียนของพวกเราไม่ทำหรอก ใช่ไหม?”
เถียนเถียนพยักหน้าแรงๆ “อือ เถียนเถียนจะระมัดระวังให้มากที่สุด”
จากนั้น เธอก็ถามออกมาด้วยความห่วงใย “หม่ามี๊ เจ็บไหม”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่เจ็บ หม่ามี๊ไม่เป็นไร”
“ถ้าหม่ามี๊เจ็บก็บอกเถียนเถียนนะ เถียนเถียนจะช่วยหม่ามี๊เป่าฮูฮูก็จะไม่เจ็บแล้ว”
ได้ยินเสียงอ่อนหวานของเถียนเถียน ทำเอาเจียงสื้อสื้อหัวเราะออกมา อารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันที
เจียงสื้อสื้อมองไปทางเสี่ยวเป่าที่ไม่พูดสักคำเลย
เด็กคนนี้เหมือนพ่อของเขาเลย เป็นพวกประเภทที่ไม่ชอบพูด แต่ดูจากสายตาของเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นห่วงเธอ
“เสี่ยวเป่า นายอยากพูดอะไร?” เจียงสื้อสื้อถาม
“หม่ามี๊ คุณลุงกู้เนี่ยนบอกว่ามีพวกคนชั่วจะทำร้ายหม่ามี๊ รอผมโต จะปกป้องหม่ามี๊ให้ดีที่สุด”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ได้สิ รอนายโตขึ้นมา ต้องปกป้องหม่ามี๊กับน้องสาวนะ”
“อืออือ” เสี่ยวเป่าพยักหน้าแรงๆ
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่พวกเธอสามแม่ลูก มันมีทั้งความรู้สึกที่มีความสุขและความพึงพอใจพุ่งขึ้นมาเต็มอก
แต่……
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเย็นชาทันที มีคนอยากทำลายความสุขและความสงบของพวกเขา
ห้ามให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
“สื้อสื้อ เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนอยู่เป็นเพื่อนคุณ ที่บริษัทยังมีธุระนิดหน่อย ฉันต้องไปจัดการก่อน” จิ้นเฟิงเฉินพูด
“คุณไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน” เจียงสื่อสื้อไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับงานของเขาเพราะตัวเอง
และอีกอย่างเขาพึ่งกลับไปในบริษัท ห้ามกลายเป็นขี้ปากของคนอื่น
“มีเรื่องก็โทรหาฉันนะ” จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไป และเอียงตัวลงไปจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ
เห็นท่าทีแบบนี้ เถียนเถียนรีบเงยหน้าอันเล็กของตัวเองขึ้นมา “แด๊ดดี้ หนูก็จะเอา”
จิ้นเฟิงเฉินก็หอมเธอด้วย จากนั้นหันหน้าไปสั่งเสี่ยวเป่า “ดูแลหม่ามี๊กับน้องสาวดีๆ นะ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง “อือ”
พอแด๊ดดี้ไป ที่นี่ก็จะเหลือลูกผู้ชายเพียงเขาคนเดียว เขาต้องปกป้องหม่ามี๊และน้องสาวให้ดี
……
เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย กู้เนี่ยนที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็รีบต้อนรับ “คุณชาย อิ้งเทียนกำลังรอคุณไปจัดการธุระอยู่”
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ลูกตาดำ “พวกเราไปตอนนี้แหละ”
“ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้กลับบริษัท แต่กลับไปฐานที่มั่นชั่วคราวที่อิ้งเทียนสร้างขึ้นมาหลังจากกลับมาในประเทศ
เป็นชั้นสองของบาร์แห่งหนึ่ง
ตรงบันไดมีแผ่นกระดานตั้งไว้อยู่
บนแผ่นกระดานเขียนไว้ บุคคลภายนอกห้ามเข้า
ในห้องหนึ่งบนชั้นสอง มีผู้ชายสิบกว่าคนมือทั้งสองข้างโดนมัดไว้ข้างหลัง และนั่งยองๆ บนพื้นเรียงเป็นสองแถว
และตรงหน้าของพวกเขามีอิ้งเทียนยืนอยู่ สายตาที่เฉียบคมกวาดมองไปทุกคนแล้วพูด “ขอแค่มีคนสารภาพมาอย่างซื่อสัตย์ว่าใครสั่งพวกนายมา ฉันก็จะปล่อยคนนั้นไป”
ผู้ชายสิบกว่าคนก้มหัวกันหมด ราวกับว่าไม่ได้ยินประโยคที่เขาพูด
อิ้งเทียนส่งสายตาให้กับลูกน้อง ลูกน้องด้านล่างเข้าใจทันที เดินไปจับตัวผู้ชายที่อยู่หนึ่งในนั้น “พูด! รีบบอกเดียวนี้นะว่าใครเป็นคนสั่งพวกนายมา ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าคุณ”
แต่สีหน้าอีกฝ่ายกลับไม่แสดงอารมณ์อะไร ไม่เห็นการข่มขู่อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นลูกน้องก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ได้แต่หันไปมองทางอิ้งเทียน
อิ้งเทียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นมา “ฉันรู้ว่าพวกคุณมีบางคนเป็นนักรบผู้กล้าตาย ยอมที่จะเสียสละชีวิตแต่ก็ไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลของนายจ้างเด็ดขาด แต่ว่ามีบางคนกลับไม่ใช่ คนพวกนี้โปรดคิดทบทวนดีๆ นะ อย่าทำเพื่อเงินจนถึงขั้นไม่เอาชีวิตตัวเองนะ”
ทันใดนั้น เห้อซูหานผลักประตูเดินเข้ามา และมีจิ้นเฟิงเฉินและกู้เนี่ยนตามหลัง
พอจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามา ทีแรกห้องที่ยังถือว่ากว้างอยู่ทันใดนั้นก็รู้สึกคับแคบขึ้นมาทันที ขนาดอุณหภูมิก็ยิ่งอยู่ยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ
“คุณชาย” อิ้งเทียนและพวกลูกน้องก้มหัวลงด้วยความเคารพ
สายตาที่ไม่มีความอบอุ่นใดๆ กวาดมองไปทางผู้ชายสิบกว่าคนที่นั่งยองๆ อยู่ สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินเย็นชา ขยับริมฝีปากอันบางพูด “ถามอะไรออกมาได้หรือยัง?”
“ยังไม่ได้” อิ้งเทียนตอบกลับตามความจริง
เห้อซูหานขมวดคิ้ว “ปากคนพวกนี้แข็งจริง ผ่านไปแล้วหนึ่งคืน ไม่ว่าจะถามยังไงก็ไม่ยอมพูด”
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้เนี่ยนถามด้วยความสงสัย
“บางคนเป็นนักรบผู้กล้าตาย ไม่เปิดปากไม่สารภาพเป็นเรื่องปกติ” เห้อซูหานมองไปที่คนพวกนี้แล้วพูดต่อ “แต่ยังดีที่บางคนไม่ใช่ แต่ถ้าอยากถามข่าวสารที่พวกเราอยากรู้จากปากของพวกเขา สงสัยคงต้องใช้เวลาไม่น้อย”
“อีกอย่าง……”
เสียงของเห้อซูหานหยุดชะงัก เดินเข้าไปถกแขนเสื้อของคนร้ายที่อยู่หนึ่งในนั้น มีลายสักที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
กู้เนี่ยนเบิกตากว้าง “อันนี้คืออะไร?”
เห้อซูหานวางแขนเสื้อลง “พวกเขามาจากองค์กรที่ชื่อว่า ‘อิ่ง’”
“อิ่ง?”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว ในหัวสมองไม่มีความรู้เกี่ยวกับ ‘อิ่ง’ นี้เลย
“มันเป็นองค์กรอะไร?” กู้เนี่ยนถามสิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินสงสัยในใจออกมา
เห้อซูหานหยักไหล่ “ฉันก็ไม่รู้”
ถึงแม้เขาปฏิบัติทำภารกิจภายในประเทศตลอด แต่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กร ‘อิ่ง’ เลย รู้แค่ว่ามีองค์กรอันนี้อยู่
อิ้งเทียนที่อยู่อีกข้างหยักคิ้ว แล้วเปิดปากพูด ” ‘อิ่ง’ เป็นองค์กรที่พึ่งเจริญขึ้นมาใหม่ที่ทวีป Fตรงนั้น”
“ทวีป F?” กู้เนี่ยนหันไปมองคนพวกนี้ “แต่ว่าหน้าตาของพวกเขาไม่เหมือนสักนิดเลยนะ?”
ทั้งๆ ที่เป็นเป้าหน้าเอเชียทั้งนั้น ไม่เหมือนคนทวีป Fเลย
“ทีแรกก็เป็นแค่พวกคนในสลัมที่ไม่มีตังกินข้าว เลยเกาะตั้งองค์กรนี้ขึ้นมากันเองกลายเป็นแก๊งที่ทำเรื่องอาชญากรรม แต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนขนาดองค์กรยังไม่ใหญ่ ก็เลยไม่มีคนเห็นอยู่ในสายตา แต่ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปแค่ไม่กี่ปี มันจะพัฒนามาถึงขั้นนี้”
ก็เพราะเมื่อสองเดือนที่แล้วอิ้งเทียนไปทำธุระที่ทวีป F เลยบังเอิญได้ยิน แต่เขาก็ไม่ได้เก็บไว้ในใจ
แต่ไม่คิดว่าสองเดือนต่อมา กลับมาพบกับคนในองค์กรนี้ซะงั้น
“งั้นอย่างนี้ องค์กรนี้คงอันตรายมากสิ เป็นองค์กรที่เห็นแค่เงิน” กู้เนี่ยนฟังจบก็สรุปออกมาแบบนี้
“ตอนนี้องค์กรไหนไม่เห็นแก่เงินบ้าง แต่คนพวกนี้คือพวกเดนตาย ถ้าครั้งนี้ไม่โดนพวกเราจับได้ ใครจะไปรู้ว่าครั้งต่อไปมันจะมีวิธีที่น่ากลัวนี้มาทำร้ายอีกหรือเปล่า”
นึกได้แบบนี้ เห้อซูหานก็อดที่จะตัวสั่นไม่ไหว
ยังดีที่คนพวกนี้โดนพวกเขาจับได้ ไม่อย่างนั้นไม่กล้าคาดคิดผลที่ตามมา
“ถึงแม้ไม่มีพวกเขา ก็ยังมีคนอื่นอีก” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
ครั้งนี้ล้มเหลว คนที่อยู่เบื้องหลังคงต้องหาวิธีมาทำร้ายสื้อสื้ออีกแน่นอน