ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1812 : ความเสียเปรียบและอันตราย

ตอนที่ 1812 : ความเสียเปรียบและอันตราย
  หลังจากที่เผชิญหน้ากับไห่อู่เซิงได้สักพัก จางหยูก็เห็นว่าสภาพของเสี่ยวเสียแย่ลงเรื่อยๆ อาการบาดเจ็บไม่ใช่น้อย เขาได้บอกกับซุนเหยียนและเสี่ยวเสียทันที “ เตรียมตัวถอย”
ทันทีที่จางหยูพูดจบ ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ได้เว้นระยะห่างกับไห่อู่เซิงทันที
ไห่อู่เซิงหอบหายใจแต่ไม่คิดที่จะไล่ตาม
“ ฮาฮา !” หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ไห่อู่เซิงก็พูดขึ้นว่า “ ดูพวกเจ้าสิ พวกเจ้าอย่างกับหมาจนตรอก กลัวแล้วงั้นรึ ? โชคร้ายไปหน่อยที่เปลี่ยนใจตอนนี้ก็สายไปซะแล้ว !”
เสี่ยวเสียแยกเขี้ยวใส่ “ หุบปาก !”
ไห่อู่เซิงไม่ได้สนใจเสี่ยวเสีย แต่กลับเยาะเย้ยออกมาแทน “ วันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ไม่มีใครหนีรอดไปได้ !”
“ เจ้าอยู่บ้านเจ้า เจ้าก็ได้เปรียบ ไม่งั้นแล้วคงไม่อาจจะตัดสินได้ว่าใครจะแพ้หรือชนะ “ ซุนเหยียนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้ามีความกล้าพอก็ออกไปยังโกลาหลภายนอกแล้วสู้กับเราสิ!”
“ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไง ? เมื่อได้เปรียบแต่กลับไม่คว้ามันไว้ มันจะต่างอะไรกับการยืนเฉยๆแล้วปล่อยให้ตัวเองโดนฆ่า ?” เมื่อพูดแบบนั้น ไห่อู่เซิงก็แสดงสายตาไม่พอใจออกมา “ พวกเจ้าสามคนร่วมมือกันสู้กับข้านี่มันยุติธรรมกันแล้วรึ ?”
จางหยูมองไปที่ไห่อู่เซิงแล้วพูดขึ้น “ ครั้งนี้เจ้าโชคดี ข้าหวังว่าครั้งหน้าเจ้าจะโชคดีเยี่ยงนี้อีก”
“ ครั้งหน้ารึ ? มันไม่มีครั้งหน้าหรอก !” ไห่อู่เซิงกำหมัดแล้วตะโกนออกมา “ วันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ไม่มีใครหนีรอดไปได้ !”
เมื่อพูดจบเขาก็พูดด้วยสีหน้าอาฆาต “ เมื่อพวกเจ้าคิดจะทำลายโกลาหลของข้า พวกเจ้าก็ต้องเตรียมใจตายเอาไว้ !”
ไม่ใช่แค่เขาจะฆ่าจางหยูและคนอื่นๆแต่เขาจะกลืนกินพวกนี้ด้วย บางทีเขาอาจจะพัฒนาขึ้นต่อซึ่งทำให้เขาได้ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆ
จางหยูพูดขึ้นช้าๆ “ เมื่อข้าอยากจะไป งั้นก็ไม่มีใครหยุดข้าได้ ! เจ้าก็ไม่อาจจะทำได้”
ไห่อู่เซิงหรี่ตาลงและพูดขึ้น “ ปากดีนัก !” เขาฮึดฮัดออกมา “ อย่าลืมว่าพวกเจ้าอยู่ในโกลาหลของข้า ! ไม่มีใครออกไปได้จนกว่าข้าจะอนุญาต ! นอกซะจากวาเจ้าจะทำลายโกลาหลของข้าไปได้ !”
หากโกลาหลนภาแห่งนี้ยังไม่ได้เป็นโกลาหลที่แท้จริง ไห่อู่เซิงก็ไม่มั่นใจว่าจะกักขังจางหยูและคนอื่นๆได้ แต่ที่นี่ได้เปลี่ยนเป็นโกลาหลจริงๆแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าจางหยูและคนอื่นๆจะหนีรอดไปได้
เขาบอกว่าที่นี่ไม่อาจจะทำลายได้โดยง่าย แม้ว่าที่นี่จะเป็นกึ่งโกลาหลแต่มันก็ยังมีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น
“ หากคิดทำลายที่นี่ตั้งแต่แรก บางทีมันอาจจะมีโอกาสที่พวกเจ้าจะออกไปได้ แต่โชคร้ายที่พวกเจ้าคิดที่จะสู้แทน “ ไห่อู่เซิงยิ้มออกมา “ พวกเจ้าตอนนี้ทำได้แค่ทำให้ที่นี่สั่นไหว !”
“ งั้นรึ ?” จางหยูเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา
เขาแผ่จิตผู้สร้างออกมาก่อนจะมีรูหนอนปรากฏขึ้น
ไห่อู่เซิงคิ้วขมวด “ เจ้าแค่แสร้งทำ”
เขาคิดว่าจางหยูแค่เสแสร้ง เขาไม่เชื่อว่ารูหนอนนี้จะนำไปสู่โลกภายนอกจริงๆ
เขาฮึดฮัดออกมา “ ข้าจะรอดูว่าพวกเจ้าจะหนีไปยังไง”
“ เจ้าไม่คิดจะหยุดเรารึ ?” จางหยูรู้สึกแปลกใจ
“ เจ้าแค่เสแสร้ง ! “ เขามั่นใจอย่างมาก เขาไม่หวั่นไหวกับการตัดสินใจของตัวเอง “ เจ้าคิดจะทำให้ข้าหวั่นไหวรึไง ? เด็กน้อย เจ้ามันใสซื่อนัก !”   เขาพูดขึ้นต่อ “ ข้าจะจับตาดูเจ้า หากเจ้ามีความสามารถจริงๆก็ไปซะ หากเจ้าออกจากโกลาหลนภาได้ ข้าก็ต้องยอมรับว่าข้าโชคร้ายเอง ”
เมื่อเห็นสีหน้ามั่นใจของไห่อู่เซิง จางหยูก็หัวเราะออกมา “ ก็ได้ งั้น…มารอดูกัน”
เขาบอกกับซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย ก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางผ่านรูหนอนเข้าไป ปิดท้ายด้วยจางหยู ต่อมาร่างของพวกนั้นก็หายไปในพริบตา
เวลาผ่านไปช้าๆ โกลาหลนภาตกอยู่ในความเงียบงัน ผ่านไปกว่า 3 วินาทีแต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบงัน
สีหน้าของไห่อู่เซิงแข็งทื่อไป รอยยิ้มมั่นใจก็แข็งทื่อไปด้วย
จากนั้นไห่อู่เซิงก็แผ่การรับรู้ออกไปตรวจสอบทั้งโกลาหลนภา แต่เขาไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของจางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียได้เลย คลื่นพลังของทั้งสามกลับหายไป  ไห่อู่เซิงอึ้ง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ เป็นไปได้ยังไงกัน !”
ด้วยขอบเขตกึ่งโกลาหลของเขาแล้วไม่มีใครจะหนีจากการรับรู้ของเขาได้
ต้องรู้ก่อนว่าแม้ว่าจางหยู, ซุนเหยียนและคนอื่นๆจะเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล แต่คนที่เดินทางในโกลาหลแห่งนี้ได้อย่างอิสระ ก็มีแต่จ้าวโกลาหลแห่งนี้เท่านั้น มีแค่ได้รับอนุญาตจากจ้าวโกลาหลแห่งนี้ถึงจะเดินทางเข้าออกโกลาหลแห่งนี้ได้ ไม่งั้นแล้วมันก็ไม่ง่ายที่จะเข้ามา นี่ไม่ต้องนับการออกไปเลย
“ พวกเขาไปแล้วจริงๆรึ ?” ไห่อู่เซิงรับรู้ได้แต่ความว่างเปล่า เขาสงสัยนิดๆ
เขากำหมัดแน่นและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ บัดซบ !”
หากเขาระวังตัวกว่านี้ บางทีเขาอาจจะกักขังจางหยูและคนอื่นๆได้ แม้ว่าจะรั้งไม่ได้ถึงสามคนแต่พวกนี้ก็เป็นกึ่งจ้าวโกลาหล หากได้กลืนกินกึ่งจ้าวโกลาหล ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก บางทีเขาอาจจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆก็ได้
แต่…
เขากลับเปิดโอกาสให้พวกนี้หนีไป
เขาเป็นคนเปิดโอกาสให้พวกนี้ด้วยตัวเอง !
….
จางหยูได้พาซุนเหยียนและเสี่ยวเสียไปยังบรรพกาลของโลกบรรพกาล จากนั้นเขาก็ใช้จิตผู้สร้างเพื่อรักษาทั้งคู่
เมื่อเห็นว่าบาดแผลฟื้นฟูขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่าตกใจทั้งร่างกายและวิญญาณ ไม่นานบาดแผลก็ฟื้นฟูจนหายดี มีแค่จิตเท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นฟู
จิตนั้นพิเศษ แม้แต่จิตสูงสุดของจางหยูเองก็ไม่มีทางที่จะฟื้นฟูมันได้ มีแค่การพักฟื้นอย่างช้าๆเท่านั้นที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้
ผ่านไปสักพักซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ลืมตาขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนนั้นไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย  “ ครั้งนี้เราคำนวณผิดไป” จางหยูถอนหายใจออกมา “ ข้าคิดว่าแค่เราสามคนก็เพียงพอที่จะจัดการกับไห่อู่เซิงได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีแผนการที่ลึกซึ้งแบบนี้”
หากเขาไม่มีวิธีหนีออกจากโกลาหลนภา งั้นทั้งสามคนก็อาจจะโดนไห่อู่เซิงกลืนกินไป
“ พวกเจ้ามีวิธีที่จะจัดการกับเขารึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
ซุนเหยียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ นอกซะจากว่าเขาจะออกจากโกลาหลนภา งั้นเราก็ไม่อาจจะจัดการเขาได้”
หากไห่อู่เซิงออกจากโกลาหลนภา งั้นเขาก็จะไม่มีพลังคอยเกื้อหนุนและพวกเขาก็มีหวังที่จะฆ่าไห่อู่เซิงได้
“ บัดซบ !” เสี่ยวเสียกัดฟันแน่น “ สักวันข้าต้องกัดมันให้ตาย !”
“ อย่านึกถึงแต่กัด อย่าลืมสิว่าเจ้าคือจิตปฐมบทโกลาหล เจ้าไม่ใช่หมาจริงๆ” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสียและพูดขึ้น  เมื่อได้ยินคำเตือนของจางหยู หัวใจของเสี่ยวเสียก็ยิ่งรู้สึกแค้นขึ้นไปอีก
“ นายท่าน ท่านแข็งแกร่ง ทำไมท่านไม่ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงจัดการกับเขา ?” เสี่ยวเสียถามขึ้นมา
ซุนเหยียนมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าสับสน เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจางหยูถึงไม่ใช่พลังที่แท้จริง
เมื่อรับรู้สายตาของทั้งสอง จางหยูก็ถอนหายใจออกมา “ ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ ? ความแข็งแกร่งของข้าถูกจำกัดเอาไว้ ข้าไม่อาจจะใช้พลังทั้งหมดออกมาได้ หากข้านำไห่อู่เซิงมาที่นี่ได้ งั้นแค่นิ้วเดียวข้าก็จัดการเขาได้แล้ว แต่เขาไม่ได้โง่”
รูหนอนที่นำจางหยูและคนอื่นๆมาที่นี่ยังอยู่ต่ออีก 2-3 อึดใจ แต่ไห่อู่เซิงก็ไม่ได้ตามมา จางหยูจึงไม่อาจจะทำอะไรได้
แผนที่จะล่ออีกฝ่ายเข้ามาในโลกตันเถียนนั้นใช้ไม่ได้ผล เพราะไห่อู่เซิงไม่ได้ประมาท  “ งั้นรึ ?” เสี่ยวเสียแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา “ มันไม่มีทางอื่นจริงๆรึ ?”
“ ไห่อู่เซิงเกือบจะเป็นจ้าวโกลาหลแล้ว บอกได้ว่าเขาห่างแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ หากเขาขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้จริงๆ งั้นเราก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้ แม้แต่หินชีวิตโกลาหล”
“หินชีวิตโกลาหลรึ ?” จางหยูมองไปที่ซุนเหยียน
“ หินชีวิตโกลาหลก็คือโกลาหลแห่งนี้ที่ร่างหลักของข้าบุกเบิกขึ้นมา” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ เพื่อที่ไห่อู่เซิงจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล เขาจะต้องจัดการหินชีวิตโกลาหล พวกราชารวมถึงซุนซิงต่างก็เป็นพลังงานให้กับโกลาหลนภา เมื่อไม่มีพวกนั้นแล้วซุนเหยียนคงต้องหันมากลืนกินหินชีวิตโกลาหลแน่”
บอกได้ว่าไห่อู่เซิงนั้นคือระเบิดเวลา ซึ่งจางหยูและคนอื่นๆได้ทำการเปิดการทำงานของมันล่วงหน้า
สิ่งเดียวที่ได้เปรียบตอนนี้คือพลังของระเบิดนี้ไม่ได้รุนแรงมากนัก
“ มันดีไม่ใช่รึ ?” เสี่ยวเสียพูดขึ้น “หากเขากล้าเข้ามาในโกลาหล เราก็จะฆ่าเขาได้ทันที !”
ซุนเหยียนส่ายหน้า “ เจ้าคิดว่ากึ่งจ้าวโกลาหลฆ่าได้ง่ายๆรึ ? ไห่อู่เซิงสามารถกลับไปที่โกลาหลนภาตอนไหนก็ได้ เดาว่าเรายังไม่ทันได้ไปถึง เขาก็คงไปแล้ว เราจะฆ่าเขายังไง ?”
หากเทียบกับจ้าวโกลาหลที่แท้จริงแล้ว มันแทบไม่ต่างอะไรกันเลยยกเว้นแค่ความแข็งแกร่งที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อย
ความสามารถของจ้าวโกลาหลไม่ได้ต่ำ กึ่งจ้าวโกลาหลเองก็เช่นกัน
“ มีสองทางที่จะฆ่าเขา” ซุนเหยียนวิเคราะห์ “ ทางแลกคือล่อเขาเข้ามาในโกลาหลของเราและปิดทางเขาไว้ เราจะได้พึ่งพลังบรรพกาลในการจัดการเขา เราน่าจะฆ่าเขาได้”   “ เขาไม่ได้โง่ เขาจะตามมาที่นี่ได้ยังไง…” เสี่ยวเสียพูดขึ้น
“ งั้นก็ยังเหลืออีกทาง เราต้องขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลให้ได้ก่อน” ซุนเหยียนพูดขึ้นมาเบาๆ “ นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีทางอื่นเลย”
เสี่ยวเสียหงุดหงิดขึ้นมา “ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลก่อนรึ ? เขาอยู่ห่างจากขอบเขตจ้าวโกลาหลแค่ก้าวเดียว และยังมีหินชีวิตโกลาหลอีก เดาว่าคงใช้เวลาไม่นานที่จะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล เราห่างจากขั้นนั้นอย่างมาก เราจะขึ้นไปเป็นจ้าวโกลาหลก่อนเขาได้ยังไง ?”
“ ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะ” จางหยูถอนหายใจออกมา “ กังวลตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนอื่นเราต้องหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองก่อน”
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท