ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1811 : การต่อสู้อันดุเดือด

ตอนที่ 1811 : การต่อสู้อันดุเดือด
  พลังของไห่อู่เซิงได้เพิ่มขึ้นไปถึงระดับที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ แม้แต่จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ยังด้อยกว่า
ทั้งโกลาหลนภาเต็มไปด้วยลมหายใจของไห่อู่เซิง ราวกับว่าเขาคือตัวตนสูงสุดของที่นี่ จิตของเขาคือจิตสวรรค์
มิติบิดเบี้ยวไปพร้อมกับก่อตัวเป็นโกลาหลด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ไม่กี่อึดใจโกลาหลนภาก็เปลี่ยนเป็นโกลาหลแห่งใหม่ มันกว้างยิ่งกว่าบรรพกาลของโลกบรรพกาลและโลกผนึกเทพรวมกัน มันใหญ่กว่าเกือบสองเท่า
“ ตายซะ !” ไห่อู่เซิงไม่รีรอและลงมือทันที โกลาหลได้มีพายุอันน่ากลัวก่อตัวขึ้นมา
จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียพลันสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาควบคุมพลังเพื่อต้านทานพายุเอาไว้  ต่อมา เสี่ยวเสียกลับต้องกระเด็นออกไปเพราะพายุนั้น จางหยูและซุนเหยียนยังยื้อเอาไว้ได้ชั่วครู่แต่สุดท้ายก็ถูกพัดออกไป
ห่างออกไปหลายปีแสงนับไม่ถ้วน จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ประคองตัวเองเอาไว้ได้ ที่มุมปากของซุนเหยียนและเสี่ยวเสียต่างก็มีเลือดไหลออกมา
“ เราประเมินเขาต่ำเกินไป” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่บาดเจ็บแต่ก็ทำให้อวัยวะภายในปั่นป่วน มันทำให้เขาอึดอัด
ซุนเหยียนเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วพูดขึ้นมาด้วยหน้าบิดเบี้ยว “ เขามีสิทธิ์เป็นจ้าวโกลาหลจริงๆ !”
“ อันที่จริงแล้วการขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลล่วงหน้านั้น ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ การที่เขาแข็งแกร่งแบบนี้ได้ เพราะเขากลืนกินสายเลือดของซุนซิงเข้าไป มันทำให้เขาได้พลังมากกว่าเดิม”   ซุนเหยียนแผ่พลังสร้างออกมาทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
“ เจ้าบาดเจ็บ เจ้าไม่เป็นไรรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ไม่เป็นไร แค่บาดแผลเล็กน้อยไม่ส่งผลต่อการต่อสู้หรอก “ ซุนเหยียนพูดขึ้น “ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ถึงเราจะร่วมมือกันแต่ก็คงไม่อาจจะเป็นภัยต่อเขาได้”
เสี่ยวเสียกัดฟันแน่น “ นายท่าน เจ้าเฒ่านี่แกร่งเกินไป”
“ เขาอยู่ระดับเกือบสูงสุด “ ซุนเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาของเขาแฝงไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ “ หากไม่ใช่เพราะเรามาถึงเร็วและเอาตัวซุนเมิ่งกับซุนวูไป ซึ่งเป็นการขัดขวางแผนของเขา เดาว่าอีกครึ่งปีเขาคงเติบโตไปถึงจุดสูงสุดและขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้จริงๆ”
“ เกือบระดับสูงสุดรึ ?” จางหยูอึ้ง “ ไม่แปลกเลยที่เขาจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้”   ตอนนั้นเองไห่อู่เซิงก็พุ่งมาหาพวกเขาด้วยสีหน้าอาฆาตจนทำให้ทุกคนกังวล
เสี่ยวเสียพุ่งเข้าใส่ไห่อู่เซิง “ กึ่งจ้าวโกลาหลเหมือนกัน แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเรา แต่ข้าก็จะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆเอง ”
เมื่อเห็นเสี่ยวเสียพุ่งเข้าไปอย่างกล้าหาญ จางหยูและซุนเหยียนก็ไม่ลังเล พวกเขารีบโคจรพลังโจมตีใส่ไห่อู่เซิง
“ ฮึ่ม !” ไห่อู่เซิงฮึดฮัดออกมา เขากำหมัดแล้วสะบัดออกไปปัดลำแสงที่พุ่งเข้าใส่ตัวเขา
ตอนนั้นเองเสี่ยวเสียก็กรีดร้องออกออกมา มันกระเด็นออกไปอย่างรุนแรงจนทั้งโกลาหลสั่นไหวไปเล็กน้อย แม้ว่าที่นี่จะเปลี่ยนเป็นโกลาหลแล้ว แต่โกลาหลแห่งนี้ก็ยังไม่อาจจะทนพลังระดับนี้ได้
ตอนที่เสี่ยวเสียโดนอัดออกมานั้น จางหยูและซุนเหยียนก็โจมตีจากสองด้าน
ไห่อู่เซิงได้แต่ป้องกัน เขาได้สร้างโล่ขึ้นมารับการโจมตีของซุนเหยียนและจางหยูเอาไว้
ตูม ตูม !
ร่างของไห่อู่เซิงสั่นไหวเล็กน้อย บนโล่พลังก็เกิดรอยร้าวขึ้นที่ทางซ้ายและขวาแต่เขาก็แค่ฮึดฮัดออกมา
ผลจากการโจมตีได้กระจายออกไปทุกทิศทางทำให้โกลาหลนภาสั่นไหวหนักกว่าเก่า
ในเวลาเดียวกันจางหยูและซุนเหยียนก็ต้องอึ้งกับพลังของอีกฝ่าย
“ ยังรับไว้ได้” ซุนเหยียนมองไปที่ไห่อู่เซิงที่มีเลือดไหลตรงมุมปาก ก่อนจะกล่าวออกมา “ ดูเหมือนว่ามันจะบาดเจ็บอยู่นิดๆ…แต่ถึงอย่างนั้นคลื่นพลังก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ”
อาการบาดเจ็บนี้ไม่ได้ส่งผลต่อไห่อู่เซิงเลยแม้แต่น้อย
จางหยูขมวดคิ้ว “การโจมตีของเราไม่อาจจะเป็นภัยต่อไห่อู่เซิงได้เลย นอกซะจากว่าเขาจะไม่ป้องกัน ไม่อย่างงั้นเราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้”
อันที่จริงแล้วความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงนั้นใช่ว่าจะเหนือกว่าจางหยู แต่ที่จางหยูไม่อาจจะทำอะไรอีกฝ่ายได้นั้นก็เพราะว่าที่นี่คือถิ่นของไห่อู่เซิง ที่นี่ ไห่อู่เซิงสามารถแสดงพลังออกมาได้สูงสุด พลังของทั้งโกลาหลนภามีไว้ให้กับเขา จางหยู,ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียใช้ได้แค่พลังของจิต ร่างกายของพวกเขาเป็นแค่ทางผ่านในการดึงพลังบรรพกาลออกมาใช้ มันไม่อาจจะใช้พลังสูงสุดออกมาได้ แต่ไห่อู่เซิงกลับมีพลังโกลาหลที่ไม่รู้จบ
จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียนั้นมีข้อจำกัดไม่อาจจะใช้พลังที่ตนมีออกมาได้ทั้งหมด
เมื่อเป็นแบบนั้นไห่อู่เซิงจึงได้เปรียบกว่า !
แต่อันที่จริงแล้วไม่ว่าไห่อู่เซิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็เป็นแค่กึ่งจ้าวโกลาหล เขายังไม่ได้ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล ช่องว่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายไม่ได้มากมายอะไรนัก
“ ยอมแพ้ซะ พวกเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก” ไห่อู่เซิงมองไปที่จางหยูและซุนเหยียน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “ที่นี่คือบ้านของข้า ทั้งโกลาหลนภาอยู่ในการควบคุมของข้า พวกเจ้าไม่อาจจะเป็นคู่มือของข้าได้ แทนที่จะเสียเวลา มันจะดีกว่าที่จะยอมแพ้ แล้วข้าจะให้พวกเจ้าไปสบาย”
“ฝันไปเถอะ !” ซุนเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ พวกเราไม่มีทางยอมแพ้หรอก แต่เจ้าอาจจะยอมแพ้พวกเราได้ ! “ ซุนเหยียนเงียบไปชั่วครูและพูดต่อ “ เราไม่อาจจะจัดการเจ้าได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่อาจจะจัดการกับโกลาหลนภาแห่งนี้ได้”
จางหยูตาเป็นประกายขึ้นมา “ ตราบใดที่ทำลายที่นี่ เขาก็ไม่อาจจะมีพลังเพิ่มขึ้นมาได้ !”
ไห่อู่เซิงได้รับพลังส่วนหนึ่งเพิ่มมาจากโกลาหลนภา ดังนั้นเขาจึงเหนือกว่าจางหยูและคนอื่นๆ แต่ถ้าหากไม่มีโกลาหลนภา งั้นความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงก็จะได้รับผลกระทบอย่างมากรึอาจจะลดลงอย่างมาก เมื่อตอนนั้นจางหยูไม่จำเป็นต้องลงมือ แค่ซุนเหยียนกับเสี่ยวเสียร่วมมือกันก็เพียงพอจะจัดการกับไห่อู่เซิงได้แล้ว
“ ฮ่าฮ่า… !” ไห่อู่เซิงหัวเราะออกมาพร้อมแสดงสีหน้าเยาะเย้ยราวกับได้ยินเรื่องตลก “ เจ้าคิดว่าโกลาหลนภาแห่งนี้ยังเหมือนกับในอดีตอีกรึ เจ้าจะทำลายมันได้ง่ายๆรึ ?” เขาไม่สงสัยว่าจางหยูมีความสามารถที่จะทำลายโกลาหลนภา แต่มันต้องใช้เวลานาน “ พวกเจ้าลองดูก็ได้ มาดูกันว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าก่อน รึว่าพวกเจ้าจะทำลายที่นี่ได้ก่อน ”
เขามั่นใจอย่างมาก !
เขาเชื่อว่าเขาฆ่าจางหยูกับคนอื่นๆได้ ก่อนที่พวกนี้จะทำลายโกลาหลนภา
“ ตะกี้เราโดนเจ้าโจมตีตอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย แต่เจ้าไม่ควรคิดว่าจะทำร้ายข้าได้ง่ายๆหรอกนะ เจ้าเฒ่า เจ้ากล้าทำร้ายข้า เจ้ากล้าทำร้ายท่านเสี่ยวเสียผู้ยิ่งใหญ่ ! เจ้าต้องตาย ! “ ตอนนั้นเองกลับมีเสียงตะโกนดังขึ้น จากนั้นเสี่ยวเสียที่เป็นลำแสงก็ได้พุ่งเข้าใส่ไห่อู่เซิง
ไห่อู่เซิงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เขาเตะใส่เสี่ยวเสีย มันเหมือนกับการเตะเบาๆแต่การเตะนี้มีพลังอันน่ากลัว แค่เตะกวาดไปก็ทำให้มิติบิดเบี้ยวและเกิดพายุขึ้นมา
ตูม !
เท้านั้นเตะอัดใส่เสี่ยวเสียอย่างแม่นยำ แรงนี้อัดเข้าใส่ตัวเสี่ยวเสียเต็มๆ แต่ไห่อู่เซิงก็ต้องแปลกใจที่เสี่ยวเสียไม่ได้กระเด็นออกไปแต่กลับกัดขาเขาเอาไว้
“ อ๊ากกกกก!” ไห่อู่เซิงกรีดร้องออกมา เขาสลัดขาไปมาโดยใช้พลังจำนวนมาก แต่ก่อนที่เสี่ยวเสียจะโดนสลัดออกไปนั้น รองเท้าของไห่อู่เซิงก็ได้หายไปแล้ว มันเผยให้เห็นเท้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลและกระดูก
“ ได้โอกาสแล้ว !” จางหยูและซุนเหยียนเข้าใจกันเป็นอย่างดี ในตอนที่ไห่อู่เซิงโดนกัดนั้น ทั้งสองก็ได้ทำการโจมตีทันที  ไห่อู่เซิงไม่ทันได้รับมือ เขาได้แต่ต้องป้องกันการโจมตีของทั้งสองคนเอาไว้ ไห่อู่เซิงถอยกลับไป 2-3 ก้าว โล่พลังนั้นแตกออก ร่างกายที่เหมือนกับทั้งโกลาหลพลันสั่นไหว จิตผู้สร้างของเขาเองก็สั่นไหวตามไปด้วย
เขาคือจ้าวสูงสุดที่นี่ !
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นอาการบาดเจ็บเหล่านี้ก็ยังส่งผลต่อเขาได้
“ พวกเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด ! “ เสียงของไห่อู่เซิงเย็นชาขึ้นมา สีหน้าของเขาหม่นลง “ ราคาที่ทำให้ข้าโกรธนั้น…มีแค่ความตายเท่านั้นที่จะชดใช้ได้! ”
ทันทีที่พูดจบ ไห่อู่เซิงก็ได้โจมตีจางหยูและซุนเหยียน ความเร็วของเขานั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก แม้ว่าจางหยูและซุนเหยียนจะเห็นการเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่อาจจะหลบพ้น มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น
ตัวของเสี่ยวเสียโดนย้อมไปด้วยเลือดแต่สายตาของมันก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมา มันมีแต่จะคลั่งยิ่งกว่าเก่า มันยังคงพุ่งเข้ากัดไห่อู่เซิงต่อ
ตูม ตู ตูม
คลื่นกระแทกที่ราวกับพายุระเบิดทำให้โกลาหลนภาสั่นไหวราวกับว่าจะถล่มลงไป แต่ไห่อู่เซิงก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันยังห่างจากขีดจำกัดของโกลาหลนภาอย่างมาก
โกลาหลนภาไม่อาจจะถูกทำลายได้โดยง่าย !
สามคนและหมาหนึ่งตัวได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด พวกเขาเข้าสู้กันด้วยหมัดที่เป็นการโจมตีที่เรียบง่ายที่สุด แต่มันกลับมีพลังที่น่ากลัวเพียงพอจะฆ่าราชาได้นับไม่ถ้วน !
การต่อสู้ระหว่างกึ่งจ้าวโกลาหล ทักษะและกลยุทธ์ต่างๆไม่อาจจะใช้ได้ผล การโจมตีที่เรียบง่ายต่างหากที่จะแสดงพลังออกมาได้มากที่สุด
เผชิญหน้ากันได้ไม่นาน จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียต่างก็บาดเจ็บ เสี่ยวเสียบาดเจ็บหนักที่สุด ตาซ้ายของมันหายไป เท้าข้างหนึ่งก็หายไปด้วย เท้าอีกข้างเต็มไปด้วยบาดแผลจนเห็นถึงกระดูก ซุนเหยียนตัวโชกเลือด เนื้อของเขาหายไปหลายจุด แม้แต่จางหยูเองนั้นหน้าอกก็ชุ่มไปด้วยเลือดเผยให้เห็นกระดูกซี่โครงพร้อมกับผมที่ยุ่งเหยิง
แม้ว่าไห่อู่เซิงจะมีบาดผลหลายจุดบนตัวแต่ก็ยังสภาพดีกว่าจางหยูอย่างมาก
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท