“จิ้นเป่ยเฉิน ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้วจริงๆ นายมาเยี่ยมฉันหน่อยสิ”
เสียงจากปลายสายของซูหยางนั้นดูอ้อนวอนอย่างเต็มที่ เสี่ยวเป่า นึกถึงวันนั้นที่เขาถูกลูกบาสกระแทกเข้าที่หน้า
แล้วหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด ในที่สุดก็ยอมใจอ่อน
“ฉันขอถามแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ก่อนนะ ถ้าพวกเขาอนุญาตฉันก็จะไป”
“โอเคเลย ถ้างั้นฉันรอนายนะ”
เมื่อตามมาด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของซูหยาง เสี่ยวเป่าก็ตัดสายทิ้งทันที
“เสี่ยวเป่า กินผลไม้กัน” เจียงสื้อสื้อถือจานผลไม้เข้ามาในห้อง
เธอวางจานผลไม้ บนโต๊ะแล้ว เจียงสื้อสื้อก็หันหน้าไปมองเสี่ยวเป่า ถามออกไปอย่างอ่อนโยนว่า
“ทำการบ้านเสร็จแล้วยัง?”
“อื้อ” เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นและมองไปยังสายตาที่อ่อนโยนของเธอแล้วเม้มปาก ทำท่าทีลังเล
“มีอะไรรึเปล่า?” เจียงสื้อสื้อถาม
“หม่ามี๊ เพื่อนร่วมชั้นของผมเขาได้รับบาดเจ็บ ผมอยากไปเยี่ยมเขา” เสี่ยวเป่าก้มหน้า พูดออกมาเสียงเบาๆ
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้วขึ้น “ลูกอยากจะไปเยี่ยมก็ไปสิ”
“ได้จริงๆ เหรอครับ?” เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้น มองมาที่เธออย่างประหลาดใจ
เจียงสื้อสื้อหัวเราะเบาๆ “ได้อยู่แล้ว แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ก็ไม่ได้ไม่อนุญาตให้ลูกออกจากบ้าน
แค่ยังไม่วางใจให้ลูกออกไปคนเดียว”
“ผมรู้” เสี่ยวเป่าพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจ “ให้คุณลุงกู้ ไปกับผมด้วยก็ได้”
“โอเค ถ้างั้นก็ให้ลุงกู้ไปกับลูกด้วยแล้วกัน” เจียงสื้อสื้อลูบหัวเขาเบาๆ พูดไปยิ้มไป
วันรุ่งขึ้น ภายใต้เงื่อนไขของจิ้นเฟิงเฉิน กู้เนี่ยนจึงต้องไปที่บ้านของซูหยางเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่า
“ฝากดูเสี่ยวเป่าด้วยนะ มีอะไรเกิดขึ้นก็คอยรายงานฉันด้วย” ก่อนออกจากบ้าน จิ้นเฟิงเฉินก็ได้กำชับเป็นพิเศษ
กู้เนี่ยนตอบกลับอยากให้ความเคารพ “รับทราบครับ”
ระหว่างทางไปบ้านของซูหยาง เสี่ยวเป่าหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถ แสงอาทิตย์ยามเช้า ส่องผ่านหน้าต่าง เข้ามาในตัวรถ และตกกระทบบนใบหน้าเล็กอันอ่อนเยาว์ เขาหลับตาลง มุมปาก ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
กู้เนี่ยน หันหน้าไปเห็นฉากนี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เสี่ยวเป่า วันนี้ดูอารมณ์ดีนะเนี่ย”
เสี่ยวเป่าลืมตาขึ้น หันหน้าไป พบกับสายตาที่กำลังหยอกล้อเขาอยู่ เขาก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “อื้อ วันนี้ผมอารมณ์ดี”
“สองสามวันมานี้ทำให้คุณรู้สึก เหี่ยวเฉาใช่ไหม?” กู้เนี่ยนถาม
ก็เพราะสองสามวันมานี้ถ้าเขาไม่ไปที่ทำงานของคุณหมอเซิ่น ก็ไปที่บริษัท หรือไม่ก็อยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนเลย
“ก็โอเคอยู่” เสี่ยวเป่าหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง “คนที่รู้สึกเหี่ยวเฉานะ คือซูหยางที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม”
เมื่อถึงบ้านของซูหยาง ทันทีที่ซูหยางเห็นเสี่ยวเป่านั้น ก็โผเข้ามากอดเขาด้วยความดีใจ
“จิ้นเป่ยเฉิน นายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ !” ซูหยางปล่อยเขา แล้วพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม
นั่นทำให้เขารู้สึกมีความสุขไปด้วย เสี่ยวเป่าเองก็ซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
“ฉันให้พ่อซื้อโมเดลมาให้ใหม่ด้วย เราขึ้นไปต่อด้วยกันข้างบนกันเถอะ”
ทันทีที่พูดจบไม่รอให้เสี่ยวเป่าได้ตอบกลับมา ซูหยางก็ลากเขาขึ้นไปข้างบน
“พวกลูกน่ะช้าๆ หน่อย เดี๋ยวก็ล้มลงหรอก” แม่ของซูหยาง เห็นพวกเขาวิ่งเร็วแบบนั้นไม่รอช้าที่จะตะโกนห้ามออกไป
แต่ว่าพวกเขากลับทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็หายขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
แม่ของซูหยางถอนหายใจแล้วส่ายหัว “หยางหยาง ลูกคนนี้ประมาทจริงๆ เลย ไม่รู้ความเหมือนเสี่ยวเป่าเลยสักนิด”
ครั้นแล้ว เธอมองมายังกู้เนี่ยน “เด็กทั้งคู่ก็ไปเล่นกันเองแล้ว เชิญคุณมานั่งที่ห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันจะยกชามาให้”
“ขอบคุณครับ” กู้เนี่ยนมองไปยังชั้นสองอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องนั่งเล่น
ที่ชั้นสอง ซูหยางกับเสี่ยวเป่า ช่วยกันประกอบโมเดลอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อเวลาผ่านไป โดยอาศัยการ ร่วมแรงร่วมใจกันของพวกเขา โมเดลก็เริ่มออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
“พวกลูกๆ ทั้งสองคน พักกันสักหน่อยเถอะ” แม่ของซูหยางถือถาดอาหารว่างเข้ามา
รอจนจานวางบนโต๊ะแล้ว ซูหยางก็หยิบเอานมเปรี้ยวหนึ่งขวดกับเค้กหนึ่งชิ้นมาวางไว้ข้างหน้าเสี่ยวเป่า
“เค้กที่แม่ฉันทำน่ะอร่อยมากเลยนะ นายลองชิมดูเร็ว”
“ขอบคุณครับ” เสี่ยวเป่ายิ้มให้แม่ของซูหยาง
แม่ของซูหยางก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างปลงตก “เสี่ยวเป่าเนี่ยเป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะ”
“แม่ ผมเองก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน!” ซูหยางโวยวายออกมาอย่างค่อยไม่พอใจ
แม่ของซูหยาง หัวเราะออกมา “ใช่แล้ว ลูกเองก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน”
ใจของซูหยางก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ “แม่ตอนเที่ยงพวกเราไปกินแมคโดนัลด้วยกันดีมั้ย?”
“ไม่ดี” แม่ของซูหยางฟังยังไม่ทันจบก็พูดปฏิเสธออกมา “ของแบบนั้นนะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลยสักนิด เอาอะไรมาอร่อย”
“เสี่ยวเป่านายอยากกินมั้ย?” ซูหยางหันหน้าไปทางเสี่ยวเป่า แล้วกะพริบตา ส่งสัญญาณบอกเขา
เสี่ยวเป่าพยักหน้า “อยากกินครับ”
ซูหยางฟังจบก็หันหน้าไปมองแม่ของเขาทันที “แม่ เขาเป็นแขกนะ”
แม่ของซูหยางจะดูการกระทำของพวกเขาทั้งคู่ไม่ออกได้ยังไง หัวเลยหัวเราะออกมาแล้วบอกว่า “ก็ได้ ถ้างั้นตอนเที่ยงพวกเราก็ไปกินแมคโดนัลด์แล้วกัน”
“เยี่ยม!” สู้อย่างตะโกนออกมาอย่างดีใจ
……
ในเวลาเดียวกันคริสมินก็ได้รับการรายงานจากลูกน้องว่า วันนี้จิ้นเป่ยเฉินไปบ้านของเพื่อนร่วมชั้นของเขา
คริสมินก็รู้ได้เลยว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว แล้วสั่งให้ลูกน้องไปจับตาดูให้ดี มีอะไรเกิดขึ้นก็ให้รีบรายงานกับเขาทันที หลังจากนั้นเขาก็เรียกลูกน้องมาสองสามคน เพื่อวางแผนที่จะแสดงฉากนองเลือดต่อหน้าจิ้นเป่ยเฉินอีกครั้ง
ก่อนจะเที่ยงวัน กู้เนี่ยนและแม่ของซูหยางก็พาเด็กทั้งสองไปยังร้านแมคโดนัลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เมื่อเด็กทั้งสองเข้าไปในร้านแล้ว ก็รีบวิ่งไปนั่งที่ริมหน้าต่างอยากมีความสุข จากตรงนั้นพวกเขาสามารถมองเห็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างชัดเจน “พวกลูกนั่งให้ดี แล้วก็อย่าวิ่งไปมา เดี๋ยวแม่จะไปสั่งของกินให้” แม่ของซูหยางกำชับไว้ ก่อนจะหมุนตัวตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งอาหาร
เสี่ยวเป่าและซูหยางก็นั่งมองออกไปด้านนอก ซูหยางถามออกมาเพราะรู้สึกเบื่อนิดหน่อย “พวกเรามารับจำนวนคนที่ผ่านประตูร้านกันเถอะ” เสี่ยวเป่าหันหน้ากลับมามองเขาด้วยสีหน้าตั้งมีคำถาม แล้วถามว่า “ทำไมนายถึงเบื่อง่ายได้ขนาดนี้นะ” “นับๆ ไปก็ไม่เบื่อแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ การนับที่จริงจังของซูหยางก็เริ่มต้นขึ้น
เสี่ยวเป่าเบะปาก แต่แล้วก็มานับด้วยกัน
ในตอนนี้ ทางเท้าที่เดิมทีดูเงียบสงบ ทันใดนั้นก็ตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย คนเดินถนนต่างก็กรีดร้องลั่น มีบางคนวิ่งหนีเข้ามาในร้านอย่างหวาดกลัว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” กู้เนี่ยนรีบเข้ามาปกป้องเสี่ยวเป่า จ้องมองไปยังทางเท้าด้านหน้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เขาเห็นคนสองคน กำลังฟันมีดเข้าหากัน เลือดสดๆ กระจาย โดยทั่วทั้งบริเวณ
ฉากนี้ปะทะเข้ากับสายตาของเสี่ยวเป่าอย่างไม่ทันตั้งตัว รูม่านตาของเขาเบิกขยายกว้างอย่างรวดเร็ว เขาแข็งค้างไปทั้งตัว
“โอ๊ย–” ซูหยางที่แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยพบเหตุการณ์น่ากลัวแบบนี้มาก่อน เขาก็กลัวจนร้องไห้ออกมา
แม่ของซูหยางรีบเข้ามากอดเขาเอาไว้ในอกแน่นใน ขณะที่ปลอบเขาให้สงบสติอารมณ์นั้นอีกด้านก็โทรศัพท์แจ้งตำรวจไปด้วย
“เสี่ยวเป่าพวกเราเข้าไปหลบด้านในกันเถอะ” กู้เนี่ยนยังไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติไปของเสี่ยวเป่า แล้วดึงเขาเดินเข้ามาข้างในอย่างไม่หยุด
เมื่อนับได้ว่าเข้ามาด้านในแล้ว เสี่ยวเป่าก็ยังคงจ้องมองไปด้านนอกเหมือนเดิม และไม่มีใครสังเกตเห็นว่า มือทั้งสองข้างของเสี่ยวเป่าที่อยู่ข้างตัวเขาค่อยๆ บีบเข้าหากันแน่น
ไม่นานตำรวจก็มาถึง กลุ่มคนเหล่านั้นถูกควบคุมตัวไว้หมดแล้ว
รถพยาบาลก็รีบเข้ามา นำคนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
ทางเดินกลับมาเงียบสงบเหมือนดังเดิม
ซูหยางจะเอากะจิตกะใจอะไรไปกินแฮมเบอร์พี่ร์กับเฟรนช์ฟรายส์ต่อ โวยวายจะกลับบ้านท่าเดียว
เมื่อเป็นแบบนี้แม่ของซูหยางทำได้เพียงแค่พูดว่า “เสี่ยวเป่า ขอโทษนะตอนนี้อาอี๋คงต้องพาหยางหยางกลับบ้านก่อน วันหลังอาอี๋ค่อยเลี้ยงอาหารหนูใหม่นะ”
เสี่ยวเป่ามองไปที่เธออย่าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ และไม่พูดอะไรออกมา
เธอรู้สึกว่าเสี่ยวเป่ามีบางอย่างผิดปกติแต่เพราะซูหยางเอาแต่โวยวายไม่หยุดเธอเลยไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้
รีบพาซูหยางออกมาจากที่นั่นโดยเร็ว
“คุณชายน้อยพวกเราก็กลับกันเถอะ” กู้เนี่ยนจูงเขาให้เดินออกมาจากแมคโดนัลด์
ถึงแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลมาทำความสะอาดสถานที่แล้ว แต่ในอากาศยังคงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
“แหว่ะ!” อยู่ๆ เสี่ยวเป่าก็อาเจียนออกมา
สีหน้าของกู้เนี่ยนเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยความตกใจ “คุณชายน้อย!”