กู้เนี่ยนเปิดประตูห้องทำงานของประธานเข้าไป กำลังจะพูดนั้น ก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินเอานิ้วชี้แตะปากให้เธอเงียบก่อน
เขารีบหุบปากแล้วไม่พูดอีก มองไปตามสายตาของจิ้นเฟิงเฉิน ก็ถึงเห็นคนที่นอนอยู่บนโซฟา
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคือคุณหญิง
เขาเดินไปหาจิ้นเฟิงเฉินช้าๆ แล้วถามเสียงเบาว่า: “คุณชายอยากทานอะไรเป็นอาหารเช้าดีครับ? เดี๋ยวผมไปซื้อให้”
“โจ๊ก”
“งั้นคุณหญิงล่ะครับ?”
“เหมือนกัน”
จิ้นเฟิงเฉินพูดเหมือนกลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก ไม่อยากพูดอะไรมาก ที่สำคัญคือเขากลัวว่าจะทำให้เจียงสื้อสื้อตื่น
“รับทราบครับ”
กู้เนี่ยนกลับหลังหันเดินออกไป แล้วปิดประตูลงเบาๆ
เจียงสื้อสื้อตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง เธอลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างงัวเงียเบาๆ แล้วมองไปที่ตัวจิ้นเฟิงเฉิน
เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แม้จะมองแค่ข้างๆ ก็รู้ว่าสีหน้าตอนนี้ของเขาเข้มงวดแค่ไหน
เจียงสื้อสื้อวางเท้าลงพื้น ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเขา
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินเสียงเท้าเดิน ก็เลยหันหน้ากลับไปมอง เห็นเธอตื่นแล้วก็เลยคุยกับทางปลายสายแค่คำสองคำจากนั้นก็วางสายไป
เขาเดินเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน “ขอโทษนะที่ทำให้เธอตื่น”
เมื่อคืนเธอทำงานกับเขาจนถึงกลางดึก เขาอยากให้เธอหลับอีกหน่อย
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันนอนอิ่มแล้วล่ะ”
พูดจบ เธอก็บิดขี้เกียจ หันหน้าไปมองหน้าต่างสูงถึงพื้น
ท้องฟ้าแจ่มใสด้านนอกนั้น มีแสงแดดเจิดจ้าส่องประกายอยู่
รอยยิ้มที่ร่าเริงปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดว่า: “วันนี้อากาศดีจังเลยนะ”
ต่อมา เธอก็หันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่ออากาศดีขนาดนี้ งั้นฉันก็จัดการเอกสารให้นายต่อดีกว่า”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินแล้ว คิ้วสวยของเขาก็ขมวดเป็นปม “เธอไม่กลับบ้านเหรอ?”
“กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ น่าเบื่อจะตาย สู้อยู่ที่นี่กับนายดีกว่า อีกอย่างนะ เมื่อวานนายตกลงแล้วนี่ว่าจะให้ฉันกลับไปทำงานที่บริษัท”
ที่สำคัญคือ เธอจะต้องจับตามองเขา แบบนี้เขาก็จะได้กินอาหารครบทั้งสามมื้อ
จิ้นเฟิงเฉินปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “สื้อสื้อ เมื่อคืนเธอทำงานกับฉันจนถึงดึก จะต้องเหนื่อยมากแน่เลย กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ดีไหม?”
“ไม่ ฉันจะอยู่ที่นี่กับนาย” เจียงสื้อสื้อไม่ยอมเขาง่ายๆ “ถ้านายยังดึงดันให้ฉันกลับบ้านอยู่อีก ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ”
เธอขู่เขาขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ เขาตามใจเธอมาตลอด เธออยากทำอะไรก็ทำ ครั้งนี้เขาก็คงต้องยอมอีกตามเคยสินะ
“งั้นก็ได้ ถ้าเธอเหนื่อยแล้ว ก็ไปนอนที่ห้องพักผ่อน ดีไหม?” จิ้นเฟิงเฉินกำชับ
เจียงสื้อสื้อตอบตกลง “ฉันรู้แล้วน่า”
กู้เนี่ยนซื้อข้าวเช้ากลับมาก็เห็นเจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาแล้ว เขายกกล่องอาหารแล้วพูดว่า: “คุณหญิง อาหารเช้ามาแล้วครับ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบ “ขอบใจนะ”
กู้เนี่ยนวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะชา “คุณหญิงครับ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ครับ”
ต่อมา เขาก็เปิดถุงออก เอากล่องอาหารด้านในออกมาทีละกล่อง วางเรียงไว้บนโต๊ะชาแล้วเปิดฝาออก
กลิ่นอาหารลอยออกมาอบครวญในห้อง
“จ๊อกๆ—”
เสียงท้องร้องของเจียงสื้อสื้อดังขึ้น เธอรีบเอามือไปปิดไว้ แล้วพูดอย่างเขินอายว่า: “ฉันคงจะหิวแล้วล่ะ”
“งั้นรีบกินเถอะ”
เห็นท่าทางเธอที่ยังเหมือนเด็กน้อยอยู่ หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินก็อ่อนระทวยไปหมด
เจียงสื้อสื้อเห็นเขาจะไม่กินข้าวเช้า ก็เลยไปดึงแขนเขา “นายก็มากินด้วยกันสิ กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงทำงานนะ”
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็เลยต้องยอมไปนั่งโซฟากับเธอแต่โดยดี
กู้เนี่ยนเห็นแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้พูดหยอกล้อว่า: “คุณหญิงครับ คุณชายคงฟังแค่คุณหญิงเท่านั้นแหละครับ ถ้าคุณหญิงไม่มา คุณชายก็คงไม่ทานอาหารเช้าแล้วล่ะครับ”
“กู้เนี่ยน”
จิ้นเฟิงเฉินมองเขาด้วยสายตาเฉียบคม
กู้เนี่ยนลูบปลายจมูกเบาๆ แล้วพึมพำเสียงเบาว่า: “ฉันไม่ได้พูดผิดสักหน่อย”
“กู้เนี่ยน นายก็ไปกินข้าวเช้าเถอะ” เจียงสื้อสื้อพูด
“ครับ”
กู้เนี่ยนรีบถืออาหารเช้าตัวเองออกไป
ตอนที่ปิดประตูนั้น เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า: “เฟิงเฉิน ฉันหวังว่าต่อไปถึงแม้ฉันจะไม่อยู่ข้างนายแล้ว นายก็ต้องกินข้าวให้ตรงเวลานะ แบบนี้ถึงจะดีต่อร่างกายนาย”
“เธอไม่ต้องไปฟังที่กู้เนี่ยนมันพูดหรอก ที่จริงฉันกินได้หมดทุกอย่างนั่นแหละ”
เจียงสื้อสื้อไม่เชื่อเขา “ไม่มีใครรู้จักนายดีเท่าฉัน ขอแค่นายได้ทำงานขึ้นมา ก็จะไม่กินข้าวเลย”
“เอาล่ะ ไม่พูดละ กินข้าวเช้าก่อนเถอะ” เจียงสื้อสื้อเอาช้อนวางไว้ที่มือเขา
ทั้งสองกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เริ่มทำงานทันที
……
หลังจากที่จิ้นกรุ๊ปเกิดเรื่องขึ้น ซ่างกวนเชียนกับคริสมินนอกจากจะสะใจแล้ว ที่สำคัญพวกเขายังใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งลูกค้าของจิ้นกรุ๊ปไป
พวกเขารู้ดีว่า นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะโจมตีจิ้นกรุ๊ป ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป ไม่รู้ว่าโอกาสครั้งหน้าจะมาอีกเมื่อไหร่
“ครั้งนี้พวกเราแย่งลูกค้าของจิ้นกรุ๊ปมา แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี” ซ่างกวนเชียนถือรายชื่อเอกสารที่ร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปในตอนนี้
ด้านบนเช็คไปแล้วบ้าง นั่นก็คือลูกค้าที่พวกเขาแย่งมาได้
ลูกค้าก็แย่งมาได้แล้วไม่น้อย แต่ก็เป็นแค่ลูกค้าเล็กๆเท่านั้น สำหรับจิ้นกรุ๊ปแล้ว อาจจะไม่มีผลกระทบใหญ่อะไร
คริสมินเงียบสักพัก จากนั้นก็พูดว่า: “ลูกค้าบางรายร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปแบบระยะยาว แม้ครั้งนี้จิ้นกรุ๊ปเกิดเรื่องแล้ว พวกเขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อจิ้นเฟิงเฉิน ความเชื่อใจแบบนี้ คงเป็นเรื่องยากที่พวกเราจะทำลายมันได้”
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ จิ้นกรุ๊ปคงจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งแน่ งั้นที่พวกเราทำทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ”
เขาอยากจะเห็นจิ้นกรุ๊ปล้มเร็วๆ และอยากเห็นจิ้นเฟิงเฉินสติแตก
เขารอไม่ไหวแล้วจริงๆ!
ทุกคืนเขาก็สะดุ้งตื่นเพราะความฝัน ในฝันหยวนหยวนเอาแต่ร้องไห้ด่าว่าทำไมเขาไม่แก้แค้นให้กับเธอสักที
ซ่างกวนเชียนยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว ข่มอารมณ์ไว้ และพูดเสียงต่ำว่า: “พวกเราควรคิดหาวิธีการ ทำให้จิ้นกรุ๊ปอยู่ในขั้นวิกฤติ”
“ฉันรู้ นายอย่าใจร้อนไปเลย ใจร้อนไปก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น” คริสมินเพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นในหัวก็มีความคิดหนึ่งแล่นออกมา เขาแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ซ่างกวน ฉันมีวิธีแล้วล่ะ”
ซ่างกวนเชียนเงยหน้าขึ้น และสบเข้ากับแววตาที่ได้ใจของเขา จากนั้นก็ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยว่า “วิธีการอะไร?”
คริสมินไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่แค่หัวเราะอย่างได้ใจ “นายรอข่าวดีจากฉันเถอะ”
……
ตอนนั้นเพื่อที่จะทำโครงการปัญญาประดิษฐ์ จิ้นกรุ๊ปลงทุนไปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้ความลับโครงการถูกเปิดเผย งั้นเงินทุกอย่างที่ลงทุนไปก็สูญเปล่า
ตอนนี้เริ่มโครงการใหม่ ก็ต้องการทุนทรัพย์เพิ่ม
จิ้นเฟิงเฉินให้กู้เนี่ยนยื่นขอกู้เงินกับธนาคาร แต่แปลกที่ยังไม่มีการอนุมัติมาสักที
“คุณชาย ผมกับประธานหลินเคยติดต่อกันสองสามครั้ง คำพูดของเขาคลุมเครือ ไม่ได้บอกว่าตกลงให้กู้ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ”
กู้เนี่ยนย้อนนึกถึงคำพูดของประธานหลิน รู้สึกว่าต้องมีที่ไหนผิดปกติแน่
เจียงสื้อสื้อมองจิ้นเฟิงเฉิน เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาไม่มีอารมณ์ใดๆ ดวงตาลึกเหมือนบ่อน้ำนั้น มองไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอขมวดคิ้ว “ด้วยความสามารถของจิ้นกรุ๊ป จะขอกู้เงินจากธนาคารก็น่าจะง่ายกว่านะ หรือว่ามีขั้นตอนไหนที่เกิดปัญหาเหรอ?”