ช่วงใกล้จะเลิกงาน กู้เนี่ยนเข้ามารายงานว่าธนาคารย่าไท่ยอมร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปต่อ
“แต่ว่า…” เสียงของกู้เนี่ยนได้หยุกชะงักลง สีหน้ามีความลังเลออกมาเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินเลิกตาขึ้นไปมองเขา “มีอะไรหรือเปล่า?”
“อีกฝ่ายยอมปล่อยเงินกู้ให้พวกเรา แต่ดอกเบี้ยมันจะคูณเป็นสองเท่า”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเคร่งขรึมออกมาทันที “ว่ามาอย่างนั้นจริงๆ?”
“ครับ” กู้เนี่ยนพยักหน้า “อีกทั้งท่าทีก็ดูเด็ดขาดมากเลย บางที…อาจจะเป็นเพราะว่ารู้ว่าจิ้นกรุ๊ปมีความจำเป็นต้องกู้เงินโดยด่วน จึงได้ตั้งเงื่อนไขมาสูงอย่างนี้”
“งั้นเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินยิ้นเย็นออกมา “งั้นก็ต้องดูว่าเขาจะยักยอกไปได้หรือเปล่า”
“งั้นพวกเราก็ทำได้เพียงยอมแพ้กับการร่วมงานกันครั้งนี้ไป” กู้เนี่ยนถอนหายใจออกมาซ้ำๆ “นอกจากธนาคารย่าไท่ที่ยอมร่วมมือต่อแล้ว ท่าทีของธนาคารอื่นต่างก็คลุมเครือมาก ไม่ยอมให้คำตอบที่ชัดเจนมาเลยสักคำตอบเดียว ถ้าไม่ได้เงินกู้มาอีก โครงการของบริษัทก็คงจะไร้หนทางที่จะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นแน่”
จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิดไปด้วยความลังเลอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามออกไป “กู้เนี่ยน ใครเป็นคนคุยกับพวกเรา? ผู้อำนวยการธนาคารเหรอ?”
“เปล่า เป็นหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมา “งั้นช่วยฉันสืบดูตารางการเดินทางของผู้อำนวยการธนาคารดูสักหน่อย”
กู้เนี่ยนพอได้ยินแล้ว ก็ได้เอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ “คุณชาย คุณคงไม่ได้จะไปเจอกับผู้อำนวยการธนาคารด้วยตัวเองหรอกมั้งใช่มั้ย?”
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆหรี่ตาลงช้าๆ ในดวงตาเผยความเยือกเย็นออกมา “ฉันอยากรู้ให้ชัดเจนว่าเรื่องดอกเบี้ยคูณเป็นสองเท่านี้ตกลงแล้วเป็นคำสั่งของผู้อำนวยการธนาคารหรือว่าหัวหน้าฝ่ายคนนั้นคิดเองเออเอง”
“ได้ ผมจะไปสืบมาทันที”
เพียงไม่นานกู้เนี่ยนก็สืบเจอตารางงานของหลี่ซูโยงผู้อำนวยการธนาคารของธนาคารย่าไท่
“คุณชาย ตอนเย็นหลี่ซูโยงจะไปเจอลูกค้าที่คลับกล้วยไม้ครับ”
“ช่วยฉันจัดเตรียมหน่อย เย็นนี้ฉันจะไปเจอเขา” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมา
“ครับ”
……
เจียงสื้อสื้อเก็บข้าวของที่อยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วเตรียมที่จะเลิกงาน ในเวลานี้เองจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินเข้ามา
เธอพูดล้อเล่นออกไป “วันนี้คุณเตรียมพร้อมที่จะเลิกงานขนาดนี้เลย? พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว?”
เดิมทีเธอยังนึกอยู่เลยว่าเธอต้องทำงานล่วงเวลาเป็นเพื่อนเขาอีกสักแป๊บหนึ่ง ถึงจะกลับไปได้
“ผมต้องไปเจอผู้อำนวยการธนาคารของธนาคารย่าไท่ จนปัญญาที่จะกลับไปพร้อมกับคุณ” จิ้นเฟิงเฉินแสดงความรู้สึกขอโทษออกมาบนใบหน้า
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย สามารถกลับไปเองได้ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดไปหรอก”
เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ยกใบหน้าเล็กขึ้นไป สายตาจรดลงไปบนใบหน้าหล่อของเขา พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เฟิงเฉิน ฉันรู้ว่าคุณอยากจะอยู่เป็นเพื่อนฉันมาก แต่งานที่บริษัทก็สำคัญกว่า”
เธอมักจะเอาใจใส่คนอื่นอย่างนี้เสมอ จึงได้ทำให้เขาอยากจะอยู่กับเธอให้มากขึ้นไปอีก
“อีกไม่นานผมก็จะกลับ” จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้นไปทัดปอยผมที่อยู่ข้างๆแก้มของเธอไปข้างหลังใบหู พลางเอ่ยออกไปต่อว่า “แน่นอนว่าถ้าผมกลับไปช้า คุณก็ไม่ต้องรอผม รีบพักผ่อนเร็วๆ”
เจียงสื้อสื้อกุมมือเขาเอาไว้ จากนั้นก็พยักหน้าออกมา “ฉันทราบแล้ว”
“ไปกันเถอะ พวกเราลงไปพร้อมกัน” จิ้นเฟิงเฉินจับมือเธอเดินออกไปข้างนอก
สายตามองตามรถของเจียงสื้อสื้อขับออกไปไกล จิ้นเฟิงเฉินถึงได้ให้กู้เนี่ยนสตาร์ทรถ มุ่งหน้าไปยังคลับแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ทางใต้ของเมืองจิ่น
ภายใต้การนำทางโดยพนักงานของคลับ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้มาถึงห้องส่วนตัวที่หลี่ซูโยงอยู่ในตอนนี้
เขาผลักประตูเข้าไป บรรยากาศที่จากเดิมกำลังครึกครื้นอยู่นั้นก็ได้เงียบลงทันที
หลี่ซูโยงกับคนอื่นๆต่างมองจิ้นเฟิงเฉินแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ไปอย่างตื่นตะลึง
“ประธานจิ้น ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” หลี่ซูโยงได้เป็นคนตอบสนองออกมาก่อนเป็นคนแรก รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปทันที พลางเอ่ยทักทายออกไปด้วยความเกรงอกเกรงใจ
“ไม่เจอกันนาน” จิ้นเฟิงเฉินกวาดตามองคนอื่นๆ “คงไม่ได้รบกวนพวกคุณหรอกมั้งใช่มั้ย”
“ไม่ครับไม่เลย” หลี่ซูโยงยิ้มให้เขา หันหน้าไปขยิบตาให้กับคนอื่น
คนอื่นๆเข้าใจกัน จากนั้นก็ได้เอ่ยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เปล่าเลยครับ”
หลี่ซูโยงจึงได้เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา “ประธานจิ้น ในเมื่อไหนๆก็มาแล้ว งั้นก็เข้ามาดื่มกันสักสองแก้วเถอะครับ”
เขาเชื้อเชิญจิ้นเฟิงเฉินไปนั่งที่ตรงกลางโซฟา แล้วหยิบแก้วเหล้าสะอาดมาใบหนึ่งรินเหล้าลงไป
“ประธานจิ้น เหล้านี้เป็นเหล้าชั้นดีที่ผมสะสมมานานหลายปีแล้ว วันนี้คุณบังเอิญมาพบปะกันพอดีเลย” หลี่ซูโยงยื่นแก้วเหล้าไปให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินรับมา จิบไปเบาๆคำหนึ่ง มุมปากก็ได้แสยะยิ้มออกมาจางๆ “ไม่เลวเลยจริงๆ”
ได้รับคำชมของจิ้นเฟิงเฉินแล้วหลี่ซูโยงก็ยิ้มจนปากแทบจะฉีกไปถึงหูออกมาทันที “อย่างที่คิดเหล้าดีมันต้องให้คนที่เข้าใจในเรื่องเหล้ามาชิมถึงจะบอกออกมาได้ว่าดีหรือไม่ พวกเขาต่างก็ชิมไม่ออกกันทั้งนั้นว่าเลยมันดีไม่ดี”
จิ้นเฟิงเฉินดื่มเหล้าไปเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
เขานั่งอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่พูดอะไร แต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงออร่าความน่ายำเกรงของเขา จึงทำให้คนอื่นไม่อาจละเลยกันไปได้เลยสักนิด
คนอื่นๆก็ไม่กล้าจะพูดเสียงดังกันออกมาอีก ทำได้แค่เพียงพูดคุยกันไปเบาๆ
หลี่ซูโยงดื่มเหล้าไปพลาง ใช้หางตาชำเลืองมองจิ้นเฟิงเฉินไปพลาง ภายในใจรู้สึกสงสัยมากว่าเขามาได้ยังไง
เพราะถึงยังไงตนก็ไม่ได้เชิญเขามา
คงเพราะสังเกตได้ถึงสายตาของเขา จิ้นเฟิงเฉินจึงวางแก้วเหล้าลงไปบนโต๊ะน้ำชา เบือนหน้ามา
สายตาของทั้งสองคนได้สบเข้าหากัน
ในใจของหลี่ซูโยง เต้น “ตึกตัก” ขึ้นมา จากนั้นก็ได้เลื่อนสายตาออกไปทันที
“ผู้อำนวยการหลี่คงอยากรู้มากเลยใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงได้มาที่นี่?” น้ำเสียงเรียบนิ่งของจิ้นเฟิงเฉินได้ดังขึ้นมาภายในห้อง
คนอื่นๆก็ได้หุบปากเงียบกันไปทันที แล้วหันหน้าไปมองเขา
หลี่ซูโยงยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน ถามออกไปตามคำพูดของเขา “ทำไมประธานจิ้นถึงได้มาที่นี่ได้ครับ?”
“ผมมาเพราะเรื่องเงินกู้” จิ้นเฟิงเฉินเองก็ไม่ได้อ้อมค้อมเช่นกัน บ่งบอกจุดประสงค์ในการมาออกไปอย่างตรงไปตรงมา
หลี่ซูโยงคงคาดไม่ถึงว่าเขาจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ จึงได้ตื่นตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ตอบสนองกลับมาด้วยการตบขาพลางหัวเราะเสียงดัง “ผมชอบนิสัยตรงไปตรงมาอย่างนี้ของประธานจิ้นจริงๆเลย”
จิ้นเฟิงเฉินมองเขาไม่ได้พูดอะไรออกไป
“แค่กๆ” หลี่ซูโยงกระแอมไอออกมาเบาๆสองที จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “เรื่องเงินกู้นั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็รับผิดชอบโดยฝ่ายสินเชื่อมาโดยตลอด ประธานจิ้นมาหาผม เกรงว่าจะต้องผิดหวังแล้ว”
เขารู้ว่าตอนนี้จิ้นกรุ๊ปต้องการกู้เงินด่วน แต่เรื่องจำพวกนี้ต้องเป็นไปตามระเบียบ ไม่ใช่มาหาเขา แล้วการกู้เงินจะสามารถตกลงกันได้ทันที
“ที่ผมมานอกจากเพราะเรื่องกู้เงินแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่อยากจะขอคำชี้แนะจากผู้อำนวยการธนาคารสักหน่อย” จิ้นเฟิงเฉินพูด
หลี่ซูโยงเลิกคิ้วออกมา “เรื่องอะไรครับ? ประธานจิ้นพูดออกมาตรงๆเลย”
“ฝ่ายสินเชื่อของธนาคารของคุณบอกผู้ช่วยผมว่าอยากจะกู้เงินกับย่าไท่ อย่างนั้นแล้วดอกเบี้ยก็ต้องเพิ่มเป็นสองเท่า” สายตาของจิ้นเฟิงเฉินหรี่ลงเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าเรื่องนี้ผู้อำนวยการหลี่รู้หรือเปล่าครับ?”
“คูณเพิ่มเป็นสองเท่า?” หลี่ซูโยงขมวดคิ้วออกมาแน่น “หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อเป็นคนพูดออกมาจริงๆเหรอครับ?”
“ผมมีความจำเป็นจำต้องโกหกคุณด้วยเหรอครับ?” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถามออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง
สีหน้าของหลี่ซูโยงย่ำแย่ออกมา “เรื่องนี้ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย เขาเองก็ไม่ได้รายงานผมมาด้วยเหมือนกัน”
“อ้อ?” หางคิ้วของจิ้นเฟิงเฉินเลิกขึ้น “งั้นเรื่องที่ดอกเบี้ยคูณเป็นสองเท่านั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีมาก่อน?”
“แน่นอนว่าไม่มีอยู่แล้วครับ การกู้เงินธนาคารล้วนแล้วแต่จะต้องทำตามข้อกำหนดของประเทศกันทั้งนั้น พวกเราจะไปกล้าเพิ่มดอกเบี้ยเป็นสองเท่าซี้ซั้วได้ยังไงกันล่ะครับ? นี่มันไม่เท่ากับว่ากำลังคิดดอกเบี้ยเกินอัตราอยู่เหรอครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่รอยยิ้มมันกลับไปไม่ถึงดวงตา “ผมนึกว่าธนาคารของคุณจะจงใจทำให้จิ้นกรุ๊ปลำบาก ไม่ยอมปล่อยเงินกู้ให้จิ้นกรุ๊ปเสียอีก”
“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้วครับ” หลี่ซูโยงปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็ว “ผมอยากร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปต่อไปอีกครับ”
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้เพราะว่าเรื่องที่โครงการได้ถูกเปิดเผยความลับออกไป จิ้นกรุ๊ปจะได้รับผลกระทบ แต่ด้วยจัดการแก้ไขปัญหาของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว หุ้นของจิ้นกรุ๊ปจึงได้กลับขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย
ต้องพูดเลยว่าความสามารถและกำลังความแข็งแกร่งของจิ้นเฟิงเฉินไม่อาจประเมินค่าต่ำไปได้จริงๆ
มีจิ้นเฟิงเฉินอยู่ จิ้นกรุ๊ปจะต้องไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องอยากกับร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปต่ออยู่แล้ว
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินคำตอบของหลี่ซูโยง คิ้วคมได้เลิกออกมา “ความหมายของผู้อำนวยการหลี่ก็คือยอมจัดสรรเงินให้กับจิ้นกรุ๊ป?”
“แน่นอนครับ” หลี่ซูโยงยิ้ม “พรุ่งนี้ผมจะเซ็นหนังสือยื่นคำร้องขอกู้เงินของจิ้นกรุ๊ปให้ เพียงไม่นานกองทุนก็จะโอนเงินไปที่บัญชีธนาคารของจิ้นกรุ๊ป”
จิ้นเฟิงเฉินยกแก้วเหล้าขึ้นมา “ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ”
แก้วเหล้าของทั้งสองคนชนกัน จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้นกระดกเหล้าในแก้วไปจนหมดเกลี้ยง มุมปากแสยะยิ้มออกมาจางๆ
เรื่องเงินกู้ในที่สุดก็ได้แก้ไขไปอย่างราบรื่นแล้ว