บทที่ 36 ฟ่านหมิงไม่เต็มใจ
ขณะที่ฟ่านหมิงกำลังรู้สึกตื่นเต้น วังเหว่ยก็ถามขึ้นว่า “ หัวหน้าหลินล่ะ? ”
ฟ่านหมิงก็ตกใจ เขาคิดว่าวังเหว่ยคงจะแค่ถามเฉยๆก็เลยยิ้มกลับไปแล้วพูดว่า “ วันนี้หลินอี้จุนลาป่วย ส่วนเรื่องการร่วมงานกันระหว่างสองบริษัท ฉันจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบทั้งหมดเอง ”
“ ป่วยหรอ? ออ… ถ้านั้นก็รอให้เธอกลับมาก่อนแล้วกันและค่อยมาคุยกันใหม่ ” วังเหว่ย พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
ฟ่านหมิงและหลิวหยานฉี๋ต่างก็รู้สึกงง แล้วจึงรีบวิ่งตามไปอธิบายต่อว่า “ คุณพี่วัง เรื่องนี้ถึงจะมีหรือไม่มีหลินอี้จุนมันก็เหมือนกัน และที่สำคัญฉันก็เป็นผู้จัดการของเธอ ความสามารถก็ต้องมากกว่าเธออยู่แล้ว ส่วนผู้ช่วยของฉันเซี่ยวหลิวก็มีความสามารถที่โดเด่นไม่น้อยเช่นกัน คุณจะมั่นใจได้ว่าทางเราจะให้ความร่วมมือกับทางบริษัทของคุณเป็นอย่างดีจนกว่าทางบริษัทของพวกคุณจะพอใจ……”
“ ผู้จัดการวัง…สวัสดีคะ ” ยังไม่ทันได้รอให้ฟ่านหมิงพูดเสร็จ หลิวหยานฉี๋ก็ตะโกนขัดจังหวะขึ้นมา
เสียงที่ดูนิ่มนวลของหลิวหยานฉี๋ ทำให้วังเหว่ยหันไปจ้องมองด้วยความหลงใหล แต่กลับก็ต้องแสดงท่าทีปฏิเสธออกมา
วังเหว่ยมองไปที่หลิวหยานฉี๋ เขาเห็นท่าทางของหลิวหยานฉี๋แล้ว ก็ทำได้แค่พยักหน้าเบา ๆ
“ ตอนนี้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นคู่แข่งกับบริษัทพวกคุณมีอย่างน้อย 20 บริษัท ทั้งหมดเป็นรายชื่อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ 20 แห่งในประเทศ ฉันเห็นแก่เรื่องการสนับสนุนธุรกิจในพื้นที่ท้องถิ่นถึงได้มาร่วมงานกับบริษัทของพวกคุณ ในเมื่อบริษัทของพวกคุณไม่มีความจริงใจขนาดนี้แล้วละก็ นั้นก็พอกันที ผมจะกลับไปพิจารณาบริษัทอื่นใหม่อีกครั้ง ” วังเหว่ยพูดพร้อมกับเปิดประตูห้องออกไป โดยไม่เปิดโอกาศให้ฟ่านหมิงได้พูดอะไรเลย
เมื่อเห็นว่าวังเหว่ยจากไปแล้ว ฟ่านหมิงก็ได้แต่ตะลึง
เดิมทีเขาคิดว่าวังเหว่ยคงจะไม่สนใจการเปลี่ยนผู้ดูแลรับผิดชอบโปรเจ็ค และเขาก็ไม่ได้คาดวังว่าวังเหว่ยจะจริงจังได้ขนาดนี้
การร่วมงานกันของบริษัททั้งสองจะต้องถูกกลับไปพิจารณาใหม่อีกครั้ง?
นี่เป็นการยกเลิกสัญญากันเลยนะ
ถ้ามายกเลิกสัญญากันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเสี้ยจุนจะไม่ปล่อยเขาไป แม้แต่ผู้ถือหุ้นรายใหม่ก็คงจะไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน
ใบหน้าที่ดูนิ่งๆของฟ่านหมิง แต่ในใจของเขากลับรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
“ ท่านกรรมการฟ่าน ดูเหมือนว่าผู้จัดการวังเหว่ยคงจะไม่ชอบฉัน แล้วตอนนี้ก็ยังมายกเลิกสัญญากับทางบริษัทของเราอีก เราควรจะทำยังไงกันดี ” หลิวหยานฉี๋พูดออกมาอย่ากังวลใจ
ฟ่านหมิงไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็คิดว่าเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าควรจะทำยังไงดี
“ ท่านกรรมการฟ่าน ถ้าพวกเขาต้องการจะยกเลิกสัญญาจริงๆ บริษัทคงจะไม่กล้ายึดเงินมัดจำของพวกเขาไว้ และถ้าประธานเสี้ยกับผู้ถือหุ้นรายใหม่รู้เข้าจะต้องโกรธมากเป็นแน่……” หลิวหยานฉี๋พูดขึ้น
“ แล้วเธอคิดว่าเราจะแก้ไขได้ยังไง ” ฟ่านหมิงก็รู้สึกกังวลขึ้นมา ถ้าเรื่องนี้ทำออกมาได้ไม่ดีล่ะก็ อนาคตของเขาต้องถูกทำลายไปหมดแน่
“ ท่านกรรมการฟ่าน ฉันว่าโปรเจ็คนี้หลินอี้จุนต้องลงทุนโดยการเอาร่างกายของตัวเองเข้าแลกแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นผู้จัดการวังคงไม่ให้หลินอี้จุนเป็นคนรับผิดชอบโปรเจ็คนี้หรอก และถ้าเราให้หลินอี้จุนออกหน้าไปคุยกับผู้จัดการวังก็อาจจะพอช่วยได้ ” หลิวหยานฉี๋พูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ฟ่านหมิงก็อยู่ในสถานการณ์เหมือนกัน
เขาก็คิดว่าควรจะให้หลินอี้จุนเป็นคนรับผิดชอบโปรเจ็คนี้ต่อไป แต่เขาก็ยังรู้สึกคาใจอยู่
ส่วนกลุ่มลูกค้ารายใหญ่แกรนด์ไฮแอทนี้ ต่อไปต้องมีธุรกิจอีกมากมาย ถ้าต้องมาปล่อยไปแบบนี้ เขาต้องเสียดายมากแน่ และไม่เต็มใจอย่างมาก
แต่ว่าในตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่นี้
“ นั้นก็ตกลงตามนี้ เดียวฉันจะโทรหาหลินอี้จุนตอนนี้ ให้เขามาดูแลรับผิดชอบโปรเจ็คนี้ต่อ ” ฟ่านหมิงกัดฟัน และในที่สุดเขาก็ต้องตัดใจ
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูอย่างลังเลเป็นนานสองนาน หลังจากนั้นเขาก็โทรไปหาหลินอี้จุน
“ หัวหน้าหลิน ร่างกายของคุณดีขึ้นหรือยัง? ” ฟ่านหมิงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็ถามออกมา
“ ทำไมรึ? ” เสียงของหลินอี้จุนฟังดูนิ่งๆ
“ เรื่องมีอยู่ว่า ผู้จัดการวังบอกว่าต้องการให้เธอเป็นคนดูแลรับผิดชอบโปรเจ็ค ฉันก็เลยอยากถามว่าถ้าร่างกายเธอดีขึ้นแล้ว จะให้คุณโทรหาผู้จัดการวัง เพื่อนัดเจรจาใหม่อีกครั้ง ” ฟ่านหมิงกัดฟันพูด
หลินอี้จุนที่นั่งดูทีวีว่างๆอยู่ที่บ้าน เมื่อได้ยินที่สิ่งฟ่านหมิงพูดออกมานั้น ก็ทำให้สงสัยคำพูดเมื่อคืนของลู่เฉิน
เมื่อเธอกำลังจะรับปากออกไป ขณะนั้นเธอก็คิดถึงคำพูดของลู่เฉินที่พูดกับเธอก่อนที่เธอออกจากบ้านในตอนเช้า ก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจขึ้นมาทันที
“ อืม? นี่ ฉันพึ่งจะกินยาไป ตอนนี้กำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันเราค่อยมาคุยกันใหม่ ” หลินอี้จุนแกล้งทำเป็นพูดอย่างประหลาดใจ
“ บ้านเธออยู่ที่ไหน? หรือว่าจะให้ฉันไปหาเธอที่บ้าน ” ฟ่านหมิงพูด แต่ในใจก็ด่าเธอว่าอีนังเจ้าเล่ห์
“ ไม่ต้องหรอก ฉันพักผ่อนอีกสักสองวันก็คงจะดีขึ้น และอีกอย่างนึงคุณก็รู้ว่าสามีฉันไม่ชอบคุณ ฉันกลัวว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้โยนคุณออกไป ถ้าอย่างนั้นจะยิ่งเขาหน้ากันไม่ติด ” หลินอี้จุนจึงพูดปฏิเสธไป
ฟ่านหมิงอยากจะพูดอะไรอีกสักนิดหน่อย แต่หลินอี้จุนกลับวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว
“ แม่งเอ่ยนังแพศยา เธอต้องจงใจแน่ๆ จะต้องให้รอถึงสองวัน และพวกกลุ่มแกรนด์ไฮแอทยังคิดที่จะมาร่วมงานกับบริษัทของเราอีกหรือไง? ” ฟ่านหมิงพูดอย่างโมโห
“ เธอต้องแกล้งป่วยแน่ๆ เมื่อวานก็ยังเห็นเธอดีๆอยู่เลย แล้ววันนี้อยู่ดีๆจะป่วยได้ยังไง ต้องเป็นเพราะคุณไปแย่งงานเธอเป็นแน่ เธอก็เลยมาแก้แค้นคุณ แต่ถ้าสมมุติว่าโปรเจ็คนี้ต้องถูกยกเลิกไป เธอก็ต้องสูญเสียค่าคอมมิชชั่นหลายแสนอยู่เหมือนกัน ถ้างั้นคุณลองโทรหาเธอใหม่อีกครั้ง และทำท่าทีให้ดุดันอีกสักหน่อย เธอจะได้รู้สึกกังวล ” หลิวหยานฉี๋พูดพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา
“ อืม เธอพูดก็มีเหตุผล ” ฟ่านหมิงพยักหน้าและโทรหาหลินอี้จุนอีกครั้ง
“ หัวหน้าหลิน ฉันบอกคุณตรงๆเลยละกัน เมื่อสักครู่นี้ผู้จัดการวังบอกว่าเขาไม่ต้องการจะร่วมงานกับบริษัทของเราแล้ว ถ้าเธอยังไม่หาวิธีแก้ปัญหานี้แล้วล่ะก็ ค่าคอมมิชชั่นหลายแสนของเธอก็จะไม่มีเช่นกัน นั้นเธอก็เอาไปจัดการเองละกัน ” ฟ่านหมิงพูดออกมาหลังจากที่เขาโทรติด
หลินอี้จุนขมวดคิ้ว หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ เธอก็เชื่อคำพูดของลู่เฉินที่ว่าให้เธอหาเรื่องดึงเวลาไปอีกสักไม่กี่วัน ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าผู้จัดการวังเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆล่ะ?
ถ้านั้นตัวเธอเองต้องสูญเสียเงินค่าคอมมิชชั่นไปหลายแสนเลยนะ?
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก หลินอี้จุนก็ตัดสินใจได้
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของลู่เฉินและวังเหว่ย เมื่อมาเทียบกับค่าคอมมิชชั่นหลานแสนแล้ว แน่นอนว่าเธอต้องเลือกค่าคอมมิชชั่นก่อนเป็นแน่
“ ฉันเข้าใจแล้วคะ เดียวฉันจะติดต่อกลับหาผู้จัดการวังเลยคะ ” หลินอี้จุนพูดออกมาอย่างเสียงดัง
หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็วางสาย ถึงแม้ว่าเธอจะยังรู้สึกไม่พอใจฟ่านหมิงอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยโปรเจ็คนี้ก็กลับมาเป็นของเธอ และนี้ก็เป็นเรื่องดีกว่าอะไรทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าหลินอี้จุนวางสายใส่เขาอีกครั้ง ฟ่านหมิงจึงพูดใส่โทรศัพท์ไปว่า “นังแพศยา อย่าทำเป็นดีใจไป คอยดูนะสักวันนึงฉันจะทำให้พวกเธอสองสามีภรรยาต้องถูกเฉดหัวออกไปบริษัทนี้ให้ได้ ”
……
ลู่เฉินไม่ได้ไปที่บริษัทในทันที เพราะรถที่เขาซื้อเมื่อวานนี้ถูกหลินอี้จุนเอาไปแล้ว และเขาคิดว่าวันนี้จะไปซื้อรถใหม่เพิ่มอีกคัน
เมื่อมีรถสักคัน จะไปไหนมาไหนก็สะดวก อย่างน้อยก็ไม่ต้องมายืนรอรถแท็กซี่อีกแล้ว
เขาเรียกรถแท็กซี่ไปที่ร้าน Audi 4S ทันใดนั้นก็มีพนักงานขายสาวสวยประมาณห้าถึงหกคนเข้ามาล้อมรอบตัวเขาไว้
“คุณพี่ลู่ วันนี้คุณมาดูรถอีกแล้วหรอคะ หรือว่าคุณจะมาซื้อรถให้เพื่อนคะ ”
“ คนที่ประสบความสำเร็จอย่างคุณพี่ลู่แบบนี้ ถ้าจะซื้อรถให้เพื่อนสักคันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ”
“ คุณพี่ลู่ วันนี้จะซื้อรถรุ่นไหนดีคะ ”
สาวสวยพวกนี้ที่ลอมรอบตัวลู่เฉินอยู่ ต่างก็พูดออดอ้อนเขาไม่หยุด เหมือนกับว่าพวกเขากับลู่เฉินรู้จักคุ้นเคยกันมานาน
ลู่เฉินมองไปที่สาวสวยพวกนั้น และเขาก็ผลักพวกเธอออกไป จากนั้นลู่เฉินก็เดินไปทางที่พนักงานขายฝึกหัดอยู่ และพนักงานขายฝึกหัดคนนั้นก็อยากที่จะเขาไปคุยกับลู่เฉิน แต่ก็กลับไม่กล้าได้แต่ยืนดูอยู่ข้างๆ